söndag 16 februari 2020

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายทหารหน่วยรบพิเศษ เฉลิมศักดิ์ เรือนมงคล

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหายตัวไปสองปีมาแล้ว ของนายทหารหน่วยรบพิเศษ เฉลิมศักดิ์ เรือนมงคล หลังจากหลบหนีออกนอกประเทศ ขณะกำลังแสวงหาที่ลี้ภัยในต่างแดน
(Scroll down for English version)
เฉลิมศักดิ์ เป็นคนพื้นเพจังหวัดชัยภูมิ ได้หนีออกนอกประเทศ ในเดือน เมษายน คศ ๒๐๑๘ และสันนิษฐานว่า ถูกฆ่าตายไปแล้ว เขามีอายุเพียง ๒๘ ปี ผมได้เขียนเรื่องเต็มๆไว้ที่ลิ้งค์นี้ https://www.facebook.com/zenjournalist/posts/10157533760936154
จากการเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติม ผมได้พบรายละเอียดเพิ่มขึ้น ดังนี้
ในวันที่ ๓๐ มีนาคม พศ ๒๕๖๑ ระหว่างปฏิบัติการอยู่ที่ จังหวัดนราธิวาส เขาถูกทางกองทัพบกเรียกตัวเข้ากรุงเทพ เนื่องจากมีข้อกล่าวอันมิชอบต่อตัวเขา
เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม เขาโดนสอบสวนโดย นายทหารระดับนายพันสังกัด
หน่วยสืบราชการลับ ต่อมา ในวันที่ ๑ เมษายน เขาได้รับการบอกเล่าจากผู้ช่วยการพลเรือนคนหนึ่งว่า รายละเอียดเรื่องของเขาได้ถูกส่งไปยังทีมงานของ กษัตริย์วชิราลงกรณ์ ที่เยอรมนีแล้ว แล้วเขายังได้รับการบอกเล่าอีกว่า วชิราลงกรณ์ เองก็ทราบเรื่องของเขาแล้ว และเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส
มาถึงจุดนี้ เขาจึงได้ตัดสินใจหนี
เป็นที่ทราบกันแน่ชัดว่า เฉลิมศักดิ์ ได้รับการนับถือว่า เป็นนายทหารรุ่นเยาว์ที่มีผลงานดีเด่นคนหนึ่งในวงการทหารไทย
เขาได้เข้าร่วม “หน่วยหมวกแดง” ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษ หลังจากที่เขาได้จบการศึกษาอบรมที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
เขาอยู่ในหน่วยรบระดับอีลีตของหน่วยกำลังรบพิเศษของกองทัพ คือ กองพันจู่โจม ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่ง ของกองทหารรักษาพระองค์ หน่วยของเขา มีปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจ ในด้านต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นกองกำลังชั้นสูงในกองทัพไทย และได้มีเอี่ยว
เกี่ยวข้อง กับการปฏิบัติการอุ้มฆ่า วุฒิพงศ์ กชธรรมกูล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า โกตี๋ และผู้ลี้ภัยชาวไทยอีกหลายคนในประเทศลาว
เฉลิมศักดิ์ ก็ยังได้รับการอุปถัมภ์เป็นส่วนตัว โดย เฉลิมชัย สิทธิสาท นายทหารกำลังรบพิเศษ ซึ่งในภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพบก ในปี พศ ๒๕๕๙
การแต่งตั้ง เฉลิมชัย เป็นเรื่องที่พลิกล็อค เพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มทหารอิทธิพลสูง คือกลุ่ม บูรพาภยัคฆ์ ซึ่งเป็นสายสนิทของ เปรม ติณสูลานนท์ ผู้เป็นศัตรูกับ วชิราลงกรณ์ มาเป็นเวลานาน ข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงทั้งทางทหารและพลเรือนกล่าวว่า การแต่งตั้ง เฉลิมชัย ก็เพื่อลดทอนความเสี่ยงจากความขัดแย้งถึงขั้นแตกหักในกองทัพ ในช่วงต่อผ่านของการสืบราชสมบัติ
เฉลิมชัย เป็นนายทหารในกองกำลังรบพิเศษ ระดับอีลีต และได้รับการอุปถัมภ์ จากผู้ใหญ่ขนาดผู้บัญชาการกองทัพบก จึงเป็นที่เชื่อกันว่า เขาเป็นนายทหารระดับดาวเด่น ที่มีศักยภาพสูงพอที่จะสามารถไต่เต้าสู่ตำแหน่งระดับสูงสุดในวงการทหารไทย
จากเอกสารที่เราพบ ที่ http://www.chapanakit-rta.com/gallery/L2/list2_0106.pdf ชื่อของเขาอยู่ในหน้าที่ ๕ ที่รายชื่อที่ ๑๖๓ ระบุว่า หมายเลขประจำตัวของเขาคือ เลข 555000090
ด้วยหมายเลขประจำตัวนี้ เราจึงพบว่า เขาส่งเงินผ่อนส่งรายเดือนเข้ากองทุน ฌาปณกิจสงเคราะห์ ของกองทัพบก ที่ http://rtacs.chapanakit-rta.com/checkmemberstatus/index.php
ซึ่งระบุว่า เดือนที่ค้างชำระคือ เดือน เม.ย. ๖๑ อันแสดงว่าเขาขาดส่งในเดือน มีนาคม ที่ตรงกับเวลาที่เขาหายตัวไป
เรื่องน่าพิศวงอีกประการหนึ่ง ก็คือ ในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ราชกิจจานุเบกษา ของเดือน กันยายน พศ ๒๕๖๒ เฉลิมศักดิ์ ได้รับการเลื่อนยศเป็น “ว่าที่ร้อยเอก” ดังปรากฎในหน้า ๙๒ ของเอกสารที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/P…/2562/B/050/T_0001.PDF
แต่ เฉลิมศักดิ์ คงจะเสียชีวิตไปแล้ว หรือต้องขังอยู่ที่ เรือนจำหลวง ณ วังทวีวัฒนา จึงเป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่เขามีชื่ออยู่ในบัญชีเลื่อนยศประจำปีทางทหาร มีความเป็นไปได้ ๓ ประการ คือ - ประการแรก อาจจะเป็นความผิดพลาดของฝ่ายเอกสาร, สอง ทางทหารอาจจะต้องการปิดข่าวการหายไปของเขา, หรือ สาม เป็นการปลอบขวัญให้กับครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง
ก่อนที่จะหายตัวไป เฉลิมศักดิ์ ได้บอกกับเพื่อนของเขาว่า ทหารทั้งในหน่วยรบพิเศษ และแม้แต่นายทหารหลายๆคนโดยทั่วไป ต่างไม่ชอบกษัตริย์วชิราลงกรณ์
ด้วยความหวาดหวั่นต่อการกบถ จึงเป็นเหตุที่ วชิราลงกรณ์ ได้ย้าย กรมทหารราบที่ 11 และ กองพลทหารราบที่ 4 ออกจากกรุงเทพ และได้ตั้ง กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรง ส่วนพระองค์ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองหลวง
เฉลิมชัย สิทธิสาท ดูจะไม่ได้รับความเสียหายแต่ประการใด จากกรณีการหายตัวไปของผู้น้อยที่เคยอุปถัมพ์ ด้วยกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เขาได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นองคมนตรีในปี พศ ๒๕๖๑
.........
𝗠𝗼𝗿𝗲 𝗱𝗲𝘁𝗮𝗶𝗹𝘀 𝗼𝗻 𝘀𝗽𝗲𝗰𝗶𝗮𝗹 𝗳𝗼𝗿𝗰𝗲𝘀 𝗼𝗳𝗳𝗶𝗰𝗲𝗿 𝗖𝗵𝗮𝗹𝗼𝗲𝗺𝘀𝗮𝗸 𝗥𝘂𝗲𝗻𝗺𝗼𝗻𝗴𝗸𝗼𝗻, 𝘄𝗵𝗼 𝗱𝗶𝘀𝗮𝗽𝗽𝗲𝗮𝗿𝗲𝗱 𝘁𝘄𝗼 𝘆𝗲𝗮𝗿𝘀 𝗮𝗴𝗼 𝗮𝗳𝘁𝗲𝗿 𝗳𝗹𝗲𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗧𝗵𝗮𝗶𝗹𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗼 𝘀𝗲𝗲𝗸 𝗮𝘀𝘆𝗹𝘂𝗺 𝗮𝗯𝗿𝗼𝗮𝗱.
Chaloemsak, from Chaiyaphum, disappeared after fleeing Thailand in April 2018, and is presumed to have been murdered. He was just 28. I wrote the full story of what happened here: https://www.facebook.com/zenjournalist/posts/10157533760936154
Through further investigation, I've found a few more details about his disappearance.
On March 30, 2018, he was on a mission in Narathiwat when he was summoned to Bangkok by the army due to the accusations against him.
On March 31, he was interrogated in Bangkok by a colonel working in military intelligence.
On April 1, he was told by an aide de camp that his details had been sent to King Vajiralongkorn's team in Germany. He was told Vajiralongkorn was personally aware of his case, and that he faced severe punishment.
It was at this point that he decided to flee.
It's clear that Chaloemsak was regarded as one of the most outstanding young officers in the Thai military.
He joined the "red beret" special forces straight after he finished his training at Chulachomklao Royal Military Academy.
He was in an elite battalion of the special forces, the Royal Thai Army Rangers [กองพันจู่โจม], which is designated as part of the King's Guard. His unit focused on special operations and counter-insurgency. It is among the most elite units in the Thai military, and has been linked with operations including the murder of Wuthipong Kachathamakul, also known as Ko Tee, and other exiled Thai dissidents in Laos.
Chaloemsak was also personally mentored by Chalermchai Sittihisart a special forces officer who was appointed army commander-in-chief in 2016.
Chalermchai's appointment was a surprise because he was not from the Eastern Tigers [บูรพาพยัคฆ์] faction that had become dominant in the military, and had close ties to Prem Tinsulanonda who had long been an enemy of Vajiralongkorn. According to senior political and military sources, the decision to appoint Chalermchai was designed to reduce the risk of conflict and a serious split in the military at the time of the royal succession.
So Chaloemsak was an officer in an elite unit, and had the patronage of the army commander-in-chief. He was widely regarded as an outstanding soldier, with the potential to rise to the very highest ranks of the Thai military.
From this document we can find Chaloemsak's military ID number: http://www.chapanakit-rta.com/gallery/L2/list2_0106.pdf He is #163 on page 5, and his ID number is 5550000909.
Using this we can check his monthly contributions to the army cremation fund here: http://rtacs.chapanakit-rta.com/checkmemberstatus/index.php
This shows he has not made any monthly payments to the fund since March 2018. This corresponds exactly to the time of his disappearance.
One mystery is that last year the Royal Gazette reported that Chaloemsak had been promoted to captain. It's on page 92 of this document: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/P…/2562/B/050/T_0001.PDF
But Chaloemsak is either dead or a prisoner at the royal jail at Thaweewattana Palace, and it is very strange that he was listed in the annual military promotions. There are three main possibilities — it could be a clerical error, the military could be trying to conceal the fact that he has disappeared, or it was a posthumous pardon to placate his family.
Before his disappearance, Chaloemsak told friends that Vajiralongkorn was widely disliked among special forces soldiers, and by many military in general.
Fear of a military rebellion is why Vajiralongkorn has moved units like the 11th Infantry Regiment and the 4th Cavalry Battalion out of Bangkok, and has created the Rachawallop Royal Command Guard under his direct control to secure the capital.
Chalermchai Sitthisart does not appear to have been damaged by the disappearance of his protege over allegations of anti-monarchism. He was appointed to the king's privy council in 2018.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar