Thai E-News
19h
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งภายใต้อุดมการณ์
กษัตริย์นิยมแบบเสรีประชาธิปไตย กับกษัตริย์นิยมแบบถวายคืนพระราชอำนาจ/พระราชทรัพย์
......
ทุกพรรคการเมืองที่ลงสนามการเลือกตั้งในปี
2566 ไม่มีพรรคการเมืองไหน "สุดโต่ง" ไปจนถึงการปฏิเสธกษัตริย์
สถาปนาสาธารณรัฐ หรือการเปลี่ยนรูปแบบรัฐ
แต่ในบรรดาทุกพรรคการเมืองมีความแตกต่างกันที่การจัดวางสถานะของกษัตริย์ในระบบเสรีประชาธิปไตย ว่ามีมากน้อยแค่ไหนและเฉดสีอย่างไร
ถ้านับจากการรัฐประหาร 2557 มาจนถึงปัจจุบันรัฐบาลรัฐประหารประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจนถึงเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ได้กระทำการถวายคืนพระราชอำนาจ/พระราชทรัพย์ แบบที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนในประเทศไทยทำมาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ที่แก้ไขตามพระราชดำริ
การเปลี่ยนสถานะของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
การ โอนอัตรากำลังพล และงบประมาณ คือกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์สังกัด กระทรวงกลาโหม ไปเป็นหน่วยงานบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์
กฎหมายสงฆ์ ฉบับใหม่ที่อำนาจในการแต่งตั้งเป็นไปโดยพระราชอัธยาศัย
งบประมาณสถาบันกษัตริย์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
การบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 โดยขัดรัฐธรรมนูญ
ฯลฯ
ถ้าเปิดดูนโยบายและการปฏิบัติต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
มีแต่พรรคอนาคตใหม่ซึ่งต่อมาเป็นพรรคก้าวไกล ลงมาแตะปัญหาที่กล่าวมามากบ้างน้อยบ้างก็ว่ากันไป
จริงๆแล้วสิ่งที่พรรคก้าวไกลปฏิบัติมันคือพื้นฐานที่สุดของแนวคิดกษัตริย์นิยมแบบเสรีประชาธิปไตย
ผมเชื่อว่าประเทศเสรีประชาธิปไตยที่ยังมีกษัตริย์ อังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน นอร์เวย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือพรรครัฐบาลก็ไม่ยอมให้มีกฎหมายลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้นอย่างแน่นอน
เว้นแต่คุณจะเป็นประเทศกษัตริย์ในแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรืออำนาจนิยมเช่นในตะวันออกกลางไม่ว่าจะเป็นซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือในแอฟริกา
ขณะที่พรรคการเมืองทุกพรรคที่เหลือหลีกเลี่ยงที่จะพูดและอภิปรายปัญหาพระราชอำนาจและพระราชทรัพย์ของสถาบันกษัตริย์ดังที่กล่าวมา
นี่จึงเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมสมการการจัดตั้งรัฐบาล จึงไม่มีพรรคก้าวไกล ในฐานะ "แกะดำ"อยู่ด้วย
(สื่อมวลชนที่วิเคราะห์การเมืองต่างๆก็รู้ดี แต่ไม่พูดมาตรงๆ)
ไม่เว้นแม้แต่พรรคเพื่อไทย
ที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านมาด้วยกัน 4 ปี
และมีโอกาสสูงสุดที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ก็ไม่เคยหลุดปากออกมาว่าจะมีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการ
ซึ่งพรรคเพื่อไทยปฏิเสธเพียงแค่พรรครวมไทยสร้างชาติของประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้นที่จะไม่ร่วมงานด้วย
เราจึงกล่าวได้ว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งภายใต้อุดมการณ์
กษัตริย์นิยมแบบเสรีประชาธิปไตย
ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นตัวแทน
กับ
กษัตริย์นิยมแบบถวายคืนพระราชอำนาจ/พระราชทรัพย์
ของพรรคการเมืองทุกพรรคที่เหลือ
มาถึงจุดนี้แล้วใครคิดว่าอุดมการณ์กษัตริย์นิยมไม่มีจริง และไม่สำคัญ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar