måndag 30 november 2020

"ม. 112." กับคดีพระราชทานข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (?)

นักเคลื่อนไหวกลุ่ม "ราษฎร" 5 คนตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมีอีก 4 คนเป็นอย่างน้อยได้รับหมายเรียกวันนี้ (30 พ.ย.)

ม. 112: อานนท์ เพนกวิน รุ้ง ไมค์ หมอลำแบงค์ โดนแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

แกนนำและผู้ปราศรัยกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "ราษฎร" รวมทั้งหมด 5 คน โดนตำรวจแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์

นายอานนท์เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการพบเจ้าพนักงานช่วงบ่ายวันนี้ (30 พ.ย.) ว่าผู้ต้องหาทุกคนปฏิเสธข้อกล่าวหาและจะสู้คดีอย่างตรงไปตรงมา

"อย่าไปรู้สึกว่ามันน่ากลัว เรื่องที่เขากลั่นแกล้ง และอย่าไปสร้างสภาวะความกลัว เพราะตอนนี้เราสู้กันแบบตรงไปตรงมา" เขาระบุ

หมายเรียกของตำรวจระบุว่าให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากการชุมนุมทางการเมือง บริเวณสนามหลวงในช่วงวันที่ 19-20 ก.ย. 2563

ทั้งนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน บอกกับบีบีซีไทยว่า หลังรับทราบข้อกล่าวหาที่มีการแจ้งเพิ่มแล้ว ตำรวจได้ปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้าน ซึ่งหลังจากนี้ ผู้ต้องหาจะให้การเป็นหนังสือต่อไป

ประมุขของรัฐ ต้องตรวจสอบได้

บรรดาแกนนำและนักกิจกรรมกลุ่มราษฎร ทยอยเดินทางมาถึงสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามในเวลา 13.00 น. พร้อมด้วยทนายและกลุ่มมวลชนที่มาให้กำลังใจ

นายปฏิวัฒน์เป็นบุคคลแรกที่เดินทางมาถึงได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เขาไม่เคย มาสร้างความเลวร้ายให้ใคร แต่เป็นหมอลำด้วยความเต็มใจ เป็นศิลปินให้ความสุข พร้อมยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ พร้อมจะสู้คดีถึงสามศาล ตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกา

"ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้อยบริสุทธิ์" เขากล่าวเป็นสำเนียงอีสานก่อนที่เดินขึ้นไปบนสถานีตำรวจ

ต่อมาแกนนำที่เหลืออีก 4 คน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยแสดงความเห็นว่า การนำกฎหมาย ม.112 มาดำเนินคดีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยุติรรม แต่ทั้งหมดก็พร้อมจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และถูกดำเนินคดีนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอนาคต

นายภาณุพงศ์กล่าวว่าประมุขของรัฐภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต้องตรวจสอบได้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดเจ้าพนักงานถึงเพิ่งมาแจ้งความดำเนินคดี ม. 112 เพิ่มเติมในภายหลัง

นายภาณุพงศ์กล่าวว่า การวิพากวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์สามารถทำได้ และสามารถตรวจสอบได้
คำบรรยายภาพ,

นายภาณุพงศ์และผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

นายอานนท์ เชื่อว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เห็นถึงความโหดร้ายและความไม่เป็นธรรมของ ม. 112 แต่เขาก็เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะต่อสู้คดีและศาลจะให้ความยุติธรรม

นายอานนท์กล่าวว่าการพิจารณาคดีนี้จะทำให้สังคมเห็นถึงการพูดความจริงแล้วถูกปิดปากด้วย ม. 112 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เรื่องการโอนอัตรากำลังทหารไปเป็นส่วนราชการในพระองค์ และการประทับอยู่ในต่างประเทศ

"หากว่ายังผิด ม. 112 ยิ่งจะทำให้เห็นความผิดปกติของกฎหมายและความผิดปกติของบ้านเมือง และเป็นใบรับรองพฤติกรรมของกระบวนการยุติธรรมไทย" เขาระบุ 

จารึกไว้ในความทรงจำ 30 พ.ย. 63 นายภาณุพงศ์ จาดนอก #ชนะสงคราม

Bild

น.ส.ปนัสยา กล่าวย้ำว่าการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่ใช่การล้มล้างสถาบัน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลว่า การดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมืองทั้ง 5 คนนี้ นับเป็นการใช้ ม.112 เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี

ไมค์ ระยอง เพนกวิน อานนท์ รุ้ง

นี่ถือเป็นการนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กลับมาใช้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเป็นครั้งแรกหลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ออกแถลงการณ์ (วันที่ 19 ก.ย. ) ว่าจะใช้กฎหมายทุกฉบับดำเนินคดีกับกลุ่มแกนนำและประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ่ายรูปกับประชาชน

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวไว้เมื่อ 16 มิ.ย. เรียกร้องให้คนไทยสำนึกในพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงไม่ให้ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาดำเนินคดีกับผู้ที่ล่วงละเมิดสถาบันฯ

นอกจากแกนนำทั้ง 5 คนดังที่ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ (30 พ.ย.) ยังมีรายงานว่ามีแกนนำได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาตาม ม.112 เพิ่มเติมคือนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กลุ่มเยาวชนปลดแอก และ น.ส. ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล กลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย และ น.ส.จุฑาทิพย์​ ศิริขันธ์​ ที่ได้รับหมายเรียกจาก สน.บางโพ ให้ไปรับทราบข้อหาตามมาตรา 112 ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ 

"มายด์ ภัสราวลี" เผยว่าวันนี้ได้รับหมายเรียกจากสน.บางโพ ให้ไปรับทราบข้อหาตาม #มาตรา112 ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ คาดว่าเป็นคดีจากการชุมนุม #ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 63 หลังก่อนหน้านี้แกนนำ 4 ราย ถูกแจ้งข้อหาตาม #มาตรา116 มาแล้ว tlhr2014.com/?p=23479

รูปภาพ

โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนคาดว่าเป็นคดีจากการชุมนุม #ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ก.ย.

นอกจากนี้ศูนย์ทนายฯ ยังระบุอีกว่า ยังมีนายชนินทร์ วงษ์ศรี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ได้รับหมายเรียกจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ไปรับทราบข้อหา ม. 112 ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้ สืบเนื่องจากการชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตเยอรมนีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.

โดยนายชนินทร์เป็นผู้อ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูต และต่อมาถูกแจ้งข้อหา ม.116 ไปแล้วข้อหาหนึ่ง

รายชื่อผู้ได้รับหมายเรียกคดี ม.112 ในรัชกาลที่ 10 มีใครบ้าง

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. สื่อมวลชนหลายสำนัก อาทิ เว็บไซต์มติชน ผู้จัดการ และไอเอ็นเอ็น อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า พนักงานสอบสวนของพื้นที่ต่าง ๆ แจ้งข้อหากับ 12 แกนนำม็อบ "คณะราษฎร" ในฐานความผิดตามมาตรา 112

  • นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ มี 8 คดี
  • น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มี 6 คดี
  • นายภาณุพงศ์ จาดนอก มี 4 คดี
  • นายอานนท์ นำภา มี 4 คดี
  • น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล มี 3 คดี
  • นายชนินทร์ วงษ์ศรี มี 2 คดี
  • น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ มี 1 คดี
  • นายปิยรัฐ จงเทพ มี 1 คดี
  • นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี มี 1 คดี
  • นายอรรถพล บัวพัฒน์ มี 1 คดี
  • นายชูเกียรติ แสงวงศ์ มี 1 คดี
  • นายสมบัติ ทองย้อย มี 1 คดี

ต่อมาในวันที่ 25 พ.ย. พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ยืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้งใช้มาตรา 112 ต่อบรรดาแกนนำราษฎร เพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามหลักกฎหมาย

 

Talking Thailand ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563

ใบตองแห้งOnAir - ตู่บ้านหลวง รธน. VS ระเบียบ


 

เป็นเรื่องน่าที่อับอายต่อนานาชาติที่ประเทศไทยนำเอากฏหมายล้าสมัยกลับมาใช้อีก

 

It’s an international embarrassment for Thailand to be reviving this outdated law
khaosodenglish.com

ริ้วขบวนเมืดพระเกียรติกรมหลวงเกียกกายฯ งดงามมาก #ม็อบ29พฤศจิกา

ทีแรกนึกว่าคนจะไม่เยอะ
เพราะมันไกล มันถี่ ค่ารถไฟฟ้าแพง
บางคนอาจไปไม่ได้ทุกครั้ง
แต่นี่คือทุกครั้งก็มาเพียบ
แม้สลิ่มอาจอ้างว่าม็อบน้อยลง
แต่ม็อบตอนนี้ไม่จำเป็นต้องระดมคนเยอะทุกครั้ง
สำคัญที่ประเด็นต่างหาก
ประเด็นคือพุ่งตรงไปที่ทรัพย์สิน
ที่กองกำลังส่วนตัว

จับตาคำตัดสิน'คดีประยุทธ์'


 

เยอรมนีบอกวชิราลงกรณ์ว่าถ้าต้องการอยู่แคว้นบาวาเรียต่อไปต้องแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทน


Germany may tell King Vajiralongkorn he needs to appoint a regent if he wants to continue spending most of his time in Bavaria. 1/4
 

Vajiralongkorn would be furious about this. He demanded changes to the 2017 constitution — after it had already been approved by a referendum — to remove the longstanding requirement for a regent to reign when the monarch is abroad. 2/4

The article adds: “Thai protesters have alleged that members of the king's security detail in Germany may have been involved in the elimination of critics of the monarchy living in exile in Laos and Cambodia... 3/4

“There have also been questions about whether members of his harem in Bavaria are being kept there against their will.” 4/4

  

"ถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็ไป เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะยากอะไรเลย" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับปัญหาเรื่องบ้านของเขา


Bilden kan innehålla: 1 person, kostym, text där det står ”ทำเนียบรัฐบาล " ถ้าเขาไม่ ถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็ไป เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะยากอะไรเลย เลย พล.อ. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 30 พ.ย. 2563 180 NEWS ไทย”.
 

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขออย่าคาดการณ์ล่วงหน้า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย "คดีพักบ้านหลวง" ในวันที่ 2 ธ.ค. โดยระบุว่าส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรมากนัก ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรก็รับได้
.
ส่วนหลังจากนี้ จะเตรียมการย้ายไปอยู่ที่บ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าต้องดูความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้การซ่อมแซมยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากมีการชำรุดไปตามเวลา และเขามองว่าบ้านพักหลังดังกล่าวใหญ่โตเกินไป
.
ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ ว่ามีแผนจะไปอยู่บ้านพักส่วนตัวนอกค่ายทหารหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ยอมรับว่าได้เตรียมบ้านพักส่วนตัวเอาไว้
.
"ถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็ไป เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะยากอะไรเลย" นายกฯ กล่าว
.
อย่างไรก็ตาม นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าบ้านพักส่วนตัวมีข้อจำกัดเรื่องการดูแลความปลอดภัย "ผมคิดว่าคงไม่มีใครมาทำร้ายผม แต่ก็มันต้องมี ทุกประเทศก็ต้องมีการคุ้มครองผู้นำอยู่แล้วใช่มั้ย จะให้ผมโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวมันก็ไม่ใช่"
.
นายกฯระบุว่า เขาไม่ได้เตรียมแผนรับรองและจะรอฟังคำตัดสินของศาลก่อน ซึ่งไม่ว่าจะออกมาอย่างไร เขาก็รับได้
.
"อย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินออกมายังไงผมก็รับได้ ถึงเวลามันตัดสินใจง่ายอยู่แล้ว ออกมายังไงก็ตามนั้น แล้วค่อยคิดตอนนั้น" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

 

söndag 29 november 2020

วันที่ 2 ธันวาคมนี้ ไม่ต้องลุ้น ประยุทธจะหลุด

 

วันที่ 2 ธันวาคมนี้ ไม่ต้องลุ้น ประยุทธจะหลุด....ก็ ตลก.รธน. ชุดนี้ ประยุทธตั้งเองกับมือ


Francisco Castro
1h ·

วันที่ 2 ธันวา 2020 นี้ประชาชนส่วนใหญ่นั่งรุ้นกันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเกี่ยวกับคดีของประยุทธว่าผิดหรือถูกอยู่หรือไปกรณีที่อยู่บ้านหลวงฟรี แบบชาวบ้านพูดกันว่าบ้านไม่ต้องเช่าข้าวไม่ต้องซื้อแถมกินดีอยู่ดี เชื่อเถอะครับผมวิเคราะว่าไม่ต้องมานั่งรุ้นนอนรุ้นไห้เสียเวลารับรองว่าหลุดแน่
ประยุทธนั้นเป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กเป็นสุนัขผสมพันธ์ชัยภูมิผสมโคราชมันเป็นสุนัชที่เชื่องกว่าสุนัขบางแก้วพิษณุโลกปากเปราะรักเจ้าของแต่กัดไม่เก่ง ทุกครั้งที่มันไม่กัดไครมาไม่ว่าจะถูกหรือผิดพอมันวิ่งมาหาเจ้าของ เจ้าของก็จะเข้าข้างมันเสมอจนมันได้ใจ สุนัขประยุทธนั้นมาก่อนไอ้ทองแดงและ พณ อ อ ฟูฟู ทองแดงมีอายุแค่ 12 ปีเทียบเท่ากับ จอมพล ฟูฟุ ทั้งสองมันก็อายุไม่ยืนแต่ไอยุทธเขาเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 22 ปีปัจจุบันก็ 65 ปีแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะไปไหนเขาก็เอามันไปด้วยเพราะเขารู้ว่าสักวันเขาต้องพึ่งมัน เท่าที่ผมรู้ประยุทธเคยเดินทางมากับเสี่ยโอที่อเมริกา 3 หน หนแรกเมื่อต้นเดือน พฤษภาคมเพื่อมาวางแผนไห้สิริกิตมาอเมริกา ครั้งที่สองเขามาด้วยกันชุดใหญ่เลยมีสิริกิต เสี่ยโอ องค์ภาประยุทธและคณะรวมทั้งหมดเกือบ 500 คนมาถึงเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2545 แล้วกลับมาอีกกลางปี พ ศ 2546 ทุกครั้งที่มานั้น ดร จิรายุ อิศรางกูล ณ อยุธยามาด้วย พร้อมทั้งทูตไทยชื่อ ศักทิพ ไกรฤก เจ้าไทยมาทำอะไรที่อเมริกาประยุทธรุ้หมด เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะปล่อยไห้ศาลรัฐธรรมนูณตัดสินไห้ประยุทธแพ้ เชื่อแน่ว่าเขาต้องหาทางแถไห้หลุดจนได้ ประยุทธคือมือขวาของเขาประยุทธเคยทำเหี้ยระยำมากกว่านี้ยังหลุดได้ ตราบไดศาลไทยศาลไทยยังมีคำว่าทรงพระปรมาภิไธย อย่างหวังเลยว่าเขาจะทำลายคนของเขา ปล ผมอาจจะผิดก็ได้แต่อย่างไรผมก็ยังเชื่อในคำวิเคราะของผม

‘ทูตรัศม์’ ตอก ‘ดอน’ ไม่เข้าใจสิทธิพื้นฐานปชช. ถาม?อยู่ 6 ปี มีผลงานอะไรเชิดหน้าชูตา

 รวมบทความและงานเขียนของ โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
November 26 at 10:38 AM ·

‘ทูตรัศม์’ ตอก ‘ดอน’ ไม่เข้าใจสิทธิพื้นฐานปชช. ถาม?อยู่ 6 ปี มีผลงานอะไรเชิดหน้าชูตา

จากกรณี ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ออกระบุถึงอดีตเอกอัครราชทูต ที่ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยชี้ว่าปัจจุบันไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่ได้อยู่ในกระทรวงแล้ว ตามมารยาทและวินัย แม้จะไม่ใช่ข้าราชการปกติ ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ เพราะสิ่งที่พูดไม่มีใครรับรองได้ว่าถูกหรือไม่ เชื่อว่าหากทูตคนดังกล่าวอยู่ในไทยนานกว่านี้ก็คงเห็นภาพใหญ่ของประเทศไทยได้ชัดขึ้น อาจจะมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง “ดอน” ชี้ฝ่ายมั่นคงจับตาอดีตทูต เป็นหน้าที่ เชื่ออยู่ไทยอีกระยะทัศนคติจะตรงกับความเป็นจริง)
ต่อมา นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ เจ้าของเพจ เพจ ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador ได้โพสต์ข้อความ ตอบโต้อย่างดุเดือด โดยระบุว่า
พอดีมีรัฐมนตรีท่านหนึ่งพยายามจะมาสอนบอกให้ผมต้องทำตัวอย่างไร ก็ขอบคุณนะครับ แต่ผมมีข้อสงสัยดังนี้
ท่านอยู่มาหกปีมีผลงานอะไรที่พอเชิดหน้าชูตาในเวทีโลกกับเขาได้บ้างครับ?
เลือกตั้งที่นั่งให้ไทยในสหประชาชาติ ก็พ่ายเขาแบบหูรูดหมดท่า ทำเสียเกียรติประวัติ เกียรติภูมิประเทศ ผลาญงบประมาณประเทศไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็แน่ล่ะ ถามหาความรับผิดชอบอะไรกลับไม่มีสักอย่าง แบบนี้หรือครับที่จะมาสอนคนอื่น?
หนักที่สุดก็เรื่องให้ข่าวว่าอเมริกาเขามาบอกล่วงหน้าว่าเขาจะโจมตีใคร ทำให้ประเทศเรากลายเป็นตัวตลกไปทั่วโลก ถ้าเป็นญี่ปุ่น เรื่องแบบนี้เขาคงไม่มาแค่ขอโทษหรือลาออกหรอก น่าอับอายระดับนี้ ผมว่าเขาคงต้องคว้านท้องฆ่าตัวตายไปนานแล้วล่ะ ทุกวันนี้ผมก็สงสัยและอยากรู้ว่าท่านมองหน้ารัฐมนตรีอาเซียน และของประเทศอื่นๆในโลกได้อย่างไร? ถามจริงๆ ไม่ได้รู้สึกอายอะไรบ้างสักนิดเลยหรือครับ ?
ที่ไหนๆในโลกพอเกษียณหรือพ้นจากตำแหน่งแล้ว เขาก็เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเพื่อประโยชน์ของสังคม อันเป็นเรื่องปกติ ทำกันตั้งแต่ระดับอดีตประธานาธิบดี ไปจนถึงนักการทูต ทหาร สาขาอาชีพต่างๆ ไม่ทราบว่าเหตุใดเรื่องปกติแบบนี้ท่านถึงไม่ทราบครับ ?
สิ่งที่ผมเขียนในเพจก็เป็นแค่ความเห็นและประสบการณ์ทั่วไปในการทำงานของผม ตรงไหนหรือครับที่เป็นความลับของราชการ? ไม่ทราบท่านอ่านอย่างไรครับ?
ท่านคงไม่เข้าใจเรื่องสิทธิพื้นฐานของประชาชน ว่าเขามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะแสดงความคิดเห็นได้ในกรอบกฎหมาย และการบอกว่าให้หน่วยงานความมั่นคงไปเที่ยวติดตามคนที่เขาแสดงเห็นตามสิทธิได้ นี่ไม่ทราบว่าได้ทราบหรือไม่ว่ามันเข้าข่ายการละเมิดสิทธิพื้นฐานและเป็นการคุกคามประชาชนอย่างหนึ่ง ซึ่งมันผิดนะครับ ท่านทราบหรือไม่ว่าถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว คนระดับนี้พูดแบบนี้ อาจต้องพ้นจากตำแหน่งเลยนะครับ? ขณะที่โลกเขาจับตามองอยู่ ท่านทราบไหมว่ากำลังทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายเข้าไปอีก?
ผมก็ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อยู่ไทยไปนาน ๆ จะได้เห็นภาพใหญ่ที่มีความชัดเจนขึ้นและจะมีทัศนคติที่ตรงกับความเป็นจริงว่าประชาส่วนใหญ่ ของประเทศเขาคิดกันอย่างไร
และสุดท้ายนี้ขอเรียนด้วยความจริงใจว่า ก่อนที่จะไปแนะให้ใครทำอะไรอาจเริ่มต้นจากตัวเองเสียก่อน เช่น ไม่ควรเอาข้อมูลอะไรที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดมาพูด จะดีกว่าไหมครับ?
ด้วยรักและห่วงใยนะครับ

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง

 

อ.พวงทอง อธิบายให้เข้าใจว่าทำไมทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง



Puangthong Pawakapan
13h ·

ขอพูดประเด็นเดียว - ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าทำไมทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง
ฝ่ายรอยัลลิสต์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าทรัพย์สินข้างต้นเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของกษัตริย์ จะใช้อย่างไรก็ได้ คณะราษฎรไปปล้นเอามาจากกษัตริย์ (ทั้ง ๆ ที่ก่อนปี 2560 เมื่อมีการเรียกร้องให้เปิดเผยรายรับรายจ่าย พวกนี้เถียงว่าในเมื่อมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ดูแลการบริหาร ต้องถือว่าสนง.ทรัพย์สินเป็นของรัฐ)
สิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือ
1. ก่อน 2475 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีชื่อเรียกว่าพระคลังข้างที่ รายได้ของพระคลังข้างที่มาจากอะไรบ้าง มาจากการเก็บภาษีในรูปแบบต่าง ๆ การเกณฑ์แรงงานไพร่มาทำงานให้กษัตริย์ (3-6 เดือน/ปี แล้วแต่รัชสมัย) การผูกขาดการค้าต่างประเทศ การเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ในกรุงเทพ การลงทุนสารพัดที่มาจากเงินภาษีของประชาชน ฯลฯ
2. รายได้จากข้อ 1 เกิดขึ้นได้เพราะก่อน 2475 กษัตริย์มีสถานะเป็น “รัฐ” หรือ “องค์อธิปัตย์” จึงมีอำนาจในการกระทำการต่างๆ ตามกฎหมายที่กษัตริย์บัญญัติขึ้น ทรัพย์สินที่เพิ่มพูนขึ้นจึงไม่ได้มาจากความสามารถส่วนบุคคลล้วน ๆ ขณะที่ราษฎรปกติไม่มีอำนาจพิเศษนี้ ทรัพย์สินที่ราษฎรได้มาจึงต้องถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลอย่างแท้จริง จะเอาหลักการนี้มาใช้กับทรัพย์สินของกษัตริย์ไม่ได้
3. แม้ว่ารัชกาลที่ 5 ได้ทรงปฏิรูประบบการคลังใหม่ โดยแยกพระคลังข้างที่ ออกจากรายรับรายจ่ายของแผ่นดิน มีการจัดตั้งกระทรวงการคลังขึ้นในปี 2433 แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าทรัพย์สินของพระคลังข้างที่ก่อนหน้านี้ ได้มาจากสถานะการเป็นองค์อธิปัตย์ของกษัตริย์ และสถานะของกษัตริย์ก็ยังส่งผลให้รายได้ของพระคลังข้างที่หลังปี 2433 งอกงามขึ้นอีกด้วย ดังที่เว็บไซต์ของ สนง.ทรัพย์สินกล่าวว่า “เมื่อรายได้ของแผ่นดินมากขึ้นอันเนื่องมาจากการปฏิรูปทางการเงินในปี พ.ศ. 2433 ซึ่งมีการจัดตั้งกระทรวงการคลังขึ้นมาเป็นครั้งแรก ส่งผลให้จำนวนเงินที่ได้รับการจัดสรรของกรมพระคลังข้างที่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน”
4. เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กษัตริย์ไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐหรือองค์อธิปัตย์อีกต่อไป ทรัพย์สินทั้งหลายที่ได้มาด้วยกลไกอำนาจ “รัฐ” จึงต้องถูกโอนย้ายมาอยู่ใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน
5. กระนั้น หลังการรัฐประหาร 2490 กลุ่มรอยัลลิสต์ได้ผลักดันให้มีการออกกฎหมายใหม่ ให้ สนง.ทรัพย์สินฯ กลายเป็นนิติบุคคล เป็นอิสระจากรัฐบาล แม้จะมีรัฐมนตรีคลังเป็นประธาน แต่กรรมการอีก 4 คนได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์ การตรวจสอบรายรับรายจ่ายไม่เคยเกิดขึ้นจริง การที่นักวิชาการบางคนกล่าวว่าประชาชนสามารถดูรายงานรายรับรายจ่ายจากเว็บไซต์ของ สนง.ทรัพย์สินฯได้ เป็นการโกหกหน้าตาย
ที่ผ่านมา เวลาสื่อต่างชาติประเมินความร่ำรวยของกษัตริย์ไทย ก็ประเมินจากหุ้นในบริษัทต่าง ๆ บวกกับราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ แต่ยังไม่เคยมีสื่อไหนสามารถล้วงเอารายรับรายจ่ายของ สนง.ทรัพย์สินฯ มาเปิดเผยได้เลย
การเปิดเผยรายรับรายจ่ายเป็นสิ่งสำคัญทั้งในแง่การตรวจสอบให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย และยังสำคัญต่อพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ด้วย ประชาชนจะได้เลิกตั้งข้อกังขาเสียทีว่าเงินที่ใช้จ่ายในกรณีต่าง ๆ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศ ค่าเช่าโรงแรมของสมาชิกราชวงศ์และข้าราชบริพาร ค่าเครื่องบิน ค่าน้ำมัน ค่าที่จอด ฯลฯ เบิกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ หรือจากสำนักงานทรัพย์สินฯ หรือจากรัฐบาลกันแน่ มีแต่การเปิดเผยโปร่งใสเท่านั้นที่จะช่วยปกป้องพระเกียรติยศของกษัตริย์ได้ หากไม่มีความโปร่งใสเรื่องรายรับรายจ่าย เรื่องอื่นแทบไม่มีความหมาย เพราะตรวจสอบไม่ได้จริง
6. นอกจากนี้ นับแต่รัฐประหาร 2490 จนถึงปัจจุบัน ทรัพย์สินของ สนง. ทรัพย์สินฯ เติบโตขึ้นอย่างมหาศาล ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะสถาบันกษัตริย์มีสถานะ “พิเศษ” ในสังคมไทย ที่ชัดเจนคือ ไม่ต้องเสียภาษี ได้รับเงินบริจาคจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่
ตัวอย่างที่ดีของสถานพิเศษของกษัตริย์ก็คือ กรณีวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ศ.พอพันธ์ อุยยานนท์ ได้ชี้ให้เห็นว่าธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มี สนง.ทรัพย์สินฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ประสบวิกฤติอย่างหนักเช่นกัน ส่งผลให้ต้องเพิ่มทุนเพื่อกอบกู้วิกฤติของธนาคาร แต่มีทุนไม่พอ แต่ก็ไม่ต้องการสูญเสียสถานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วย ทำให้กระทรวงการคลังต้องเข้ามาช่วยเหลือ ด้วยการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่พอถึงปี 2547 สนง.ทรัพย์สินฯ ได้นำที่ดินในย่านทุ่งพญาไท ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยงานราชการจำนวน 484.5 ไร่ ไปแลกกับหุ้นของไทยพาณิชย์ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ จนทำให้ สนง. ทรัพย์สินกลับมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้อีก อ.พอพันธ์ระบุว่ากฎหมายไม่อนุญาตให้กระทรวงการคลังกระทำดังกล่าวได้เลย การแลกเปลี่ยนที่ดินต้องแลกกับที่ดินเท่านั้น และในราคาที่เท่าเทียมกันด้วย หากไม่ใช่เพราะสถานะพิเศษของสถาบันกษัตริย์แล้ว กรณีดังกล่าวจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
จริงๆ ข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสำนักงานทรัพย์สินฯ ต้องเรียกร้องให้กลับไปสู่สถานะก่อนรัฐประหาร 2490 ไม่ใช่ก่อนจะมีการออก พรบ. 2561 ด้วยซ้ำ

https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/3775797299137668

ชาติคือประชาชน ประชาชนคือชาติ....สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส !

Andrew MacGregor Marshall Retweetade

 
18:05น คลื่นมหาชนเคลื่อนขบวนไปราบ11 
 
#29พฤศจิกาไปราบ11 #ม็อบ29พฤศจิกา #WhatHappeningInThailand (คลิป)
Thai protesters read a statement declaring the king’s personal control of two army units “severely undermines democracy” and demanding that they be transferred back. Copies of the statement are made into paper planes and flown at police. #ม็อบ29พฤศจิกา #WhatHappeningInThailand

กลุ่ม “ราษฎร” ถึงราบ 11 ตั้งคำถาม “กองกำลังส่วนพระองค์”

"ทหารจะเป็นทหารได้นั้นต้องสังกัดกับรัฐบาลที่เป็นของประชาชน" – พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำ "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม"

ชุมนุม 29 พ.ย. : ขบวน “เป็ดเหลือง” และ “ไก่โอ๊ก” ของผู้ชุมนุมกลุ่ม “ราษฎร” เคลื่อนขบวนถึงหน้ากรมทหารราบที่ 11

ขบวน "เป็ดเหลือง" และ "ไก่โอ๊ก" ของผู้ชุมนุมกลุ่ม "ราษฎร" เคลื่อนขบวนถึงหน้ากรมทหารราบที่ 11

ขบวนผู้ชุมนุม พร้อมด้วย "เป็ดเหลือง" และ "ไก่โอ๊ก" ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเดินขบวนครั้งนี้ เดินเท้าจากบริเวณหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ และถึงหน้าราบ 11 เมื่อเวลา 18.27 น. ประจันกับแนวลวดหนามและตำรวจควบคุมฝูงชน ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณหน้าประตูราบ 11 ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงไฟจากใต้รางรถไฟฟ้าส่องสว่างไม่กี่จุด โดยด้านหลังแนวประตูมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงประจำการอยู่ 2 คัน

"มหาดเล็กรักษาราษฎร"

ทันทีที่ไปถึงราบ 11 ผู้ชุมนุม "ราษฎร" ขึ้นป้ายตั้งชื่อราบ 11 ใหม่ เป็น "กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กรักษาราษฎร" โดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำ "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ได้ประกาศยึดหน่วยทหารย่านบางเขนแห่งนี้ คืนมาเป็นของประชาชน ก่อนประกาศเปลี่ยนชื่อกรมทหารราบที่ 11 ใหม่ และชี้ว่าการชุมนุมวันนี้ ประชาชนที่จ่ายภาษีให้ทหารในค่าย มาทวงคืนสมบัติชาติและทหารของประชาชนคืน

"มหาดเล็กรักษาราษฎร"

ที่สะพานลอยด้านหน้าประตูราบ 11 มีการแขวนป้ายไวนิลสีดำข้อความที่ระบุว่า "กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กรักษาราษฎร"

"ต่อไปนี้ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนชื่อเป็นกรมทหารราบที่ 11 รักษาประชาธิปไตยในมวลมหาราษฎร" นายพริษฐ์ประกาศ ก่อนโยนคำถามไปยังกำลังทหารภายในกรมทหารราบที่ 11 ถึงการทำหนเาที่ทหารรับใช้ประชาชน

"ท่านต้องเป็นทหารของชาติ และชาติคือประชาชน ท่านต้องเลือกว่าอยากเป็นทหารของชาติ หรือทหารของคน ๆ เดียว"

กลุ่ม "ราษฎร" ถึงราบ 11 ตั้งคำถาม "กองกำลังส่วนพระองค์"

การชุมนุมที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ วันนี้ (29 พ.ย.) เป็นไปตามการนัดหมายของกลุ่ม "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" พันธมิตรหลักของกลุ่ม "ราษฎร" เพื่อ "ปลดอาวุธศักดินาไทย"

ทางกลุ่มยังระบุเหตุที่เลือกชุมนุมที่ราบ 11 เนื่องจาก "หน่วยดังกล่าวนี้คือหน่วยหลักที่ก่อการปราบปรามประชาชนในปี 2553 และยังเป็นกำลังหลักในการรัฐประหาร" ในอดีต

กลุ่ม "ราษฎร" ถึงราบ 11 ตั้งคำถาม "กองกำลังส่วนพระองค์"

ผู้ชุมนุมได้นัดหมายรวมตัวที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสวัดพระศรีมหาธาตุก่อนเคลื่อนขบวนมายังหน้าราบ 11 ในเวลา 18.00 น. หลังเคารพธงชาติ โดยกลุ่มการ์ดของผู้ชุมนุมได้เดินทางล่วงหน้ามาช่วยกันรื้อแนวกั้นและดันรถเมล์ที่ถูกนำมาตั้งขวาง

ก่อนหน้านี้ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ประกาศแก่มวลชนว่า "ทหารจะเป็นทหารได้นั้นต้องสังกัดกับรัฐบาลที่เป็นของประชาชน"

ก่อนหน้านี้ พริษฐ์ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับThe Reporters ว่าเคลื่อนขบวนมาที่นี่เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยที่พระมหากษัตริย์มีกองกำลังส่วนพระองค์ ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์จะทรงไม่มีหน้าที่บังคับบัญชาโดยตรง แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งเข้าไปที่จะจัดตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยถวาย

กลุ่ม "ราษฎร" ถึงราบ 11 ตั้งคำถาม "กองกำลังส่วนพระองค์"

นายพริษฐ์ย้ำว่า ผู้ชุมนุมจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่ถ้ารัฐเลือกใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมหน้าค่ายทหารที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้บังคับบัญชา พระมหากษัตริย์จะต้องทรงเป็นผู้รับผิดชอบ

กรมทหารราบที่ 1 และ 11 มีนัยสำคัญในการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของผู้ชุมนุมตรงที่ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ปี 2562 (พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพล และงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562) เป็นการโอนกำลังพลและงบประมาณของทั้งกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ไปเป็นหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์

กลุ่ม "ราษฎร" ถึงราบ 11 ตั้งคำถาม "กองกำลังส่วนพระองค์"

ส่วนนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ กล่าวว่า "ราบ 11 จะกลายเป็นสนามเด็กเล่นของประชาชน"

กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ได้ประกาศเปลี่ยนจากสถานที่เดิม คือ กรมทหารราบที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิตมาเป็นกรมทหารราบที่ 11 ในช่วงสายของวันนี้ ภายหลังจากตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากและลวดหนาม ถูกนำมาติดตั้งบริเวณหน้าหน่วยทหารตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา การเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมดังกล่าว ทำให้กรมทหารราบที่ 11 ได้มีการนำรถบัสตำรวจคันเก่าจำนวน 2 คัน มาขวางกั้นหน้าประตูทางเข้าของกรมทหาร ซ้อนด้วยลวดหนามหีบเพลงอีกหนึ่งชั้น และตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชนอีกจำนวนหนึ่ง

ย้อนที่มากรมทหารราบที่ 1-ราบ 11 ก่อนโอนย้ายไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์

พ.ร.ก. โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์" โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้ ถูกประกาศใช้หลังมีการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือน ก.ย.ปี 2562 ภายหลังสภา มีมติ 374 เสียง อนุมัติ พ.ร.ก. ดังกล่าว ไม่เห็นด้วย 70 งดออกเสียง 2 จากองค์ประชุม 446 เสียง

การออก พ.ร.ก. โดยอำนาจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งต้องให้สภาให้ความเห็นชอบ ก่อนวุฒิสภาให้ความเห็นชอบประกาศใช้เป็นพระราชบัญญัติ

ในการผ่าน พ.ร.ก. ฉบับนี้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ลงมติไม่เห็นชอบ 70 เสียง ส่วนการอภิปราย มี ส.ส. ที่ลุกขึ้นอภิปรายมีเพียง 2 คน เป็นการอภิปรายคัดค้าน 1 คน และอภิปรายสนับสนุน 1 คน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้อภิปรายตั้งคำถามว่า การใช้อำนาจออก พ.ร.ก. ดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา "เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจําเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้" จริงหรือไม่

"....ที่สำคัญที่สุด นี่คือการปกป้องรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พ.ร.ก. ฉบับนี้ตราขึ้นโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ไม่เป็นเรื่องจำเป็นฉุกเฉินรีบด่วน และส่งผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมในฐานะ ส.ส. เป็นผู้แทนของราษฎร มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมไม่สามารถลงมติอนุมัติ พ.ร.ก. ฉบับนี้ได้ครับ" นายปิยบุตร

บีบีซีไทย - BBC Thai
6 tim

"ราษฎร" ย้ายที่ชุมนุมไป "ราบ 11"
.
ตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากและรั้วลวดหนาม ถูกนำมาวางกั้นขวางถนนวิภาวดีรังสิตช่องทางคู่ขนาน ก่อนถึงบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 (ร.1 พัน.1 รอ.) ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เพื่อสกัดการชุมนุมของกลุ่ม "ราษฎร" ที่มีการนัดหมายรวมตัวชุมนุมที่หน่วยทหารดังกล่าวในวันนี้ (29 พ.ย.)
.
ความพยายามสกัดกั้นการชุมนุม ทำให้กลุ่ม "ราษฎร" ประกาศเมื่อช่วงสายวันนี้ ย้ายที่ชุมนุมไปยังกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน โดยนัดรวมตัวที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ในเวลา 15.00 น. ก่อนเดินขบวนไปยังราบ 11 ซึ่งอยู่ห่างออกไป 1 สถานีรถไฟฟ้า
.
กรมทหารราบที่ 1 และกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นหน่วยทหารที่มีการโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ภายใต้ “พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์” โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้ เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ปีที่แล้ว
.
นี่เป็นการชุมนุมครั้งที่ 4 ในรอบสัปดาห์ นับจากการชุมนุมที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่รัชโยธิน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกลุ่ม "ราษฎร" ได้เน้นประเด็นเป้าหมายไปที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

ภาพ: แนวตู้คอนเทนเนอร์และลวดหนามกีดขวางช่องทางคู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิตตั้งแต่รั้วดุริยางค์ทหารบก หน้ากรมทหารราบที่ 1 จนถึงปั๊ม ปตท.วิภาวดี


      
Bilden kan innehålla: himmel, träd och utomhus.          Bilden kan innehålla: en eller flera personer, skor och utomhus, text där det står ”รถโดยสาร A 2 Thai News Pix” 

                  Bilden kan innehålla: träd och utomhus, text där det står ”©TAXI Thai News Pix”Bilden kan innehålla: himmel, bro, träd, växt, motorcykel och utomhus, text där det står ”Thai News Pix”+ 2