torsdag 18 september 2014

"กลุ่มรอยัลลิสต์สุดขั้ว" ไปเจอมา เรื่องราวที่น่าสนใจอ่านแล้วจะเข้าใจที่มา "เบื้องลึกแผนลับ" ที่มาที่ไปของปัญหาและสาเหตุความวุ่นวายในการแย่งชิงอำนาจในประเทศไทยวันนี้ได้ชัดเจนขึ้น







ตั๊น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

22 ธันวาคม 2013
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเชื่อว่า พระองค์คือสมเด็จพระสุริโยไทเมื่อสมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งทรงได้กลับชาติมาเกิด สมเด็จพระสุริโยไทคือพระมเหสีที่ทรงเข้าร่วมศึกสงครามด้วยการขี่บนหลังช้างเพื่อปกป้องพระสวามีของพระองค์ซึ่งเป็นกษัตริย์อยู่ในเวลานั้น และยังได้รักษาราชอาณาจักรจากอริราชศัตรูของผู้รุกรานจากประเทศพม่า ถึงแม้ว่าสมเด็จพระสุริโยไทสิ้นพระชนม์ไปก็ตาม แต่การแทรกแทรงของพระองค์ได้ช่วยรักษาเอกราชให้กับกรุงศรีอยุธยา หรือตามที่เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้กล่าวอ้างกันมาแบบนี้

ในปี พ.ศ. 2540 ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ นางสนองพระโอษฐ์ที่มีไหวพริบมากที่สุดและยังเป็นราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้ถึงแก่อนิจกรรมเนื่องจากเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์พูม่า (Puma Helicopter) ในขบวนเสด็จฯ ได้ประสบอุบัติเหตุตกที่จังหวัดนราธิวาส ตามที่เคเบิ้ลของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาหมายเลข
09BANGKOK2967 กล่าวไว้ว่า "อุบัติเหตุเครื่องบินตกอย่างน่าอนาถนั้น ปล้นตัวที่ปรึกษาอันทรงคุณค่าและน่าเคารพมากที่สุดของสมเด็จพระราชินีนาถออกไป เพราะเธอสามารถควบคุมวิถีทางที่จะทำให้พระองค์หลบหลีกจากปัญหาต่างๆ ได้" และนางสนองพระโอษฐ์ที่รอดชีวิตเหล่านั้น ก็เปรียบเสมือนกับกลุ่มผู้วางแผนการอันชั่วร้ายซึ่งเต็มไปด้วยพิษสงที่ "ดูเหมือนว่าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับพระประสงค์ขององค์สมเด็จพระราชินีนาถ เพื่อให้เกิดลัทธิความเป็นชาตินิยมมากกว่าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยซ้ำไป" กลุ่มนางสนองพระโอษฐ์ขวาจัดเหล่านี้ ต่างยั่วยุด้วยการสร้างกำลังใจให้องค์สมเด็จพระราชินีนาถเกิดความหลงผิด ส่วนหนึ่งของพวกเธอเหล่านั้น เนื่องจากความเกลียดชังที่พวกตนที่มีอยู่กับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วยการเป่าหู สมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า มันเป็นพรหมลิขิตของพระองค์ที่จะช่วยประเทศไทยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้เหมือนกับที่สมเด็จพระสุริโยไทได้ทรงกระทำมา ใน ปี พ.ศ. 2551 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้ทรงเลิกล้มการสนับสนุนให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 10 ของราชวงศ์จักรี โดยการสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มองคมนตรี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สร้างรากฐานของระบบศักดินาอันเก่าแก่ (Old Feudal Establishment) การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลือง เพื่อการบ่อนทำลาย (Sabotage) กับเรื่องการสืบราชสมบัติ แผนการนี้คือ การอ้างมาตรา 10 ของกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ เพื่อกีดกันไม่ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป เพื่อที่องค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์จะทรงสามารถใช้อำนาจการปกครองในฐานะของผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ตามที่กล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เรื่องนี้จะต้องได้รับการอนุมัติ (Ratified) จากรัฐสภา ดังนั้น กลุ่มรอยัลลิสต์ขวาจัดกลุ่มนี้ได้เริ่มทำงานประสานกันอย่างเต็มที่ เพื่อทำลายล้างรัฐสภาที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรมีอำนาจบงการอยู่ เรื่องนี้เป็นเบื้องหลังที่ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเปิดเผยของความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยการยึดสนามบินนานาชาติโดยกลุ่มเสื้อเหลือง พร้อมกับการยุบพรรคพลังประชาชนลงไป ซึ่งเป็นการเปิดทางให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากเสนอเงื่อนไขทำการตกลงกับบุคคลที่น่ารังเกียจและเต็มไปด้วยการทุจริตอย่างนายเนวิน ชิดชอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณมีการแลกผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นตัวเชื่อมสำคัญระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้ทรงพระประชวรด้วยโรคสมองขาดเลือด (Stroke) อย่างรุนแรงในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 จนเป็นการสิ้นสุดความหวังของพระองค์ที่จะได้รับอำนาจปกครองในฐานะผู้สำเร็จราชการเผ่นดิน แต่แวดวงภายในของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ก็ยังคงต่อต้านสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร อย่างรุนแรงและยังมีความตั้งใจที่จะบ่อนทำลายการสืบราชสมบัติอยู่เสมอมา นี่คือเหตุผลของการก่อการจราจลครั้งล่าสุด --- ฝ่ายรอยัลลิสต์ขวาจัดยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะกำจัดอิทธิพลของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรออกไปจากรัฐสภา เพื่อความยินยอมให้ฝ่ายตนทำการสถาปนาระบอบกษัตริย์ในทางเลือกแบบใหม่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ ทรงเสด็จสวรรคตลงไป ในเวลานี้ กลุ่มผู้สถาปนาระบบศักดินาเกือบทั้งหมดให้ความชื่นชอบต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร ต่อสถานะของผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ผู้ซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่ เป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป แต่ก็ยังมีบางฝ่ายที่ชื่นชอบต่อการนำเอาพระราชโอรสของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร กลับเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรได้แสดงให้เห็นอย่างประจักษ์แล้วว่า เขาสามารถมีชัยในการควบคุมรัฐสภาได้ เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นทุกๆ ครั้ง ดังนั้น กลุ่มรอยัลลิสต์สุดขั้วนี้ จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของพวกตน ในการป้องกันไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ จนกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ จะทรงเสด็จสวรรคตลงไปแล้ว

ความครอบงำอย่างฝังใจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ กับตำนานสมเด็จพระสุริโยไท กระตุ้นให้พระองค์ทรงเกณฑ์หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ในปลายทศวรรษ 1990 เพื่อสร้างภาพยนต์มหากาพย์ที่มีต้นทุนสูงมากถึงเรื่องราวความเป็นมา โดยสำนักพระราชวังมอบเงินให้กับโครงการนี้จำนวน $8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 250 ล้านบาท) ในเวลานั้น ในขณะที่ประเทศไทยกำลังโซเซอยู่กับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของทวีปเอเซีย และเมื่อโครงการสร้างภาพยนต์ใช้เงินเกินงบประมาณที่กำหนดไว้ ทางกองทัพไทยและผู้บริจาคเงินทุนจากองค์การห้างร้านต่างๆ ก็ถูกบีบบังคับให้ช่วยเหลือ ท้ายที่สุด ภาพยนต์เรื่องนี้ต้องใช้เงินทุนสร้างมากกว่า $10 ล้านเหรียญสหรัฐ (มากกว่า 320 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนต์ที่มีงบประมาณการสร้างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในขณะที่เริ่มออกฉาย --- ซึ่งไม่มีภาพยนต์เรื่องใด เคยมีงบประมาณการสร้างมากกว่า $2 ล้านเหรียญสหรัฐ (64 ล้านบาท) มาก่อนเลย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ทรงยืนกรานว่า สมเด็จพระสุริโยไทนั้น จะต้องถูกแสดงด้วยนักแสดงที่มีเชื้อสายกษัตริย์เท่านั้น ต้องไม่ใช่สามัญชน จึงทรงเลือกตัวนางสนองพระโอษฐ์ของพระองค์และยังเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับฉลองพระองค์ส่วนพระองค์ นั่นคือ หม่อมหลวง ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี สำหรับบทบาทของผู้แสดง ม.ล.ปิยาภัสร์ เป็นธิดาของท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤดากร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนางสนองพระโอษฐ์ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงให้ความเชื่อใจมากที่สุดมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ จนกระทั่งเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อปี พ.ศ. 2540 (หมายเหตุ: อุบัติเหตุตก ที่จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้ข้าราชบริพาร และผู้ร่วมเดินทางปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บอีกหลายคน ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ เป็นข้าราชบริพารระดับสูงถึง 4 ท่าน คือ ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์, ท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤษดากร ณ อยุธยา, คุณทวี มณีบุตร (ท.จ.ว.) และ ท่านผู้หญิงทัดสมัย เศวตเศรณี - ผู้แปล)

หม่อมหลวง ปิยาภัสร์ ไม่เคยแสดงภาพยนต์มาก่อนและถือว่าไร้ประโยชน์ ตามที่
คุณเค้นท์ วิลเลี่ยมส์ (Kent Williams) ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ภาพยนต์คนหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งข้อสังเกตว่า: "ตำนานพระสุริโยไท ซึ่งเป็นชุดหลักของซีรี่ย์มีความหรูหราตระการตา ในการนำไปสู่และออกมาจากศึกสงครามเป็นจำนวนหลายๆครั้ง เป็นเรื่องที่่ดูเหมือนกับมหากาพย์ (Epic) แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับโครงการอันหรูหราฟุ้งเฟ้อ --- ด้วยความพยายามของครอบครัวพระบรมวงศานุวงศ์ ที่จะประดับประดาตนเองเพื่อเข้าไปสู่เกียรติศักดิ์ของเรื่องราวในอดีตกาล เมื่อกล่าวถึงความหรูหราฟุ้งเฟ้อแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงดำเนินการด้วยการนำเอา หม่อมหลวง ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ซึ่งเป็นนางสนองพระโอษฐ์ของพระองค์เข้ามารับบทของ พระสุริโยไทนี้ ซึ่งเป็นการวางอุบายของทางฝ่ายวังที่จะปล่อยให้เราได้ชมนักแสดงตัวเอก ซึ่งเป็นเรื่องอันน่าเศร้าจริงๆ เพราะเธอไม่สามารถสวมบทบาทนี้ได้เลย "แต่สื่อมวลชนไทยกลับทุ่มสุดตัวเชียร์หม่อมหลวงปิยาภัสร์กันด้วยความชื่นชม เธอยังได้รับการอ้างอิงจาก บทความจากเวปไซค์ของ เดอะ เนชั่น ด้วยความเทอดทูนว่า "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงรู้สึกว่า ภาพยนต์เรื่องนี้จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงไทยนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีความเท่าเทียมกับผู้ชายก็ตาม ก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่หลายครั้ง พระองค์ยังทรงรู้สึกอีกว่า ผู้หญิงไทยมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้หญิงชาติอื่นๆ อีกหลายประเทศจากทวีปเอเซีย เราอาจไม่มีความเท่าเทียมกับผู้ชาย แต่เราสามารถกระทำหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาไม่สามารถกระทำได้ และ ในทำนองเดียวกัน ข้าพเจ้าคิดว่า ผู้ชายกับผู้หญิงนั้น มีบทบาทแยกกันในทางสังคม... ในวิธีการบางอย่าง ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้เสียสละมากยิ่งขึ้นและทำให้ชีวิตของข้าพเจ้านั้น มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ภาพยนต์เรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อประชาชนชาวไทยและสำหรับพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ พระองค์ท่านเหล่านั้น มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากมายมหาศาลกับประเทศแห่งนี้ และกับตัวข้าพเจ้าเป็นการส่วนตัวอีกด้วย"

ตั๊น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี เป็นธิดาของหม่อมหลวง ปิยาภัสร์ และจุตินันท์ ภิรมย์ภักดีของตระกูลเบียร์ตราสิงห์ เธอได้ถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษตามที่มีการคาดคะเนกัน เนื่องจากเธอเป็นโรคภูมิแพ้กับมลภาวะ แต่อาจเนื่องจากคุณแม่ของเธอ มีความกังวลเป็นอย่างมากว่า เธอจะกลายเป็นเหยื่อให้กับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารแทน เมื่อครั้งที่เธอเดินทางกลับมายังประเทศไทยเธอได้กลายเป็นบุคคลผู้จุดประกายทางการเมืองให้กับพรรคประชาธิปัตย์

ชื่อเสียงของเธอในการประท้วงต่อต้านนั้น แสดงให้เห็นว่า แวดวงภายในของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์นั้น เป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่อต้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตั้น จิตภัสร์ เป็นกุญแจตัวสำคัญที่เชื่อมระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

Original English language version available 
 ต้นฉบับภาษาอังกฤษคลิกอ่านที่นี่ here.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar