โดย พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ไม่ว่าที่ใดในโลก
เผด็จการต่อให้เสื่อมโทรมสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางล้มไปเอง
มีแต่ต้องถูกประชาชนขับไล่
แทนที่ด้วยกลุ่มอำนาจใหม่ที่ผ่อนคลายกว่าหรือที่ตอบสนองปชช.ได้ดีกว่า
คนที่คิดว่าตัวเอง "นั่งบนภูดูหมากัดกัน" เอาแต่รอให้เผด็จการล่มสลายไปเองด้วยความขัดแย้งภายใน หรือด้วยปัญหาเศรษฐกิจสังคมที่รุมเร้า นึกว่า เมื่อเผด็จการล้มไปเอง ประชาธิปไตยก็จะงอกขึ้นมาแทนที่โดยไม่ต้องทำอะไร คนเหล่านี้อาจจะเคยลงแรงมาเยอะ แล้วล้มเหลว ก็เลยเอาความล้มเหลวในอดีต มาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไรอีก ใช้คำหรูๆ อย่าง " นั่งบนภูดูหมากัดกัน" มาปกปิดอารมณ์พ่ายแพ้ของตัวเอง แล้วพอมีใครลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็เยาะเย้ย ตำหนิติเตียนว่า "เป็นไปไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ เสียแรงเปล่า เดี๋ยวเตะหมูเข้าปากหมา"
แต่พอเหตุการณ์คลี่คลาย แล้วผลลัพธ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ก็ตำหนิคนที่ลงมือทำอีกว่า "เห็นไหมล่ะ บอกแล้ว ไม่ได้อะไรเลย เตะหมูเข้าปากหมาไปแล้วนั่นไง" แน่นอนว่า คนที่ลงมือทำอาจจะผิดพลาดได้ แต่ความจริงก็คือ การที่ "หมูไปเข้าปากหมา" นั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะคนพวกนี้แหละที่เอาแต่ "นั่งบนภูดูหมากัดกัน" ไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันสถานการณ์ให้เป็นไปในทางที่ต้องการ
อยากจะได้อะไร ก็ต้องสู้เพื่อให้ได้มา โลกนี้ไม่มีของฟรี ผิดพลาดพ่ายแพ้ก็สรุปบทเรียน ดูตัวอย่างตระกูลนักการเมืองหนึ่ง มีคำพูดหรูๆ ว่า "ถ้าสู้แล้วไม่ชนะ ก็อย่าสู้ดีกว่า" ฟังดูฉลาดมาก แต่เพราะคิดอย่างนี้ ก็เลยไม่เคยสู้แม้แต่ยกเดียว เจออุปสรรค ก็ยกมือยอมแพ้ทุกครั้ง จนถึงวันนี้ ตระกูลนี้ก็แพ้ราบคาบ ถอยจากหน้าบ้าน ไปห้องรับแขก ผ่านห้องครัว แพ้ไปจนถึงในมุ้งแล้ว!
คนที่คิดว่าตัวเอง "นั่งบนภูดูหมากัดกัน" เอาแต่รอให้เผด็จการล่มสลายไปเองด้วยความขัดแย้งภายใน หรือด้วยปัญหาเศรษฐกิจสังคมที่รุมเร้า นึกว่า เมื่อเผด็จการล้มไปเอง ประชาธิปไตยก็จะงอกขึ้นมาแทนที่โดยไม่ต้องทำอะไร คนเหล่านี้อาจจะเคยลงแรงมาเยอะ แล้วล้มเหลว ก็เลยเอาความล้มเหลวในอดีต มาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไรอีก ใช้คำหรูๆ อย่าง " นั่งบนภูดูหมากัดกัน" มาปกปิดอารมณ์พ่ายแพ้ของตัวเอง แล้วพอมีใครลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็เยาะเย้ย ตำหนิติเตียนว่า "เป็นไปไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ เสียแรงเปล่า เดี๋ยวเตะหมูเข้าปากหมา"
แต่พอเหตุการณ์คลี่คลาย แล้วผลลัพธ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ก็ตำหนิคนที่ลงมือทำอีกว่า "เห็นไหมล่ะ บอกแล้ว ไม่ได้อะไรเลย เตะหมูเข้าปากหมาไปแล้วนั่นไง" แน่นอนว่า คนที่ลงมือทำอาจจะผิดพลาดได้ แต่ความจริงก็คือ การที่ "หมูไปเข้าปากหมา" นั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะคนพวกนี้แหละที่เอาแต่ "นั่งบนภูดูหมากัดกัน" ไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันสถานการณ์ให้เป็นไปในทางที่ต้องการ
อยากจะได้อะไร ก็ต้องสู้เพื่อให้ได้มา โลกนี้ไม่มีของฟรี ผิดพลาดพ่ายแพ้ก็สรุปบทเรียน ดูตัวอย่างตระกูลนักการเมืองหนึ่ง มีคำพูดหรูๆ ว่า "ถ้าสู้แล้วไม่ชนะ ก็อย่าสู้ดีกว่า" ฟังดูฉลาดมาก แต่เพราะคิดอย่างนี้ ก็เลยไม่เคยสู้แม้แต่ยกเดียว เจออุปสรรค ก็ยกมือยอมแพ้ทุกครั้ง จนถึงวันนี้ ตระกูลนี้ก็แพ้ราบคาบ ถอยจากหน้าบ้าน ไปห้องรับแขก ผ่านห้องครัว แพ้ไปจนถึงในมุ้งแล้ว!
(หมายเหตุ-นำมาอัพเดทให้พี่น้องประชาชนไทยเพื่อนร่วมชาติได้อ่านทบทวนอีกครั้ง...จะได้เข้าใจไม่สับสนหลงทาง มีสติเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมติดตามก้าวทันสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติธรรมดา .ที่ไม่มีอะไรแน่นอนบนความไม่แน่นอน....
ยุคประเทศไทย"ไร้รัฐธรรมนูญ" มีกษัตริย์ใหม่ ได้สังฆราชใหม่..ปกครองในระบอบเก่า...ภายใต้รัฐบาลทหารเผด็จการคสช...)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar