"สถานกงสุลพระราชทาน" ณ มิวนิก
นี่ครับ เอามติคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนสิงหาคม ที่อนุมัติการเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ มิวนิก มาให้ดู
(ใครยังไม่อ่านกระทู้ก่อน เรื่องการเปิดสถานกงสุลใหญ่ มิวนิก ดูที่นี่ https://t.co/LGKQ3Uf6Vh)
แน่นอน จะเปิดสถานกงกุลที ก็ต้องมีการตั้งงบประมาณเพิ่มเติม (และไม่ใช่เฉพาะตอนเปิด แต่ตลอดไปทุกปี) และตามหลักการทูต เมื่อเราจะขอเปิดสถานทูตหรือสถานกงสุลในประเทศใด เราก็ต้องให้สิทธิประเทศนั้น เปิดสถานทูตหรือสถานกงกุลในไทยตอบแทนกันด้วย (ดูข้อ ๑.๒ ของมติฯ)
ผมไม่แน่ใจว่า เยอรมันอยากจะเปิดหรือเปล่านะ ทุกวันนี้ นอกจากสถานทูตแล้ว เยอรมันไม่มีแม้แต่สถานกงสุลใหญ่ มีแต่กงสุลกิตติมศักดิ์ ที่เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต (ย่านท่องเที่ยวนั่นแหละ) ในขณะที่ ของไทยมีสถานกงสุลใหญ่แล้วที่แฟรงเฟิร์ก และกงสุลกิตติมศักดิ์ 4 แห่ง (รวมมิวนิกที่เพิ่งปิด) เอาเข้าจริง ผมไม่คิดว่าเรามีความจำเป็นต้องมีสถานกงสุลใหญ่อีกแห่งหรอก ที่จะมาเปิดใหม่ที่มิวนิกนี้ ผมว่าไม่มีปัญหาเลยว่า มาจากวชิราลงกรณ์ (คำว่า "สถานกงสุลพระราชทาน" ที่จั่วหัว เอามาจากมิตรสหายท่านหนึ่ง ที่เม้นท์ในกระทู้ก่อน ความจริง อย่างที่รู้กันว่า "พระราชทาน" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงวชิราลงกรณ์ "ให้มา" ในแง่ให้เงินให้อะไรมาตั้งหรอก ที่ถูกต้องบอกว่า "พระราช-สั่ง-มา" มากกว่า เงินค่าใช้จ่าย แน่นอน รัฐบาลไทยจ่าย)
..............
ไหนๆพูดถึงเรื่องนี้ ผมขอถือโอกาส พูดถึง "ข่าวกรอง-ข่าวลือ" ที่ผมได้ยินมาสักพัก (ปกติ ผมไม่พูดเรื่องข่าวกรอง-ข่าวลือ ถ้าไม่มีการยืนยัน ที่พูดนี้ เพราะมันเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกันนี้พอดี) - และแน่นอน ต้องย้ำว่า ในเมื่อนี่เป็นเพียง "ข่าวกรอง-ข่าวลือ" ก็เล่าเพื่อให้รู้กันว่า มันมีเท่านั้น ไม่ต้องการให้เชื่อเป็นจริงจัง
คือ มีคนบอกผมมา 2 เรื่องสักระยะหนึ่งแล้ว เรื่องแรก มีการพูดกันว่า วชิราลงกรณ์อาจจะย้ายจากมิวนิก ไปซูริค แทน ตอนผมได้ยินเรื่องนี้ ก็ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเชื่อนัก เพราะเห็นเขาลงทุนซื้อบ้านอยู่มิวนิกและอยู่มานาน เรื่องซูริคนั้น หลังๆเห็นเขาบินไปบ้างจริง แต่เห็นว่าบินไปเพื่อส่งคุณสุทิดา "นุ้ย" ไปพักเสียมากกว่า (ตัวเขาเองไม่ได้อยู่พักด้วยซ้ำ บินกลับมิวนิกเลย) ดูจากข่าวการเปิดกงสุลใหญ่มิวนิกนี้ แสดงว่า เขาคงไม่ย้ายหรอก ยกเว้น - อันนี้จะตลกมากๆเลย - เขาคิดจะย้ายไปซูริคจริงๆ แต่รัฐบาลไทย ยัง "อัพเดต" ไม่ทัน เดินเรื่องเตรียมเปิดสถานกงกุลในมิวนิก ตามที่เขาเคยขอ-สั่งไว้ก่อนแล้ว หรือไม่งั้น ถ้าจะแย่กว่านั้นอีก เขาเตรียมจะไปสร้างบ้านที่ซูริคอีกแห่ง โดยรักษาที่มิวนิกไว้เป็นบ้านหลัก - พระเจ้าช่วย!(รักษาเงินงบประมาณ) ขอให้ข่าวลือเรื่องย้ายไปซูริคที่มีคนบอกผมมานี้ไม่จริงเถิด
อีกเรื่องคือ มีคนบอกผมมาเช่นกันว่า หลังงานศพ เขาจะมาอยู่ไทยเป็นหลัก ดูท่าจากการเปิดสถานกงสุลใหญ่ในมิวนิกนี้แล้ว ก็คงจะไม่จริง หรืออย่างน้อย เขาคงจะใช้เวลาแต่ละปีอยู่ในมิวนิกมากพอสมควรต่อไปแหละ อาจจะ "ลด" ลงบ้างมั้ง จาก 7 เดือน เหลือ 5 หรือ 6 เดือนอะไรแบบนั้นก็ได้ เหอๆๆ
(นึกอีกที สมมุติเขากลับมาใช้เวลาอยู่ในไทยเป็นหลัก - ก็เท่ากับที่อุตส่าห์ให้เปิดสถานกงสุลใหญ่มิวนิกนี่ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณไปเปล่าๆเกินจำเป็นน่ะสิ ฮี่ฮี่)
พูดง่ายๆคือปิด เพื่อ "อัพเกรด" สำนักงานตัวแทนประเทศไทยในมิวนิก-รัฐบาวาเรียและรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
"กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์" ที่ปิดไป นี่คือระดับต่ำสุด มีไว้ออกวีซ่าเท่านั้น ไม่ใช่นักการทูตอาชีพ ไม่ใช่คนไทยด้วยซ้ำ ท่านสุดท้ายก่อนปิด คือ Mrs. Barbara Riepl (กงสุลกิตติมศักดิ์) โดยมี Mrs. Stephanie Reinhart เป็นเลขานุการ
ทุกวันนี้ ประเทศไทยมีสำนักงานตัวแทนประเทศในเยอรมัน คือ สถานเอกอัตรราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน และมีสถานกงสุลใหญ่แห่งเดียวคือ "สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต" ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ เพราะแฟรงก์เฟิร์ต เป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ ส่วนที่เหลือเป็นเพียง "สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์" ที่ มิวนิก (ที่ปิดนี้), ฮัมบูร์ก, ชตุทท์การ์ท, และ ดึสเซลดอร์ฟ
ทำไมต้อง "อัพเกรด" ที่มิวนิกเป็น "สถานกงสุลใหญ่"?
ผมว่า ความจริงที่ว่า ทุกวันนี้ ประมุขประเทศไทยอยู่ที่มิวนิก กว่าครึ่งของปี (ตัวเลขปีกลาย 7 เดือนใน 12 เดือน) คงเป็นปัจจัยสำคัญแหละ กฎหมายหลายฉบับของไทย ไป "ออกประกาศเป็นกฎหมาย" ในระหว่างกษัตริย์ไทยอยู่ในมิวนิกนี่แหละ เรียกว่า ทรง "เซ็นชื่อ" หรือ "เอ๊กเซอร์ไซส์อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย" ณ นครมิวนิกหลายครั้งหลายหนแล้ว
จะว่าไป อันที่จริง น่าจะ "อัพเกรด" ให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำนะ เช่น เปลี่ยนเป็นกระทรวงต่างประเทศไทย (สาขาสอง) หรือ ทำเนียบรัฐบาลไทย (สาขาสอง) - หรือให้สุดๆไปเลย เจรจากับเยอรมัน ขอเอามิวนิกเป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของไทยเสียเลย ฮี่
*** ตั้งกงสุลใหญ่ประจำมิวนิกคนแรก -
เอาหัวหน้า "ศูนย์ปฏิบัติการมิวนิก" ของเสี่ยนี่แหละเป็น https://goo.gl/uCktM5
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar