torsdag 20 februari 2020

คำขวัญที่ทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังการ post ข้อความถูกจับและไม่ให้ประกันจากรัฐบาลที่อ้างว่าเป็น "ประชาธิปไตย " ข้อความนี้คัดมาจาก ประกาศของ คณะราษฏร ปี 2475 ซึ่งในประกาศเต็มมีดังนี้ เป็นความจริงที่พวกกษัตริย์เผด็จการไม่กล้ายอมรับ ...


ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ ๑

ราษฎรทั้งหลาย
เมื่อกษัตริย์องค์นี้ได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระเชษฐานั้น ในชั้นต้นราษฎรบางคนได้หวังกันว่ากษัตริย์องค์ใหม่นี้จะปกครองราษฎรให้ร่ม เย็น แต่การณ์ก็หาได้เป็นไปตามที่คิดหวังกันไม่ กษัตริย์คงทรงอำนาจอยู่เหนือกฎหมายเดิม ทรงแต่งตั้งญาติวงศ์และคนสอพลอไร้คุณความรู้ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ ไม่ทรงฟังเสียงราษฎร ปล่อยให้ข้าราชการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต มีการรับสินบนในการก่อสร้างและการซื้อของใช้ในราชการ หากำไรในการเปลี่ยนเงิน ผลาญเงินของประเทศ ยกพวกเจ้าขึ้นให้สิทธิพิเศษมากกว่าราษฎร กดขี่ข่มเหงราษฎร ปกครองโดยขาดหลักวิชา ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามยถากรรม ดังที่จะเห็นได้จากความตกต่ำในทางเศรษฐกิจและความฝืดเคืองในการทำมาหากิน ซึ่งพวกราษฎรได้รู้กันอยู่โดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิสามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้
การที่แก้ไขไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลของกษัตริย์มิได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎร ตามที่รัฐบาลอื่นๆ ได้กระทำกัน รัฐบาลของกษัตริย์ได้ถือเอาราษฎรเป็นทาส (ซึ่งเรียกว่าไพร่บ้าง ข้าบ้าง) เป็นสัตว์เดียรัจฉาน ไม่นึกว่าเป็นมนุษย์ เหตุฉะนั้น แทนที่จะช่วยราษฎร กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร จะเห็นได้ว่า ภาษีอากรที่บีบคั้นเอาจากราษฎรนั้น กษัตริย์ได้หักเอาไว้ใช้ปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายล้าน ส่วนราษฎรสิ กว่าจะหาได้แม้แต่เล็กน้อย เลือดตาแทบกระเด็น ถึงคราวเสียเงินราชการหรือภาษีใดๆ ถ้าไม่มีเงินรัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา แต่พวกเจ้ากลับนอนกินกันเป็นสุข ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน ซึ่งชนชาตินั้นก็ได้โค่นราชบัลลังก์ลงเสียแล้ว
รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวงไม่ซื่อตรงต่อราษฎร มีเป็นต้นว่าหลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ครั้นคอยๆ ก็เหลวไป หาได้ทำจริงจังไม่ มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กิน ว่าราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ เพราะราษฎรโง่ คำพูดของรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าราษฎรโง่ เจ้าก็โง่เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ที่ราษฎรรู้ไม่ถึงเจ้านั้นเป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้ เรียนเต็มที่ เพราะเกรงว่าเมื่อราษฎรได้มีการศึกษา ก็จะรู้ความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำไว้ และคงจะไม่ยอมให้เจ้าทำนาบนหลังคนอีกต่อไป
ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศเป็นอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบและกวาดทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎรเพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำนาไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนที่เรียนสำเร็จแล้วและทหารที่ปลดกองหนุนแล้วก็ไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบ และเสมียน เมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่พวกเจ้ากวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมืองให้คนมีงานทำ จึงจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อยไป เงินเหลือเท่าไหร่ก็เอาไปฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย
เหตุฉะนั้น ราษฎร ข้าราชการ ทหาร และพลเรือน ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว จึงรวมกำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้น และได้ยึดอำนาจของกษัตริย์ไว้ได้แล้ว คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ก็โดยที่จะต้องจัดการปกครอง โดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลายๆ ความคิดดีกว่าความคิดเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น คณะราษฎรไม่ประสงค์ทำการแย่งชิงราชสมบัติ ฉะนั้น จึงได้อัญเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้ นอกจากด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งความประสงค์นี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว เวลานี้ยังอยู่ในความรับตอบ ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดโดยเห็นแก่ส่วนตนว่าจะถูกลดอำนาจ ลงมาก็จะได้ชื่อว่าทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปไตย กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้น อยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา ตามวิธีนี้ราษฎรพึงหวังเถิดว่าราษฎรจะได้รับความบำรุงอย่างดีที่สุด ทุกๆ คนจะมีงานทำ เพราะประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมอยู่แล้วตามสภาพ เมื่อเราได้ยึดเงินที่พวกเจ้ารวบรวมไว้จากการทำนาบนหลังคนตั้งหลายร้อยล้าน มาบำรุงประเทศขึ้นแล้ว ประเทศจะต้องเฟื่องฟูขึ้นเป็นแม่นมั่น การปกครองซึ่งคณะราษฎรจะพึงกระทำก็คือ จำต้องวางโครงการอาศัยหลักวิชา ไม่ทำไปเหมือนคนตาบอด เช่นรัฐบาลที่มีกษัตริย์เหนือกฎหมายทำมาแล้ว เป็นหลักใหญ่ๆ ที่คณะราษฎรวางไว้ มีอยู่ว่า
๑.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่นเอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
๒.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
๓.ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
๔.จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน (ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่ในเวลานี้)
๕.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น
๖.จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือ กฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบและตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใดๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศและช่วยตัวราษฎร บุตร หลาน เหลน ของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพพ้นจากการเป็นไพร่ เป็นข้า เป็นทาสพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ ความสุขความเจริญอย่างประเสริฐซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า “ศรีอาริยะ” นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า
คณะราษฎร 


เมื่อไปสถานีตำรวจ ตำรวจได้แยกสอบสวนเขาและพ่อกับแม่ คนละห้อง โดยสอบถามข้อมูลส่วนตัว และการศึกษาเล่าเรียนของ “นิรนาม” จนท.มีการนำข้อความจากบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวมาให้ดูกว่า 30 แผ่น ซึ่งหลายข้อความเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ พร้อมกับแจ้งให้เขาให้ความร่วมมือบอกรหัสผ่านมือถือ

ให้ยินยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชี “นิรนาม_” จริง โดยระบุว่าถ้าไม่ยินยอมจะดำเนินคดี ตำรวจยังมีการถ่ายรูปและบันทึกวีดีโอเอาไว้ตลอดการพูดคุย ทางครอบครัวระบุว่าการสอบสวนใช้เวลาตั้งแต่ 11.00 จนถึงราว 17.00 น. แต่เนื่องจากแยกห้องกันตลอด ทำให้ไม่ทราบว่าในที่สุดลูกชายถูกแจ้งข้อกล่าวหาตอนใด
หากได้ทราบต่อมาว่าลูกชายได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.คอมฯโดยลูกชายได้รับกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “นิรนาม_” จริง และได้เปิดล็อกโทรศัพท์ให้ดู ในกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ได้มีทนายความอยู่ด้วย และจนท.ไม่ได้ให้บันทึกการจับกุมและบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเอาไว้
ทั้งนี้ ต่อมาทราบว่าข้อความที่นำมากล่าวหาในคดีนี้ จำนวน 1 ข้อความ เป็นทวิตภาพเกี่ยวกับรัชกาลที่ 10 และมีข้อความในเชิงเสียดสี
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหา “นิรนาม” ได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจในช่วงคืนวันที่ 19 ก.พ. ก่อนที่เช้าวันนี้ ร.ต.ท.ชลวิทย์ อธิพันสีห์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยา จะได้นำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาในการฝากขัง โดยมีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนติดตามไป
ในคำร้องของฝากขังของพนักงานสอบสวนได้ระบุข้อกล่าวหาในคดีนี้ตามมาตรา 14 (3) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา” #saveนิรนาม
คำร้องขอฝากขังระบุด้วยว่าก่อนเกิดเหตุ จนท.ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบความเคลื่อนไหวกลุ่มที่มีแนวคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ และได้พบบัญชีทวิตเตอร์ “นิรนาม_” เปิดใช้งานเมื่อเดือนตุลาคม 2561 #saveนิรนาม
จากการดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยแหล่งข่าว พบว่าบัญชีดังกล่าว มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของบริษัททรูจำนวน 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคมปี 2563 โดยมีการระบุถึงหมายเลขไอพีแอดเดรสในการเชื่อมต่อทั้งสองครั้ง #saveนิรนาม
และจากการตรวจสอบกับบริษัททรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หมายเลขไอพีดังกล่าวเป็นของหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งผู้ต้องหาลงทะเบียนเปิดใช้ #saveนิรนาม
จนท.ยังอ้างถึงข้อมูลจากโพสต์ของบัญชี “นิรนาม_” เมื่อเดือน มค. 63 ที่เคยทวิตระบุถึงอายุและวันเกิดของตัวเอง โดยจนท.ระบุว่าตรงกันกับวันเกิดของผู้ต้องหาในคดีนี้ จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว #saveนิรนาม
และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้ให้ผู้ต้องหาเข้าใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว โดยใส่รหัสผ่าน ปรากฏว่าพบว่ามีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถาบัน และรับว่าตนเป็นผู้โพสต์ จึงจับกุมดำเนินคดี #saveนิรนาม
พนักงานสอบสวนระบุว่าการสอบสวนคดียังไม่เสร็จสิ้น โดยยังต้องสอบพยานอีก 6 ปาก และรอผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลในการฝากขัง กำหนด 12 วัน และยังคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี #saveนิรนาม
ก่อนที่เวลาประมาณ 15.20 น. ศาลจังหวัดพัทยาจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา โดยระบุว่าเหตุผลว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยตัวไป เกรงว่าจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ทำให้ “นิรนาม” ต้องถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำ #saveนิรนาม

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar