อำนาจเก่า..VS..อำนาจใหม่
อำนาจเก่าอำนาจเผด็จการ
ที่ล้างผลาญผู้คนทนทุกข์อยู่
บีบบังคับขู่เข็ญลำเค็ญดู
ประชาชนจมอยู่ใต้บาทา
ใช้อำนาจแอบแฝงคอยแจงจัด
ใครแข็งขัดต้านทานคิดผลาญพล่า
มิยอมให้เหยียบยืนพสุธา
เพราะหลงผิดคิดว่าแผ่นดินตน
อำนาจใหม่วันนี้มีให้เห็น
เริ่มโดดเด่นยืนหยัดไม่ขัดสน
ทวีแรงแข็งกล้าประชาชน
หวังทวงคืนอำนาจตนเริ่มตื่นตัว
มียอมอยู่ใต้ตีนอย่างต่ำต้อย
มีค่าด้อยธุลีดินสิ้นศักดิ์ทั่ว
เหมือนครั้งเก่าก่อนมาเพราะตามัว
มองเห็นชั่วเป็นดีที่ผ่านมา
จากนี้ไปประชาชนไม่ทนแน่
ถึงจะแพ้อีกกี่ครั้งยังเดินหน้า
ขอทวงคืนอำนาจตนนั้นกลับมา
เพราะแผ่นดินนี้........แผ่นดินข้าประชาชน
วินิตยา ๓๐/๐๔/๒๕๕๕
måndag 30 april 2012
จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นขอตัดลดงบประมาณจัดพิธีพระบรมศพ ให้เรียบง่ายจ่ายน้อยที่สุด >>>ท่านทรงเป็นแบบอย่างการพอเพียงอย่างแท้จริง สมกับเป็นที่เทอดทูลเคารพสักการะของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ และยังทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประเทศที่มีกษัตริย์ทั่วโลก ยกเว้นกษัตริย์ประเทศตอแลแลนด์ที่ให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียงแต่ตัวเองอยู่อย่างฟุ่มเฟือย
ทรงเป็นจักรพรรดิ์ของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จัดเป็นประเทศที่ร่ำรวย
การจะจัดพระราชพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ในแบบเดิมๆ ก็ย่อมทำได้ ไม่มีใครครหานินทาเอาได้ ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
แต่ทั้งสองพระองค์ทรงมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่กว่าฐานันดรศักดิ์ และมีพระจริยวัตรที่ทรงคุณค่าน่าจดจำยิ่งกว่าราชพิธีศพ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
จะมีชีวิตอยู่โดยทรงคุณค่า
เป็นที่ลำบากก็จริง
จะตายให้มีคุณค่า
ยิ่งยากเข็ญกว่ามากนัก
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น เสด็จฯเยี่ยมปลอบขวัญผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดภัยพิบัติ
การจะจัดพระราชพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ในแบบเดิมๆ ก็ย่อมทำได้ ไม่มีใครครหานินทาเอาได้ ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
แต่ทั้งสองพระองค์ทรงมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่กว่าฐานันดรศักดิ์ และมีพระจริยวัตรที่ทรงคุณค่าน่าจดจำยิ่งกว่าราชพิธีศพ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
จะมีชีวิตอยู่โดยทรงคุณค่า
เป็นที่ลำบากก็จริง
จะตายให้มีคุณค่า
ยิ่งยากเข็ญกว่ามากนัก
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น เสด็จฯเยี่ยมปลอบขวัญผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดภัยพิบัติ
นี้คือวิธีปกครองในระบอบเผด็จการภูมิพลที่ให้คนไทยฆ่ากันเองโดยสมุนเหี้ยที่รับคำสั่งมาจากหัวหน้าเหี้ยใจอำมหิตให้มาสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้วโยนความผิดให้ทหารเกณฑ์เป็นแพะรับบาป วิธีการเช่นนี้ได้ใช้มาครั้งแล้วครั้งเล่าจากอดีดจนถึงปัจจุบันและในอนาคตไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าประชาชนทั้งประเทศไม่ลุกขึ้นโค่นล้มระบอบ "เหี้ยสั่งฆ่าห่าสั่งยิง " ให้หมดไปจากแผ่นดินไทย...
อ่านจดหมายของทหารเกณฑ์สารภาพผิดแล้วผม.
ตอนนั้นได้รับคำสั่ง จาก ผู้บังคับบัญชา
ได้รับการกรอกหู ได้รับการโปรแกรมจิตวิทยา
ว่าเป็นพวกก่อการร้าย เป็นพวกต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เลยตั้งใจ มุ่งมัน ที่จะทำภารกิจ ยิงหัวด้วยอาวุธให้ดาวดิ้น
พอปลดประจำการ กลับมาอยู่บ้านนอก
ถึงได้รู้ภายหลังว่า พวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่มีทางสู้
จึงรู้สึกสำนึกผิด พยายามทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ตามความเชื่อ(ไถ่บาป) เนื่องจากภาพเหล่านั้นมันยังติดตา
------------------------------------------
^
^
นี่คือเนื้อหาที่ผมพยายามสรุป จาก น.ส.พ.ข่าวสด คอลัมน์ ตอบจดหมายผู้อ่าน วันนี้
บอกไม่ถูก ว่ารู้สึกอย่างไร ทั้ง ๆ ที่พอจะทราบมาบ้างว่า โดยปกติ เมื่อเลือก หน่วยที่จะเข้ามาสลายการชุมนุมแล้ว
จะมีการปลุกเร้า ใส่ร้าย ให้เกิดความเกลียดชัง ระหว่างผู้ปฏิบัติ ทหาร กับสิ่งที่ต้องการจะปราบปราม ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ที่ทหารเกณฑ์ ไม่รู้จักกระทั่ง ชุดภาคสนามของหมอ(สีเขียว) ว่า มันคือสัญลักษณ์อะไร
ผมแค่สงสัยว่า....ในเมื่อชาวบ้านไม่ใช่อริราชศัตรู ที่จะก่อสงครามบุกยึดอานาเขตของประเทศ ทำไมต้องปฏิบัติการจิตวิทยาให้สามารถ ฆ่า ได้ขนาดนั้น
ถ้าจะเป็นตำราการรบขั้นพื้นฐานของกองทัพ ก็ไม่น่าจะนำมาใช้กับประชาชน
คำถามเหล่านี้ ใครจะเป็นคนตอบ และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
บทเรียนอันเลวร้ายยยย...เหล่านี้
ไม่เคยมีการนำมาทบทวน
ผมพยายามคิดว่า ทำไมทหารชั้นผู้น้อยมันถึงได้เชื่อฝังหัวกันได้ง่ายขนาดนั้น ?
กรรมเหล่านี้ มันเป็นกรรมประเภทไหน .......
มันจะตามทันกันบ้างไหม
เฮ้อออออออออออออ......
söndag 29 april 2012
ขอสนับสนุนข้อเสนอของแม่น้องเกดครับ
พะเยาว์ อัคฮาด และณัทพัช อัคฮาด (แม่และน้องชายของ กมนเกด อัคฮาด
พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามจากเหตุการณ์ พ.ค. 2553)
จัดงานวันเกิดครบรอบ 27 ปีให้กับ กมนเกด อัคฮาด ณ สี่แยกราชประสงค์
แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555
ระหว่างงานพะเยาว์กล่าวทั้งน้ำตาว่า "ฆ่าลูกฉันทำไม" โดยพะเยาว์และณัทพัชได้มีข้อเสนอเพื่อความปรองดอง ให้รัฐบาลดำเนินการคือ
1. ขอเสนอให้ออก พรบ.นิรโทษกรรม ผู้ชุมนุมทางการเมือง และผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันมีเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทุกฝ่ายโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นการลดเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมวงกว้าง
2. เร่งรัดให้มีการสืนสวน การไต่สวนการตาย และการพิจารณาคดีในชั้นศาล กรณีผู้เสียชีวิตในการชุมนุม ดำเนินไปอย่างไม่ล่าช้า เพื่อฟื้นฟูระบบนิติรัฐในสังคมไทย หากปรากฏว่าเป็นแกนนำ นปช. เป็นผู้กระทำผิด ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนยุติธรรม หากเป็นเจ้าหน้ารัฐที่ปฏิบัติคำสั่งตามผู้บังคับบัญชาเป็นผู้กระทำผิด อาจจะพิจารณาให้นิรโทษกรรม เจ้าหน้าที่ระดับล่าง แต่ต้องไม่ละเว้นการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้สั่งการ และผู้บังคับบัญชาในการสลายการชุมนุม เพราะการละเว้นความรับชอบต่อการละเมิดสิทธิในชีวิตของประชาชน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ในระบอบประชาธิปไตย
3. ขอให้รัฐบาลชดเชยค่าเสียหาย ให้แก่ผู้เสียหายจากการผู้ชุมนุมทางการเมือง นับแต่การรัฐประหาร 19 กันยาทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าผู้ชุมนุม และผู้ประกอบการเอกชน
4. สำหรับกรณีของคุณทักษิณและพวก ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบ 2 มาตรฐาน หรือกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ ที่สืบเนื่องจากการรัฐประหาร 19 กันยา ควรจะดำเนินตามแนวทางล้มล้างผลพวงรัฐประหารของคณะนิติราษฎร์
กระบวนการสร้างความปรองดองตามแนวทางที่เสนอให้พิจารณานี้วางอยู่บนคุณค่า หลักการและคุณค่าที่เป็นประชาธิปไตย เคารพในสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง เป็นหลักกระกันว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนอีกใน อนาคต
นอกจากนี้ณัทพัชแสดงความเห็นด้วยกับการที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปรดน้ำ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ทุกสี ทุกฝ่าย แต่ฝากให้ทุกสื่อไปถาม พล.อ.เปรม ว่า ทำไมจึงรับนัดนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ทั้งที่เป็นวันเดียวกับวัดจัดงานวันเกิดกมลเกด
ณัทพัช ยืนยันว่า ญาติวีระชนจะยังคงสนับสนุนรัฐบาล พท. ต่อไป เชื่อยิ่งลักษณ์จะนำความยุติธรรมมาสู่สังคม โดยเขาจะเป็นกำลังให้รัฐบาล เพื่อผลักดันความยุติธรรมได้เข้าสู่ความยุติธรรมทุกๆ คน
ระหว่างงานพะเยาว์กล่าวทั้งน้ำตาว่า "ฆ่าลูกฉันทำไม" โดยพะเยาว์และณัทพัชได้มีข้อเสนอเพื่อความปรองดอง ให้รัฐบาลดำเนินการคือ
1. ขอเสนอให้ออก พรบ.นิรโทษกรรม ผู้ชุมนุมทางการเมือง และผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันมีเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทุกฝ่ายโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นการลดเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมวงกว้าง
2. เร่งรัดให้มีการสืนสวน การไต่สวนการตาย และการพิจารณาคดีในชั้นศาล กรณีผู้เสียชีวิตในการชุมนุม ดำเนินไปอย่างไม่ล่าช้า เพื่อฟื้นฟูระบบนิติรัฐในสังคมไทย หากปรากฏว่าเป็นแกนนำ นปช. เป็นผู้กระทำผิด ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนยุติธรรม หากเป็นเจ้าหน้ารัฐที่ปฏิบัติคำสั่งตามผู้บังคับบัญชาเป็นผู้กระทำผิด อาจจะพิจารณาให้นิรโทษกรรม เจ้าหน้าที่ระดับล่าง แต่ต้องไม่ละเว้นการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้สั่งการ และผู้บังคับบัญชาในการสลายการชุมนุม เพราะการละเว้นความรับชอบต่อการละเมิดสิทธิในชีวิตของประชาชน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ในระบอบประชาธิปไตย
3. ขอให้รัฐบาลชดเชยค่าเสียหาย ให้แก่ผู้เสียหายจากการผู้ชุมนุมทางการเมือง นับแต่การรัฐประหาร 19 กันยาทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าผู้ชุมนุม และผู้ประกอบการเอกชน
4. สำหรับกรณีของคุณทักษิณและพวก ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบ 2 มาตรฐาน หรือกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ ที่สืบเนื่องจากการรัฐประหาร 19 กันยา ควรจะดำเนินตามแนวทางล้มล้างผลพวงรัฐประหารของคณะนิติราษฎร์
กระบวนการสร้างความปรองดองตามแนวทางที่เสนอให้พิจารณานี้วางอยู่บนคุณค่า หลักการและคุณค่าที่เป็นประชาธิปไตย เคารพในสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง เป็นหลักกระกันว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนอีกใน อนาคต
นอกจากนี้ณัทพัชแสดงความเห็นด้วยกับการที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปรดน้ำ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ทุกสี ทุกฝ่าย แต่ฝากให้ทุกสื่อไปถาม พล.อ.เปรม ว่า ทำไมจึงรับนัดนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ทั้งที่เป็นวันเดียวกับวัดจัดงานวันเกิดกมลเกด
ณัทพัช ยืนยันว่า ญาติวีระชนจะยังคงสนับสนุนรัฐบาล พท. ต่อไป เชื่อยิ่งลักษณ์จะนำความยุติธรรมมาสู่สังคม โดยเขาจะเป็นกำลังให้รัฐบาล เพื่อผลักดันความยุติธรรมได้เข้าสู่ความยุติธรรมทุกๆ คน
ไอ้เฒ่าสารพัดพิษนักฆ่าแห่งลุ่มนํ้าเจ้าพระยา ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์หน้าเนื้อใจเสือ เล่นลิเกหลอกเด็ก หรือจะโดนเด็กถอนหงอก....
ดวงตาพริ้ม..ยิ้มงาม..ยามชม้าย
ทอประกาย..สิ่งหวัง..พลังฝัน
ความเดือดแค้น..สุมไว้..ในอกพลัน
เหลืออดกลั้น..เผยอรับ..กับมารยา....
ลมร้อนผ่าว..พัดแผ่ว..แล้ววูบวาบ
รอยตราบาป..สยดสยอง..ร้องโหยหา
ให้ทดแทน..ความหม่นหมอง..นองน้ำตา
แล้วเชิดหน้า..ว่ากูนี้..มีบุญคุณ....
รายรอบข้าง..บ่างช่างยุ..กุเรื่องเท็จ
ยังหมกดม็ด..ฉกฉวย..ด้วยสมุน
ภาพหน้าเนื้อ..ใจเสือ..ทำเกื้อกูล
แสร้งอบอุ่น..เหมือนโอบกอด..ตลอดกาล....
วันอาทิตย์..สีแดง..สาดแสงหม่น
ท้าทายคน..เคยรัก..ร่วมถักสาน
เห็นดอกไม้..ที่ถือ..ในมือมาร
ยิ่งร้าวราน..น้ำตาเล็ด..เสร็จมันแล้ว....
๓ บลา / วันอาทิตย์สีแดง ๒๙ เม.ย.๕๕
"กำลังใจหาซื้อไม่ได้ แต่ให้กันได้"
lördag 28 april 2012
“จักรภพ”ไม่ขัด“เล่นหลายหน้า”ชี้“ปรองดอง”เป็นยุทธวิธี-เตือนอย่าก้มหัวตะพึด
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำ
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
วีดีโอลิงค์มายังงานวันเกิดและรดน้ำกระดูก น.ส.กมนเกด อัคฮาคเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555
โดยนายจักรภพ กล่าวตอนหนึ่งว่า
น.ส.กมนเกด อัคฮาค กลายเป็นสัญลักษณ์มวลชน เสริมสร้างพลังประชาชนที่เดิม
คิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจราชศักดิ์ แต่ไม่ได้หมายความว่ารำลึกถึงน้องเกด
แล้วจะลืมคนอื่นที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
ทุกรายชื่อต้องได้รับการจดจำจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง
การรำลึกถึงน้องเกด เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจำนักต่อสู้ในประวัติศาสตร์
“ขณะนี้อาจจะมีคนคิดง่ายๆว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น
ต้องมีหลายหน้า ต้องมีหลายเกม ต้องมีหลายระยะ
ผมไม่ขัดศรัทธาและไม่ขัดความสำราญนะครับ
แต่ขอเรียนเตือนว่า การรอมชอม ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าปรองดอง
เป็นเพียงยุทธวิธี ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ของเราไม่ต้องมาพูดในที่นี้
แต่เป้าหมายของยุทธศาสตร์ คือ
การที่อำนาจประชาชนได้ยกระดับขึ้นมา เพื่อให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้น
นั่นคือเป้าหมาย ฉะนั้น ปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธีที่พาไปสู่จุดหมาย
ใครก็ตามที่ร่วมในการปรองดองปัจจุบัน ต้องเข้าใจนะครับว่า
เหมือนเรานั่งอยู่บนรถประจำทาง เมื่อหันไปมองหลักกิโล
ที่มันผ่านไปข้างหลัง ปรองดองขณะนี้
เป็นเพียงหลักกิโลหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายปลายทาง ไม่ใช่สุดทางที่จะลง
เป็นเพียงหลักกิโลที่เห็นลิ่วไปด้านหลัง การต่อสู้ด้วยยุทธวิธีอย่างนี้ ก็ยังต้องมีอีก” นายจักรภพกล่าว
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เอาหัวชนฝา
แต่ก็ไม่ใช่ก้มหัวตะพึดตะพือ
อยากให้วันเกิดของน้องเกดปีนี้ เป็นสิ่งที่เตือนให้คนทั้งหลายได้รู้ว่า
การต่อสู้ของมนุษย์ ในการดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตน
ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ไม่เคยเป็นเรื่องไร้ราคา
ตรงข้าม เป็นสิ่งที่มีราคาสูงและต้องใช้ทุนสูงอย่างยิ่ง
ทั้งทุนที่เป็นวัตถุและทุนที่เป็นจิตใจ
ขอรำลึกถึงน้องเกดด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ
จุดยืนของพวกเราทุกคนในวันนี้ตรงกัน คือ
น้องเกดต้องเป็นสัญลักษณ์ต่อไป
บุคคลที่ต้องต่อสู้กับอำนาจเหี้ยมเกรียมทางการเมือง
สถานที่ที่เขาไม่ละเว้นแม้กระทั่งในวัด
และการที่การเสียชีวิตกลายเป็นการสร้างพลังมวลชนขึ้นมา
เหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
ที่หลายคนใช้คำว่าการปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย
ส่วนมันจะออกมาในรูปแบบไหน อย่างไรนั้น
นี่คือสิ่งที่เราต้องทำในปัจจุบันเพื่อให้เกิดผลในอนาคต
"วันนี้ ความรู้สึกระคนกันทั้งการรำลึกถึงและวันเกิด
ถ้าใครรู้สึกว่าทำใจไม่ถูกเลย ว่าจะยินดีกับวันเกิด
หรือจะเสียใจกับการเสียน้องเกด
ความรู้สึกก้ำกึ่งตรงนี้ ความรู้สึกกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ความรู้สึกกลับไม่ได้ไปไม่ถึงตรงนี้ มันก็คือสัญลักษณ์การต่อสู้ ณ นาทีนี้เช่นกัน
น้องเกด เป็นสัญลักษณ์ของเราจนกระทั่งถึงนาทีนี้ แล้วยังไม่จบแค่นี้
นี่เป็นเพียงหลักกิโลที่จะผ่านไป พี่น้องอย่าห่วง" นายจักรภพกล่าว
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
วีดีโอลิงค์มายังงานวันเกิดและรดน้ำกระดูก น.ส.กมนเกด อัคฮาคเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555
โดยนายจักรภพ กล่าวตอนหนึ่งว่า
น.ส.กมนเกด อัคฮาค กลายเป็นสัญลักษณ์มวลชน เสริมสร้างพลังประชาชนที่เดิม
คิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจราชศักดิ์ แต่ไม่ได้หมายความว่ารำลึกถึงน้องเกด
แล้วจะลืมคนอื่นที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
ทุกรายชื่อต้องได้รับการจดจำจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง
การรำลึกถึงน้องเกด เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจำนักต่อสู้ในประวัติศาสตร์
“ขณะนี้อาจจะมีคนคิดง่ายๆว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น
ต้องมีหลายหน้า ต้องมีหลายเกม ต้องมีหลายระยะ
ผมไม่ขัดศรัทธาและไม่ขัดความสำราญนะครับ
แต่ขอเรียนเตือนว่า การรอมชอม ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าปรองดอง
เป็นเพียงยุทธวิธี ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ของเราไม่ต้องมาพูดในที่นี้
แต่เป้าหมายของยุทธศาสตร์ คือ
การที่อำนาจประชาชนได้ยกระดับขึ้นมา เพื่อให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้น
นั่นคือเป้าหมาย ฉะนั้น ปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธีที่พาไปสู่จุดหมาย
ใครก็ตามที่ร่วมในการปรองดองปัจจุบัน ต้องเข้าใจนะครับว่า
เหมือนเรานั่งอยู่บนรถประจำทาง เมื่อหันไปมองหลักกิโล
ที่มันผ่านไปข้างหลัง ปรองดองขณะนี้
เป็นเพียงหลักกิโลหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายปลายทาง ไม่ใช่สุดทางที่จะลง
เป็นเพียงหลักกิโลที่เห็นลิ่วไปด้านหลัง การต่อสู้ด้วยยุทธวิธีอย่างนี้ ก็ยังต้องมีอีก” นายจักรภพกล่าว
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เอาหัวชนฝา
แต่ก็ไม่ใช่ก้มหัวตะพึดตะพือ
อยากให้วันเกิดของน้องเกดปีนี้ เป็นสิ่งที่เตือนให้คนทั้งหลายได้รู้ว่า
การต่อสู้ของมนุษย์ ในการดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตน
ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ไม่เคยเป็นเรื่องไร้ราคา
ตรงข้าม เป็นสิ่งที่มีราคาสูงและต้องใช้ทุนสูงอย่างยิ่ง
ทั้งทุนที่เป็นวัตถุและทุนที่เป็นจิตใจ
ขอรำลึกถึงน้องเกดด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ
จุดยืนของพวกเราทุกคนในวันนี้ตรงกัน คือ
น้องเกดต้องเป็นสัญลักษณ์ต่อไป
บุคคลที่ต้องต่อสู้กับอำนาจเหี้ยมเกรียมทางการเมือง
สถานที่ที่เขาไม่ละเว้นแม้กระทั่งในวัด
และการที่การเสียชีวิตกลายเป็นการสร้างพลังมวลชนขึ้นมา
เหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
ที่หลายคนใช้คำว่าการปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย
ส่วนมันจะออกมาในรูปแบบไหน อย่างไรนั้น
นี่คือสิ่งที่เราต้องทำในปัจจุบันเพื่อให้เกิดผลในอนาคต
"วันนี้ ความรู้สึกระคนกันทั้งการรำลึกถึงและวันเกิด
ถ้าใครรู้สึกว่าทำใจไม่ถูกเลย ว่าจะยินดีกับวันเกิด
หรือจะเสียใจกับการเสียน้องเกด
ความรู้สึกก้ำกึ่งตรงนี้ ความรู้สึกกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ความรู้สึกกลับไม่ได้ไปไม่ถึงตรงนี้ มันก็คือสัญลักษณ์การต่อสู้ ณ นาทีนี้เช่นกัน
น้องเกด เป็นสัญลักษณ์ของเราจนกระทั่งถึงนาทีนี้ แล้วยังไม่จบแค่นี้
นี่เป็นเพียงหลักกิโลที่จะผ่านไป พี่น้องอย่าห่วง" นายจักรภพกล่าว
fredag 27 april 2012
365วันแห่งพันธนาการสมยศ พฤกษาเกษมสุข
ขอเชิญร่วมงาน "365 วันแห่งพันธนาการ สมยศ พฤกษาเกษมสุข"
13.00 - 21.00 น. อาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555 อนุสรณ์สถาน14ตุลา แยกคอกวัว
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/events/282729301804620/
13.00 - 21.00 น. อาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555 อนุสรณ์สถาน14ตุลา แยกคอกวัว
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/events/282729301804620/
ขอส่งกำลังใจให้คุณสุรชัย พร้อมทั้งบอกคุณสุรชัยว่าคุณมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากมายทั้งอยู่ในประเทศไทยและอยู่ทั่วโลกได้ลุกขึ้นต่อสู้ยืนอยู่เคียงข้างคุณ คำตัดสินของศาลเหี้ยลูกสมุนภูมิพลฆาตกรอำมหิตในวันนี้ แสดงให้ประชาชนไทยทั้งประเทศและทั่วโลกได้เห็นอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยไม่มีกฎหมายยุติธรรมปกครองประเทศแต่ปกครองด้วยคำสั่งของภูมิพลเท่านั้น
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 27 เม.ย. 2555 ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง อ.1177/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุรชัย แซ่ด่าน หรือ ด่านวิวัฒนานุสรณ์ อายุ 70 ปี แกนนำกลุ่มแดงสยาม เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยคดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 55 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5 - 6 ก.พ. 54 เวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยบังอาจกล่าวปราศรัยบนเวทีชั่วคราวด้วยถ้อยคำหมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท เหตุเกิดบนเวทีปราศรัยชั่วคราวลานวัดสามัคคีธรรม ซ.ลาดพร้าว 64 แขวง - เขตวังทองหลาง ซึ่งศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้วสอบถาม ซึ่งจำเลยแถลงให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษาให้จำคุก 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษจำเลยต่อในคดีหมิ่นเบื้องสูงของศาลอาญาอีก 3 สำนวน คดีแดง อ.503/2555 ,504/2555 และ505/ 2555 ที่ศาลอาญา พิพากษาให้จำคุก 7 ปี 6 เดือนด้วย เมื่อรวมโทษจำเลยทั้งหมดแล้ว จึงจำคุกสิ้น 10 ปี
ที่มา : http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=630413&lang=T&cat=
torsdag 26 april 2012
พรรคแมลงสาบจองหองได้เพราะถือว่ามีกษัตริย์ ภูมิพลอยู่เบื้องหลัง ...
ขุนเขาบอก :
เฮ้อ......แมลงสาบ..
คุณจองหอง คุณย่องเบา เอาอำนาจ
คุณผูกขาด ความภัคดี ขี้อิจฉา
ค้านทุกเรื่อง เคืองทุกข้อ จรกา
คุณบ้อท่า หน้าไม่อาย ควายยังเมิน
คุณกระจอก คุณงอกง่อย เด็กน้อยเอ๋ย
ดุจกระเทย สะดีดสะดิ้ง ลิงยังเขิน
คุณอวดโฉม นมน้องหนู คนดูเพลิน
ร่านเหลือเกิน เชิญทัศนา สภาไทย
คุณโกหก เป็นอาจิณ ทั้งหยินหยาง
คุณมีหาง อย่างกระบือ หรือไฉน
คุณถึงมี สีข้างแดง ตะแบงตะไบ
คุณถูไถ ไปทุกอย่าง ข้างๆคูๆ
คนปากขม เขาอมฮอลล์ เพื่อผ่อนคลาย
คุณปากร้าย เหมือนอมสาก กระดากหู
พูดอยู่ได้ ไพร่มันเผา เจ้านายกู
เลือดฤดู คงไม่มี ที่จะมา
นี่อีกคน บุญไม่กอด ยอดไม่เห็น
ทำปากเหม็น แย้งอยู่ได้ ไม่อายหมา
หน้าปูดโปน เหมือนโดนศอก ยามกลอกตา
เป็นหมาบ้า เห่าอยู่ได้ ไอ้สัน..........
อีกหนึ่งนาง ช่างโง่เขลา เอาไม่อยู่
ยังไร้คู่ จู้ฮุกกรู ดูสงสาร
ปากด่าไพร่ ไม่กินปู ขู่รัฐบาล
คงตูดบาน โดนศาลสั่ง นั่งเรือนจำ
สรุปเรื่อง สรุปราว ฉาวทั้งพรรค
ถนัดนัก แอบอ้างเจ้า เขาไม่ขำ
สัปดน ให้คนเห็น เป็นประจำ
เรื่องระยำ ทำกันได้ ไม่อายคน.........เฮ้อ......แมลงสาบ..
เฮ้อ......แมลงสาบ..
คุณจองหอง คุณย่องเบา เอาอำนาจ
คุณผูกขาด ความภัคดี ขี้อิจฉา
ค้านทุกเรื่อง เคืองทุกข้อ จรกา
คุณบ้อท่า หน้าไม่อาย ควายยังเมิน
คุณกระจอก คุณงอกง่อย เด็กน้อยเอ๋ย
ดุจกระเทย สะดีดสะดิ้ง ลิงยังเขิน
คุณอวดโฉม นมน้องหนู คนดูเพลิน
ร่านเหลือเกิน เชิญทัศนา สภาไทย
คุณโกหก เป็นอาจิณ ทั้งหยินหยาง
คุณมีหาง อย่างกระบือ หรือไฉน
คุณถึงมี สีข้างแดง ตะแบงตะไบ
คุณถูไถ ไปทุกอย่าง ข้างๆคูๆ
คนปากขม เขาอมฮอลล์ เพื่อผ่อนคลาย
คุณปากร้าย เหมือนอมสาก กระดากหู
พูดอยู่ได้ ไพร่มันเผา เจ้านายกู
เลือดฤดู คงไม่มี ที่จะมา
นี่อีกคน บุญไม่กอด ยอดไม่เห็น
ทำปากเหม็น แย้งอยู่ได้ ไม่อายหมา
หน้าปูดโปน เหมือนโดนศอก ยามกลอกตา
เป็นหมาบ้า เห่าอยู่ได้ ไอ้สัน..........
อีกหนึ่งนาง ช่างโง่เขลา เอาไม่อยู่
ยังไร้คู่ จู้ฮุกกรู ดูสงสาร
ปากด่าไพร่ ไม่กินปู ขู่รัฐบาล
คงตูดบาน โดนศาลสั่ง นั่งเรือนจำ
สรุปเรื่อง สรุปราว ฉาวทั้งพรรค
ถนัดนัก แอบอ้างเจ้า เขาไม่ขำ
สัปดน ให้คนเห็น เป็นประจำ
เรื่องระยำ ทำกันได้ ไม่อายคน.........เฮ้อ......แมลงสาบ..
ขออวยพรให้ตัวแทนพวกหัวหน้าระบอบทาสจงพินาศ ! Down with the Leader of slave system in Thailand. !
07:35 PM
เห็นตำตา ตำใจ..ใครคนนั้น
จากคืนวัน ปวดร้าว เศร้าสุดแสน
ยังฝังลึก ความอดสู ถูกดูแคลน
กลายเป็นแค้น ฝังใจ ไม่ลืมเลือน....
พรล้ำเลิศ ประเสริฐศรี มีไหมหนอ?
หวังเกิดก่อ บันดาลได้ หาใครเหมือน
มอบให้หนู ด้วยจิต..ไม่บิดเบือน
กลัวแชเชือน เฉไฉ ให้คอยนาน....
เหล่านักโทษ 1 1 2 รอความหวัง
แล้วลบล้าง ผลพวง บ่วงรัฐประหาร
ผู้ต้องขัง นปช. รออีกบาน
ปล่อยกลับบ้าน หากท่านนี้ มีเมตตา....
หยุดยุติธรรม ฉีกครรลอง สองมาตรฐาน
ชนทุกบ้าน มองเห็น เช่นนั้นหนา
เรื่องสลาย การชุมนุม ยังสุมอุรา
อีกความจริง การเข่นฆ่า ประชาชน....
แก้รัฐธรรมนูญ ควรเดินหน้า อย่าขัดขวาง
หยุดล่อลวง การปรองดอง สนองผล
พรดีๆ จะเกิดได้ ในบันดล
อยู่ที่คน จะให้พร ย้อนดูตัว....
๓ บลา / ๒๖ เม.ย.๕๕
http://3blabla.blogspot.com
เห็นตำตา ตำใจ..ใครคนนั้น
จากคืนวัน ปวดร้าว เศร้าสุดแสน
ยังฝังลึก ความอดสู ถูกดูแคลน
กลายเป็นแค้น ฝังใจ ไม่ลืมเลือน....
พรล้ำเลิศ ประเสริฐศรี มีไหมหนอ?
หวังเกิดก่อ บันดาลได้ หาใครเหมือน
มอบให้หนู ด้วยจิต..ไม่บิดเบือน
กลัวแชเชือน เฉไฉ ให้คอยนาน....
เหล่านักโทษ 1 1 2 รอความหวัง
แล้วลบล้าง ผลพวง บ่วงรัฐประหาร
ผู้ต้องขัง นปช. รออีกบาน
ปล่อยกลับบ้าน หากท่านนี้ มีเมตตา....
หยุดยุติธรรม ฉีกครรลอง สองมาตรฐาน
ชนทุกบ้าน มองเห็น เช่นนั้นหนา
เรื่องสลาย การชุมนุม ยังสุมอุรา
อีกความจริง การเข่นฆ่า ประชาชน....
แก้รัฐธรรมนูญ ควรเดินหน้า อย่าขัดขวาง
หยุดล่อลวง การปรองดอง สนองผล
พรดีๆ จะเกิดได้ ในบันดล
อยู่ที่คน จะให้พร ย้อนดูตัว....
๓ บลา / ๒๖ เม.ย.๕๕
http://3blabla.blogspot.com
"กำลังใจหาซื้อไม่ได้ แต่ให้กันได้"
โดย Amsterdang
*…นักฆ่าจากลุ่มน้ำ…………………………….เจ้าพระยา
ฐานรากศักดินา…………………………………ชั่วร้าย
วางตนเยี่ยงราชา………………………………..หรือกว่า
ยืนซุ่มอยู่หลังคล้าย……………………………..เพิ่งพ้นอเวจี.
*…นางฟ้าพาลูกน้อง……………………………ขอพร
ขออย่ามาหลอกหลอน…………………………..หมู่ข้า
จงไปอยู่กับหนอน………………………………...หลุมศพ เถิดพ่อ
ดีที่สุดป่าช้า………………………………………อย่าได้มากวน.
*…ขอพร วันสงกรานต์…………………………...รัฐประหาร อย่าสั่งเลย
ความชั่ว ที่ท่านเคย……………………………….ให้เลิกลด ปลดประจำการ
ทำตัว เป็นมาเฟีย…………………………………จงเลิกเสีย สัตว์สันดาน
เลิกเป็น พ่อทหาร…………………………………ให้ลูกหลาน อยู่ร่มเย็น….
…หนูไม่ขอท่านมากหรอกค่ะ……!..
โดย Amsterdang
*…นักฆ่าจากลุ่มน้ำ…………………………….เจ้าพระยา
ฐานรากศักดินา…………………………………ชั่วร้าย
วางตนเยี่ยงราชา………………………………..หรือกว่า
ยืนซุ่มอยู่หลังคล้าย……………………………..เพิ่งพ้นอเวจี.
*…นางฟ้าพาลูกน้อง……………………………ขอพร
ขออย่ามาหลอกหลอน…………………………..หมู่ข้า
จงไปอยู่กับหนอน………………………………...หลุมศพ เถิดพ่อ
ดีที่สุดป่าช้า………………………………………อย่าได้มากวน.
*…ขอพร วันสงกรานต์…………………………...รัฐประหาร อย่าสั่งเลย
ความชั่ว ที่ท่านเคย……………………………….ให้เลิกลด ปลดประจำการ
ทำตัว เป็นมาเฟีย…………………………………จงเลิกเสีย สัตว์สันดาน
เลิกเป็น พ่อทหาร…………………………………ให้ลูกหลาน อยู่ร่มเย็น….
…หนูไม่ขอท่านมากหรอกค่ะ……!..
onsdag 25 april 2012
จุดยืนคณะนิติราษฎร์ (((ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ ๓๔ วรเจตน์ ภาคีรัตน์))
(((ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ ๓๔ วรเจตน์ ภาคีรัตน์))
จุดยืนคณะนิติราษฎร์
หลังจากที่คณะนิติราษฎร์ได้เสนอให้ลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เสนอแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ซึ่งต่อมาคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ (ครก. ๑๑๒)ได้ดำเนินการรวบรวมรายชื่ออย่างน้อย ๑๐๐๐๐ รายชื่อเพื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ไปยังรัฐสภา กำหนดระยะเวลารณรงค์ ๑๑๒ วัน และการรณรงค์ดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ ๕ พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ มีผู้สอบถามมายังคณะนิติราษฎร์เกี่ยวกับกิจกรรมทางวิชาการและการเคลื่อนไหว ทางความคิดที่จะดำเนินต่อไปในโอกาสครบรอบ ๘๐ ปีของการอภิวัฒน์สยาม ๒๔๗๕ ตลอดจนแนวทางทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คณะนิติราษฎร์เห็นสมควรที่จะได้แสดงจุดยืนและทัศนะต่อประเด็นปัญหาต่างๆ ไว้โดยสังเขป ดังนี้
๑. คณะนิติราษฎร์ยืนยันว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอัตราโทษที่กำหนดไว้ในปัจจุบันสูงเกินสมควรกว่าเหตุ นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆอีกหลายประการ ดังที่ได้เคยแสดงให้เห็นไว้แล้วในประกาศนิติราษฎร์ฉบับที่ ๑๖ (วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๔) และในข้อเสนอเพื่อการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้หลายประการ และจะบรรเทาปัญหาบางประการลง คณะนิติราษฎร์จึงยืนยันสนับสนุนกิจกรรมของ ครก.๑๑๒ ในการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ไปยังรัฐสภา และให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
๒. คณะนิติราษฎร์ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงต่อแนวทางการปรองดองหรือสมานฉันท์โดยวิธีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลทุกฝ่ายดังเช่นการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระหว่างวันที่ ๔ ถึงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ พ.ศ.๒๕๒๑ (นิรโทษกรรมในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙) หรือการตราพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมกันระหว่างวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ถึงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ พ.ศ.๒๕๓๕ (นิรโทษกรรมในเหตุการณ์พฤษภา ๓๕) เนื่องจากการนิรโทษกรรมในลักษณะดังกล่าวแม้จะทำให้ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมพ้นจากความผิดและความรับผิด แต่ก็จะมีผลให้บรรดาผู้ที่สั่งการและปฏิบัติการสลายการชุมนุมพ้นจากความผิดไปพร้อมกันด้วย การนิรโทษกรรมในลักษณะดังกล่าวไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์สลายการชุมนุมต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา
๓. คณะนิติราษฎร์เห็นว่าแนวทางการตรากฎหมายเพื่อการขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายภายหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ควรจะต้องพิจารณาแยกแยะลักษณะการกระทำของบรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้องและจัดวางโครงสร้างของกฎหมายโดยมีสาระสำคัญหลัก คือ
ประการที่หนึ่ง ต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงตลอดจนการสลายการชุมนุมทุกเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา การกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่ถือได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะได้กระทำการในฐานะเป็นผู้สั่งการหรือผู้ปฏิบัติการ และไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใดๆ หากการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในเวลานั้น บุคคลนั้นยังคงมีความผิดตามกฎหมายและต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ประการที่สอง ให้มีการนิรโทษกรรมทันทีแก่ประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานฝ่าฝืนบรรดากฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินและกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงที่ได้รับการประกาศใช้ในเหตุการณ์การเดินขบวนและการชุมนุมประท้วงทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆตามที่จะได้กำหนดไว้ในประกาศที่ออกตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งและบรรดาการกระทำต่างๆของผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆข้างต้น หากเป็นความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่อัตราโทษไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง ก็ให้บุคคลนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
ประการที่สาม บรรดาการกระทำทั้งหลายของบุคคลที่เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมืองที่ไม่เข้าข่ายที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เช่น การกระทำที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นและไม่ใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่อัตราโทษไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง ตลอดจนการกระทำความผิดของบุคคลที่แม้ไม่ได้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง แต่มีข้อสงสัยว่ามีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองหลังการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการขจัดความขัดแย้งซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่ได้ ในกรณีที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลในลำดับชั้นใด ให้ศาลระงับการดำเนินกระบวนพิจารณา และให้ปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาไปก่อน ในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าการกระทำนั้นตกอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งหรือไม่ ให้คณะกรรมการขจัดความขัดแย้งเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยว่าการกระทำใดอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งหรือไม่ ให้มีผลผูกพันองค์กรของรัฐทุกองค์กร และไม่อาจเป็นวัตถุในการพิจารณาขององค์กรตุลาการหรือองค์กรอื่นใดได้
ประการที่สี่ ในกรณีที่คณะกรรมการขจัดความขัดแย้งวินิจฉัยว่าการกระทำใดไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง หรือวินิจฉัยว่าการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมต่างๆ ตลอดจนการกระทำที่มีข้อสงสัยว่ามีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองหลังการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ไม่เกี่ยวข้องกับมูลเหตุจูงใจหรือแรงจูงใจทางการเมือง ให้ดำเนินการกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ในกรณีที่คณะกรรมการขจัดความขัดแย้งวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากมูลเหตุจูงใจหรือแรงจูงใจทางการเมืองหลังเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจรัฐ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ก็ให้บุคคลที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดกับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
ประการที่ห้า การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามแนวทางที่คณะนิติราษฎร์เสนอไว้เบื้องต้นโดยสังเขปนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันโดยเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งเป็นอีกหมวดหนึ่ง โดยนอกจากบทบัญญัติในหมวดนี้จะกล่าวถึงคณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง และกฎเกณฑ์ต่างๆตามแนวทางที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังต้องกล่าวถึงการเยียวยาความเสียหายต่างๆด้วย การดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้สามารถทำได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และสามารถกระทำได้ทันที
๔. สำหรับกรณีของการลบล้างผลพวงรัฐประหารนั้น คณะนิติราษฎร์เสนอให้บัญญัติเป็นหมวดอีกหมวดหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่จะได้จัดทำขึ้นใหม่ตามที่ได้เคยแถลงต่อสาธารณะไปแล้ว โดยคณะนิติราษฎร์ยืนยันหลักการของการประกาศให้การนิรโทษกรรมการทำรัฐประหารหรือการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นโมฆะ เพื่อเปิดทางให้บุคคลที่มีส่วนร่วมในการทำรัฐประหารหรือแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำการเอง ผู้ใช้ ตลอดจนผู้สนับสนุน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สำหรับบรรดาคดีซึ่งเกิดขึ้นจากการเริ่มกระบวนการโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะผู้แย่งชิงอำนาจรัฐนั้น ก็ให้ลบล้างให้สิ้นผลไป ซึ่งไม่ได้หมายถึงการนิรโทษกรรม แต่ให้เริ่มกระบวนการใหม่ให้ถูกต้องเป็นธรรมต่อไป
คณะนิติราษฎร์ขอเรียนให้ผู้ที่ติดตามกิจกรรมทางวิชาการของคณะนิติราษฎร์ทราบว่าในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ คณะนิติราษฎร์จะได้จัดกิจกรรมทางวิชาการที่เกี่ยวเนื่องกับการลบล้างผลพวงรัฐประหาร การขจัดความขัดแย้งในสังคมไทย และวิเคราะห์วิจารณ์ข้อเสนอเกี่ยวกับการปรองดองของบุคคลและสถาบันต่างๆ นอกจากนี้เพื่อให้การเคลื่อนไหวทางความคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยและนิติรัฐดำเนินไปในวงกว้างยิ่งขึ้น คณะนิติราษฎร์จะได้จัดให้มีการเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายมหาชน ให้แก่ประชาชนทั่วไป รายละเอียดในเรื่องเหล่านี้จะแถลงให้ทราบต่อไป
๒๕ เมษายน ๒๕๕๕
หลังจากที่คณะนิติราษฎร์ได้เสนอให้ลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เสนอแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ซึ่งต่อมาคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ (ครก. ๑๑๒)ได้ดำเนินการรวบรวมรายชื่ออย่างน้อย ๑๐๐๐๐ รายชื่อเพื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ไปยังรัฐสภา กำหนดระยะเวลารณรงค์ ๑๑๒ วัน และการรณรงค์ดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ ๕ พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ มีผู้สอบถามมายังคณะนิติราษฎร์เกี่ยวกับกิจกรรมทางวิชาการและการเคลื่อนไหว ทางความคิดที่จะดำเนินต่อไปในโอกาสครบรอบ ๘๐ ปีของการอภิวัฒน์สยาม ๒๔๗๕ ตลอดจนแนวทางทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คณะนิติราษฎร์เห็นสมควรที่จะได้แสดงจุดยืนและทัศนะต่อประเด็นปัญหาต่างๆ ไว้โดยสังเขป ดังนี้
๑. คณะนิติราษฎร์ยืนยันว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอัตราโทษที่กำหนดไว้ในปัจจุบันสูงเกินสมควรกว่าเหตุ นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆอีกหลายประการ ดังที่ได้เคยแสดงให้เห็นไว้แล้วในประกาศนิติราษฎร์ฉบับที่ ๑๖ (วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๔) และในข้อเสนอเพื่อการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้หลายประการ และจะบรรเทาปัญหาบางประการลง คณะนิติราษฎร์จึงยืนยันสนับสนุนกิจกรรมของ ครก.๑๑๒ ในการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ไปยังรัฐสภา และให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
๒. คณะนิติราษฎร์ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงต่อแนวทางการปรองดองหรือสมานฉันท์โดยวิธีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลทุกฝ่ายดังเช่นการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระหว่างวันที่ ๔ ถึงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ พ.ศ.๒๕๒๑ (นิรโทษกรรมในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙) หรือการตราพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมกันระหว่างวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ถึงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ พ.ศ.๒๕๓๕ (นิรโทษกรรมในเหตุการณ์พฤษภา ๓๕) เนื่องจากการนิรโทษกรรมในลักษณะดังกล่าวแม้จะทำให้ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมพ้นจากความผิดและความรับผิด แต่ก็จะมีผลให้บรรดาผู้ที่สั่งการและปฏิบัติการสลายการชุมนุมพ้นจากความผิดไปพร้อมกันด้วย การนิรโทษกรรมในลักษณะดังกล่าวไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์สลายการชุมนุมต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา
๓. คณะนิติราษฎร์เห็นว่าแนวทางการตรากฎหมายเพื่อการขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายภายหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ควรจะต้องพิจารณาแยกแยะลักษณะการกระทำของบรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้องและจัดวางโครงสร้างของกฎหมายโดยมีสาระสำคัญหลัก คือ
ประการที่หนึ่ง ต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงตลอดจนการสลายการชุมนุมทุกเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา การกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่ถือได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะได้กระทำการในฐานะเป็นผู้สั่งการหรือผู้ปฏิบัติการ และไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใดๆ หากการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในเวลานั้น บุคคลนั้นยังคงมีความผิดตามกฎหมายและต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ประการที่สอง ให้มีการนิรโทษกรรมทันทีแก่ประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานฝ่าฝืนบรรดากฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินและกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงที่ได้รับการประกาศใช้ในเหตุการณ์การเดินขบวนและการชุมนุมประท้วงทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆตามที่จะได้กำหนดไว้ในประกาศที่ออกตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งและบรรดาการกระทำต่างๆของผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆข้างต้น หากเป็นความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่อัตราโทษไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง ก็ให้บุคคลนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
ประการที่สาม บรรดาการกระทำทั้งหลายของบุคคลที่เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมืองที่ไม่เข้าข่ายที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เช่น การกระทำที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นและไม่ใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่อัตราโทษไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง ตลอดจนการกระทำความผิดของบุคคลที่แม้ไม่ได้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง แต่มีข้อสงสัยว่ามีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองหลังการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการขจัดความขัดแย้งซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่ได้ ในกรณีที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลในลำดับชั้นใด ให้ศาลระงับการดำเนินกระบวนพิจารณา และให้ปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาไปก่อน ในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าการกระทำนั้นตกอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งหรือไม่ ให้คณะกรรมการขจัดความขัดแย้งเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยว่าการกระทำใดอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งหรือไม่ ให้มีผลผูกพันองค์กรของรัฐทุกองค์กร และไม่อาจเป็นวัตถุในการพิจารณาขององค์กรตุลาการหรือองค์กรอื่นใดได้
ประการที่สี่ ในกรณีที่คณะกรรมการขจัดความขัดแย้งวินิจฉัยว่าการกระทำใดไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญว่าด้วยการขจัดความขัดแย้ง หรือวินิจฉัยว่าการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมต่างๆ ตลอดจนการกระทำที่มีข้อสงสัยว่ามีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองหลังการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ไม่เกี่ยวข้องกับมูลเหตุจูงใจหรือแรงจูงใจทางการเมือง ให้ดำเนินการกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ในกรณีที่คณะกรรมการขจัดความขัดแย้งวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากมูลเหตุจูงใจหรือแรงจูงใจทางการเมืองหลังเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจรัฐ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ก็ให้บุคคลที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดกับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
ประการที่ห้า การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามแนวทางที่คณะนิติราษฎร์เสนอไว้เบื้องต้นโดยสังเขปนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันโดยเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการขจัดความขัดแย้งเป็นอีกหมวดหนึ่ง โดยนอกจากบทบัญญัติในหมวดนี้จะกล่าวถึงคณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง และกฎเกณฑ์ต่างๆตามแนวทางที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังต้องกล่าวถึงการเยียวยาความเสียหายต่างๆด้วย การดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้สามารถทำได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และสามารถกระทำได้ทันที
๔. สำหรับกรณีของการลบล้างผลพวงรัฐประหารนั้น คณะนิติราษฎร์เสนอให้บัญญัติเป็นหมวดอีกหมวดหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่จะได้จัดทำขึ้นใหม่ตามที่ได้เคยแถลงต่อสาธารณะไปแล้ว โดยคณะนิติราษฎร์ยืนยันหลักการของการประกาศให้การนิรโทษกรรมการทำรัฐประหารหรือการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นโมฆะ เพื่อเปิดทางให้บุคคลที่มีส่วนร่วมในการทำรัฐประหารหรือแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำการเอง ผู้ใช้ ตลอดจนผู้สนับสนุน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สำหรับบรรดาคดีซึ่งเกิดขึ้นจากการเริ่มกระบวนการโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะผู้แย่งชิงอำนาจรัฐนั้น ก็ให้ลบล้างให้สิ้นผลไป ซึ่งไม่ได้หมายถึงการนิรโทษกรรม แต่ให้เริ่มกระบวนการใหม่ให้ถูกต้องเป็นธรรมต่อไป
คณะนิติราษฎร์ขอเรียนให้ผู้ที่ติดตามกิจกรรมทางวิชาการของคณะนิติราษฎร์ทราบว่าในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ คณะนิติราษฎร์จะได้จัดกิจกรรมทางวิชาการที่เกี่ยวเนื่องกับการลบล้างผลพวงรัฐประหาร การขจัดความขัดแย้งในสังคมไทย และวิเคราะห์วิจารณ์ข้อเสนอเกี่ยวกับการปรองดองของบุคคลและสถาบันต่างๆ นอกจากนี้เพื่อให้การเคลื่อนไหวทางความคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยและนิติรัฐดำเนินไปในวงกว้างยิ่งขึ้น คณะนิติราษฎร์จะได้จัดให้มีการเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายมหาชน ให้แก่ประชาชนทั่วไป รายละเอียดในเรื่องเหล่านี้จะแถลงให้ทราบต่อไป
๒๕ เมษายน ๒๕๕๕
สมศักดิ์ เจียมฯ:รัฐบาลไม่ควรส่งเสริมสันดานศักดินาของเปรม
สมศักดิ์ เจียมฯ:รัฐบาลไม่ควรส่งเสริมสันดานศักดินาของเปรม
ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เขียนในfacebookส่วนตัวว่า พอดีทีวีทีเปิดภาพทิ้งไว้ (ขี้เกียจฟังเสียง) มีข่าว เปรม กับเรื่องที่ นายกฯ จะไป "รดน้ำ"
ผมเลยขอเขียนอะไรนิด
ในแง่นึง ผมพอ "เข้าใจ" วิธีคิดของ รบ.อยู่นะ ("เข้าใจ" ไมใช่ เห็นด้วย)
คือผมว่า คนในแวดวงการเมือง พอรู้อยู่ว่า เปรม นี่นิสัยเลวอยู่อย่าง คือชอบให้คนมา "เลีย" มา "ประจบ"
คือประมาณว่า คนมันนิสัยสันดานเสีย ชอบทำตัวเหมือนเจ้าศักดินาสมัยก่อน อะไรแบบนั้นน่ะแหละ
(นี่เขียนแบบ "เข้าใจ" นะ และด่าเปรม มากกว่าด่า รบ. แต่ผมก็ยังเห็นว่า รบ. ไม่ควรไปส่งเสริมสันดานเลวๆแบบนี้ของคนพวกนี้หรอก)
ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เขียนในfacebookส่วนตัวว่า พอดีทีวีทีเปิดภาพทิ้งไว้ (ขี้เกียจฟังเสียง) มีข่าว เปรม กับเรื่องที่ นายกฯ จะไป "รดน้ำ"
ผมเลยขอเขียนอะไรนิด
ในแง่นึง ผมพอ "เข้าใจ" วิธีคิดของ รบ.อยู่นะ ("เข้าใจ" ไมใช่ เห็นด้วย)
คือผมว่า คนในแวดวงการเมือง พอรู้อยู่ว่า เปรม นี่นิสัยเลวอยู่อย่าง คือชอบให้คนมา "เลีย" มา "ประจบ"
คือประมาณว่า คนมันนิสัยสันดานเสีย ชอบทำตัวเหมือนเจ้าศักดินาสมัยก่อน อะไรแบบนั้นน่ะแหละ
(นี่เขียนแบบ "เข้าใจ" นะ และด่าเปรม มากกว่าด่า รบ. แต่ผมก็ยังเห็นว่า รบ. ไม่ควรไปส่งเสริมสันดานเลวๆแบบนี้ของคนพวกนี้หรอก)
ปรองดองก็ได้...แต่อย่าทรยศ....ความเป็นธรรม
โดย The motorcycle diary kurt cobain
มาแรงเหลือเกิน “อาการปรองดอง”
ทุกคนดูเหมือนว่า “กำลังดัดจริต” “เป็นมนุษย์ประเสริฐ”
ไม่อยากเห็นความขัดแย้งของคนในชาติ ไม่อยากเห็นความรุนแรง
“คนถูกฆ่าตายนั้นมีใบหน้า.” คนลงมือฆ่านั้นกำลังเห็นหลังไหวๆ!( กูรู้แล้วใครสั่งฆ่า ชัดเจนไหม?)ลอกเลียนมาจากคำคุ้นๆของใครบางคน
“เกี้ยเซี๊ยะ” จะเหมาะสมกว่าไหมกับคำว่าปรองดอง
ณ คาบนี้ เราเห็นใจกลุ่ม “อำนาจใหม่”
ที่ได้อำนาจรัฐมาด้วย “ซากศพ” และ “อิสระภาพ” ที่พี่น้องคนเสื้อแดงเรา “ลงทุนให้”
พวกท่านจะต้อง “ยึดกุมอำนาจไว้” ให้ยาวนานเพื่อ “สร้างผลงาน”สร้างความยุติธรรม
เป็นความปรารถนาและความเข้าใจ ที่พวกเราพยายามอย่าง “สุดกำลังลาก!(แตก)” ที่จะให้พวกท่าน “นำพาประเทศชาติ”
ไปสู่สังคมแห่งความยุติธรรม
เรารอได้ถ้า “ยังมีเครื่องบ่งชี้
(ตัวชี้วัด) ว่า” คนตายมีเกียรติยศศักดิ์ศรีชัดเจนไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง ตามคำครหาของฝ่ายอำนาจเก่า
คนที่ยังถูกกักขังไร้อิสระภาพ
ยังคงทุกข์ระทม ยังไม่รู้ชะตากรรมจะได้สูดกลิ่นไอของเสรีภาพเมื่อใด? แว่วว่า คนในกลุ่มอำนาจใหม่ มีทัศนะแบบว่า
เราควรจะปรองดองกันได้แล้ว! มีเลือกตั้งแล้ว ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว
เป็นประชาธิปไตยแล้ว และรัฐบาลกำลังพัฒนาประเทศต้องการความสงบสุขไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันอีก
น้ำเน่าเกินไปหรือเปล่า พจมานย์เข้าสู่สถานบ้านสี่เสาได้แล้ว คิดว่าจะจบหรือ
พี่น้อง!
ขณะนี้ดูเหมือนว่า ขั้วอำนาจเก่า-ใหม่กำลังเคลื่อนตัวเข้าปรองดองกัน(ผสมพันธุ์ข้ามสปีชีย์)
เราต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมีปัจจัยใดบ้างที่บีบบังคับให้
“พวกเขา” ต้องรีบปรองดอง ปัจจัยหนึ่งเป็นความเสื่อมทางศรัทธาที่พวกเขากำลังลิ้มรสจากฝ่ายประชาชนที่ก้าวหน้า
ปัจจัยหนึ่ง “เป็นผลประโยชน์ร่วม”ทางเศรษฐกิจและอำนาจที่พวกเขาต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน
อีกปัจจัยหนึ่งเป็น “อิทธิพลของสถานการณ์โลกและภูมิภาค”
ที่ไม่อนุญาตให้พวกเขา ยืดระยะเวลาการขัดแย้งต่อไปอีกเราจะเห็น
“บุคคลในโครงสร้างอำนาจทั้งของไทยอาเซี่ยนและโลกกำลังวางหมาก”กันอย่างเอา
เป็นเอาตาย
“เวลาของการทรยศ”
อาจจะมาเร็วกว่าที่เราคาดคิด มันเป็นเวลาของโลก IT อารมณ์ของสังคมก็จะประมาณ Wi Fi ! “อำนาจเก่าบวกอำนาจใหม่” คิดว่าจะรับมือไหวหรือ คิดผิดคิดใหม่นะ! “คนไทยเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนคนไทเมื่อก่อน” เขามีสมองเป็นของตนเอง
มีหูทิพย์ ตาทิพย์ และมี “ความคับแค้นฝังหุ่น”มายาวนาน การทรยศครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเหล่า “ชนชั้นนำไทย”ทั้งเก่าและใหม่!
เราเข้าใจ! เรื่องลับลวงพรางแต่อย่าเล่นเกมส์กับความยุติธรรมในใจคน
เพราะคนเสื้อแดง“สู้กับความอยุติธรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม” ไม่ใช่ให้ “เกิดการปรองดอง”
โดยไม่รู้ใครผิดใครถูก เราเตือนคุณแล้ว
วินาทีของการปฏิวัติโค่นล้มระบอบอำมาตย์มาถึงแล้ว
คุณไม่ทำคุณอาจจะกลายเป็นอาชญากรที่ก่ออาชญากรรมไว้บนแผ่นดิน
จำไว้เราไม่ต้องการให้คุณมาปรองดอง
เราต้องการให้คุณมาสะสางปัญหาของชาติที่ทับถมแผ่นดินจนประชาชนระทมทุกข์ไป
ทั่วคนเสื้อแดงลงทุนลงแรงด้วยชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อให้ประเทศชาติเป็น
ประชาธิปไตย
เป็นด้วยเนื้อหาใหม่ที่ให้คุณค่าของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
มิใช่ภายใต้โครงสร้างที่อำมาตย์ยังอยู่และยังคงกดทับกระบวนการยุติธรรม
และวันดีคืนดีพวกเขาก็จัด Hungergame (คนล่าคน) ให้เราดู เราจะทนดูไปเรื่อยโดยไม่สะเทือนใจเลยหรือ
ใครจะปรองดอง....ก็ช่างแม่งงงมัน
ใครจะลับลวงพรางก็ช่างแม่งมัน.....แต่พวกเราประชาชนจะต้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของสังคม
สู้..สู้.และสู้ มันต้อง “โดนใจ” สักดอกน่ะ พี่น้อง!!
บนขบวนรถไฟที่มุ่งกลับบ้าน คนที่รอดตายจากสนาม “คนล่าคน”
ผ่านฟ้าราชประสงค์ มีมากกว่า 2 คน
พวกเขากำลังกลับไปรอความยุติธรรมรอการเปลี่ยนแปลง รอการกินดีอยู่ดี ไม่ต้องการ “การเกี้ยเซี้ยะ”
พวกเขากลับถึงบ้านแล้ว... มีเพื่อนบ้านพี่น้องที่อยู่ใน “เขต12” มาต้อนรับ
วีรบุรุษของเขามากมาย...
tisdag 24 april 2012
การล่มสลายของวงค์จักรี และลูกสมุน !
*****ความเสื่อมศรัทธาของประชาชนที่มีต่อเปรม ก็คือความเสื่่อมศรัทธาต่อสถาบันกษัตริย์และวงค์จักรี เปรมก็เปรียบเสมือนตัวแทนของกษัตริย์ภูมิพลคือ เป็นหัวหน้าอำมาตย์ที่รับใช้นโยบายของกษัตริย์ภูมิพล ตลอดเวลาที่กษัตริย์ภูมิพลครองราชย์มา ๖๐ กว่าปีไม่ได้ทำให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าแต่อย่างไร ตรงกันข้ามได้สนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจใช้ระบอบเผด็จการปกครองประเทศมาตลอด สังคมแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็มาจากการปกครองในระบอบของกษัตริย์ภูมิพลนั้นเอง
ตลอดเวลา ๕-๖ ปีที่ผ่านมาทำให้ประชาชนชาวไทยตาสว่าง ได้มองเห็นความจริง
ดังนั้นความเสื่อมโทรมของสถาบันกษัตริย์และวงค์จักรีก็เริ่มตกตํ่า
ลงไปเรื่อยๆและในที่สุด ก็ต้องถึงวันแห่งการล่มสลายหมดไปจากแผ่นดินไทย เพราะประชาชนหมดศรัทธาต่อสถาบันเผด็จการโบราณที่ทำลาย สังคมและประเทศชาติอยู่ในเวลานี้
ดังนั้นความเสื่อมโทรมของสถาบันกษัตริย์และวงค์จักรีก็เริ่มตกตํ่า
ลงไปเรื่อยๆและในที่สุด ก็ต้องถึงวันแห่งการล่มสลายหมดไปจากแผ่นดินไทย เพราะประชาชนหมดศรัทธาต่อสถาบันเผด็จการโบราณที่ทำลาย สังคมและประเทศชาติอยู่ในเวลานี้
ไม่มีกษัตริย์ ชาติก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีชาติ กษัตริย์อยู่ไม่ได้ *****
โดย ลูกชาวนาไทย....
|
กรรมของ พล.อ.เปรม แค่จะรดน้ำ ทะเลาะกันทั้งประเทศ เสื่อมจริงๆ
แต่ก่อนการไปเคารพ หรือรดน้ำ พล.อ.เปรมนั้น คนไปกันจำนวนมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่หลังจากทีเข้ามายุ่งกับการเมือง เป็นศัตรูกับประชาชน แค่จะไปรดน้ำก็ทำให้ประชาชนจำนวนมากคัดค้านแล้ว ถือได้ว่าเป็น "กรรม" ที่เกิดขึ้นในชาตินี้
แต่ก่อนการไปเคารพ หรือรดน้ำ พล.อ.เปรมนั้น คนไปกันจำนวนมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่หลังจากทีเข้ามายุ่งกับการเมือง เป็นศัตรูกับประชาชน แค่จะไปรดน้ำก็ทำให้ประชาชนจำนวนมากคัดค้านแล้ว ถือได้ว่าเป็น "กรรม" ที่เกิดขึ้นในชาตินี้
ดีเหมือนกันที่รัฐบาลริ
เริ่มเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่ทราบว่าคลื่นใต้น้ำของความไม่ชอบ
พล.อ.เปรม นั้นมีมากน้อยแค่ไหน เราก็ทราบๆ กันว่ามีอยู่ แต่สังคมอื่นๆ
ก็อาจยังไม่ทราบว่าแรงต้านจะมีมากขนาดนี้ ตอนนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า
ประชาชนเกินครึ่งของประเทศ ไม่เอา พล.อ.เปรม
ดังนั้น
คงไม่ต้องใช้คำว่า "ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง" อีกต่อไปนะครับๆ สำหรับคนๆ
นี้ เขาก็คือ "หัวหน้ากลุ่มการเมืองกลุ่มอนุรักษ์นิยม" คนหนึ่ง
ที่มีบารมีและอิทธิพลไม่มากแล้ว อย่างน้อยก็ไม่เหมือนก่อนหน้านี้
จริงๆ
แล้วภาพที่เราเห็นหรือสังคมรับรู้ เหมือนกับ Halo Effect หรือ
ภาพที่ใหญ่โตเกินความเป็นจริง มันเป็นจิตวิทยาของมนุษย์
ที่มักคิดว่าสิ่งที่ตัวเองมองเห็น อำนาจของบางคนนั้นใหญ่โต แต่จริง ๆ
แล้วเป็นแค่ Halo Effect ที่ถูกสร้างให้ใหญ่โตเกินจริงไปเท่านั้น
หากเราไม่สนใจมากมาย จน "จำกัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหว" ริเริ่มของเรา
ความสำคัญของคนๆ นี้ก็ลดลง
เขาไม่ได้มีอิทธิพลต่อสังคมมากมายเหมือนที่เราคิด เหมือนที่เรากลัว
เป็นแต่เพียงการเชิดตัวเองขึ้นราวกับว่ามีบารมีจริงๆ
บารมีในอดีตนั้นอาจจะมี แต่เมื่อปะทะกับประชาชน บารมีจริงๆ ก็ลดลงหายไปแทบหมด เพราะในโลกนี้ไม่มีใครที่จะสามารถสู้กับคนหมู่มากได้
เครื่องมือวัด จริยธรรม ของพรรคสมุนเหี้ยประชาธิปัตย์
เครื่องมือวัด จริยธรรม ที่ดำดิ่ง
คือความจริง ที่จมปลัก พรรคตอแหล
ทั้งวิปริต บิดเบือน มิเชือนแช
เลวของแท้ เกินเขียนคำ พร่ำบรรยาย....
กุเรื่องเท็จ เพื่อเข่นฆ่า ประชาราษฎร์
แล้วเติมวาด ผังมุบมิบ สร้างชิบหาย
แค่..ลวงโลก แต่ฆ่าคน จนชีพวาย
หน้าไม่อาย พวกสับปลับ คิดอัปรีย์....
เป็นมือปืน ซ่องสุม รุมทำร้าย
ฆ่าคนตาย ยังชูคอ ก่อบัดสี
ยึดกฎหมาย แต่ระยำ และย่ำยี
พรรคเฮี่ยนี้ โคตรอุบาทว์ ชาติจัญไร....
พวกปากหมา ก็เห่าหอน พูดค่อนแคะ
เคยแยกแยะ ชั่วดี มีบ้างไหม
พูดใส่ร้าย พูดป้ายสี แล้วดีใจ
บิดเบือนได้ สามานย์ อย่างด้านชา....
ทำการเมือง ตกต่ำ ระยำถ่อย
เติมด่างพร้อย ด้วยคนชั่ว มั่วตัณหา
ไร้จริยธรรม ซ้ำโฉ่งฉ่าง กลางสภา
ดูเถิดหนา พวกหน้าโง่ ที่โอ๋เชียร์....
๓ บลา / ๒๔ เม.ย.๕๕
http://3blabla.blogspot.com/
"กำลังใจหาซื้อไม่ได้ แต่ให้กันได้"
måndag 23 april 2012
สุนัย จุลพงศธร:กรณีศึกษาปทุมธานีโชคดีที่แพ้ก่อน
โดย สส.ดร.สุนัย จุลพงศธร
ภาพการ์ตูนประกอบ อรุณ วัชระสวัสดิ์ จากมติชนรายวัน
การแพ้การเลือกตั้งของผู้สมัคร
ส.ส.และนายกฯอบจ.ที่สังกัดพรรคเพื่อไทยในจังหวัดปทุมธานีเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่จะยกระดับการเรียนรู้ถึงพัฒนาการทางการเมืองไทยของ
ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย
และ
ยกระดับการเรียนรู้ของขบวนการคนเสื้อแดงว่าการเมืองไทยได้เกิดการเปลี่ยน
แปลงแล้ว
และการเมืองไทยได้เข้าสู่กระบวนการแห่งเนื้อหาของประชาธิปไตยแล้วที่จะต้อง
เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและจะต้องนับถือประชาชนเป็นพระเจ้าที่เดินดินแทนพระ
เจ้าที่อยู่บนฟ้า
ผมจึงขอนำเหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษา (Case Study)
และขอบอกกับเพื่อนๆว่า “เป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อน” และสิ่งนี้คือความล้ำเลิศของระบอบประชาธิปไตยโดยมีข้อสังเกตดังนี้
1.ต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่น้องปทุมธานี
ก่อน
อื่นต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่น้องชาวปทุมธานีก่อนว่าเขาพึงพอใจเช่นนั้น
อย่าใช้ทัศนะของพรรคประชาธิปัตย์ หรือทัศนะพวกอำมาตย์ที่ไม่เคารพประชาชน
จะ
เห็นได้ว่าหากทุกครั้งที่พวกเขาแพ้เลือกตั้ง
พวกเขาจะบอกว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ชนะเกิดจากการซื้อเสียงแล้วนำไปสู่การให้
ร้ายระบอบประชาธิปไตยทุกครั้งว่าเป็นธุรกิจการเมือง
และจบลงที่รัฐประหารยึดอำนาจแล้วเริ่มต้นใหม่
การ
ยอมรับนี้มิใช่เป็นการเสแสร้งแต่เป็นการยอมรับด้วยความจริงใจและน้อมรับผล
การตัดสินใจมาศึกษาเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการของพรรคและของขบวนการ
คนเสื้อแดง
2.ใช้ท่าทีศึกษาที่ถนอมรักกันในหมู่มิตรสหาย
เมื่อเกิดความพ่ายแพ้ก็เป็นธรรมชาติของปุถุชนที่จะเสียใจ
ดังนั้น จึงเกิดภาวการณ์ทางความคิดสุดโต่ง 2 ด้านคือ
พวกหนึ่งจะเกิดความเสียใจอย่างรุนแรงเลยเถิดไปถึงเกิดความหดหู่ใจแล้วตัดสินใจละทิ้งขบวนการจนเลิกที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป
รวมถึงไปปลุกปั่นคนใกล้ชิดให้หดหู่ใจและละทิ้งแนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วย
ส่วนอีกพวกหนึ่งจะเกิดความโกรธแค้นพวกเดียวกัน แล้วด่าทออย่างไม่ถนอมน้ำใจโดยขาดการศึกษาข้อมูลว่าอะไรเป็นอะไรอย่างมีเหตุผล
แต่อย่างไรก็ตามต้องถือว่า
“มวลชนด่าว่าเพราะมวลชนรัก”
เมื่อรักมากห่วงมากจึงด่ามาก
ส.ส.เพื่อไทยก็ต้องน้อมรับฟังก็คิดเสียว่าในเมื่อประชาธิปัตย์ด่าว่าในสภายังอดทนนั่งฟังได้
เมื่อมวลชนด่าว่าด้วยความรักก็ต้องทนฟังได้
ปกติผมไม่ชอบที่จะรับรองใคร แต่ในที่นี้ผมขอยืนยันว่าคุณสุเมธ ฤทธาคนี
เป็นส.ส.ที่ดีและมีความคิดกล้าต่อสู้คนหนึ่งในพรรคเพื่อไทย
ที่ได้เคยแสดงบทบาทร่วมกับคนเสื้อแดงต่อต้านการบุกยึดสถานีถ่ายทอดดาวเทียม
ของอำนาจเผด็จการทหารในรัฐบาลอภิสิทธิ์
– สุเทพ
เพียง
แต่เป็นการก้าวพลาดครั้งสำคัญต่อการประเมินมวลชนและไม่ยอมรับฟังการทัดทาน
ของผู้นำพรรคฯที่ห้ามไม่ให้ลาออกและผลจากการตัดสินใจผิดพลาดของคุณสุเมธนี้
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
และจะเป็นผลร้ายต่อตัวคุณสุเมธอย่างรุนแรง
ซึ่งถือเป็นบทลงโทษจากการประเมินมวลชนผิดพลาด
ประชาชนเปรียบดุจดังท้องทะเลหากชาวประมงผู้ใดประเมินทะเลผิดก็อาจจะสูญเสียชีวิตในพายุใหญ่ท่ามกลางความเงียบสงบของท้องทะเล
3.นักการเมืองต้องเห็นหัว(ใจ)มวลชน
คำว่าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางกินความลึกซึ่งมาก
ถ้าจะพูดอย่างภาษาชาวบ้านคือ “ต้องเห็นหัว (ใจ) มวลชน”
เมื่อชนะเลือกตั้งยกเขตจังหวัดปทุมธานีในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาอย่าได้คิดว่า
“มวลชนเป็นของเรา” ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดเพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของมวลชน
มีแต่ความถูกต้องเป็นเจ้าของมวลชน
มีแต่นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชนเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของมวลชน
มวลชนเป็นผู้มีเหตุผล
และเหตุผลของมวลชนมีภาวะผันแปรตลอดเวลา
มวล
ชนจึงไม่ต่างจากพระเจ้าตัวจริงที่เดินดินและใครที่อ้างว่าเป็นเจ้าของมวลชน
และทำอะไรตามใจตัวเองโดยปล่อยให้มวลชนอดอยากและหลอกลวงมวลชนไปวันๆ
วันหนึ่งเขาจะรู้ความจริงดังคำกล่าวข้างต้นว่ามวลชนคือพระเจ้าและไม่มีใคร
เป็นเจ้าของพระเจ้าได้นอกจากตัวพระเจ้าเอง
คำถามที่คุณสุเมธผู้ที่ลาออกจาก
ส.ส.ไปสมัครนายกฯอบจ.แก้ไม่ตกคือ “ พวกผมเลือกคุณมาแล้วคุณลาออกทำไม
? ”
นักการเมืองทั้งหลายต้องรู้ว่าธรรมชาติแห่งมวลชนในระบอบประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งซ่อม
ทุกครั้งโดยปกติรัฐบาลเสียงข้างมากจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะทัศนะคติของมวลชนคนเมือง(Voter)
ที่มิได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลพึ่งพิงส.ส.และลัทธิบูชาตัวบุคคล
จะมีความเห็นเป็นปกติว่า
ก็รัฐบาลมีเสียงข้างมากแล้วทำไมพวกเขาจะต้องไปเพิ่มเสียงให้อีก
ดังนั้น แนวโน้มของการเลือกตั้งซ่อมประชาชนมักจะเลือก
ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเพื่อถ่วงดุล
ยิ่งเป็นการลาออกด้วยจงใจเพื่อไปสมัครนายกฯอบจ.ที่คนทั่วไปเข้าใจว่ามีผล
ประโยชน์การถือเงินบริหารมากกว่าจึงเป็นเรื่องที่ถูกเหตุผลในทางร้ายถมทับ
อย่างแก้ไม่ตก
ลักษณะตัดสินใจเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นตัวตั้งและหลงตัวเองว่า
“ประชาชนนิยมฉัน!” เป็นภาวะทั่วไปของส.ส.ไทยไม่ว่าพรรคไหนเพราะกรอบความคิดของส.ส.ไทยมักจะมองมวลชนเป็นเพียงพรรคพวกของหัวคะแนนที่ตนสามารถควบคุมได้
เพื่อนส.ส.เพื่อไทยอีกหลายคนขอให้เปลี่ยนทัศนะเสียเถิดอย่ามองข้ามเหตุผลของพระเจ้าผู้เดินดินเลย
เพื่อน
เสื้อแดงทั้งหลายขอให้ทราบเถิดครับว่าผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยเขาห้ามแล้วและ
ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ผมรู้มาเขาเหนื่อยกับส.ส.ผู้ดื้อรั้นอย่างไร้
เหตุผลทางการเมือง
แต่เขาพูดไม่ออกและขณะนี้ท่านจะเห็นความดื้อรั้นและภาวะสายตาสั้นของนักการ
เมืองผู้หลงตัวเองในการเลือกตั้งนายกฯอบจ.อีกหลายจังหวัดที่กำลังเกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้
การพ่ายแพ้ที่ปทุมธานีจึงเป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อนเพราะมีเหตุผลมากขึ้นที่ผู้ใหญ่ในพรรคจะต้องเร่งยกเครื่อง
ระบบ Primary Vote หรือการประเมินส.ส.ที่จะลงเลือกตั้งครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น
และเป็นจริงมากขึ้น และนี้คือการพัฒนาประชาธิปไตยที่มีตัวชี้วัดคือ “มวลชน”
ของจริงจะต้องเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์ที่ปทุมจะเป็นประโยชน์ต่อทุกพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกคนที่จะต้องรู้จัก
“เห็นหัวประชาชน” กันบ้าง
4.ขอให้เข้าใจความเป็นจริงเรื่องน้ำท่วมน้ำขังรอบกรุงเทพฯที่ยาวนาน
การ
โจมตีส.ส.ปทุมธานีของพรรคเพื่อไทยที่ปล่อยให้น้ำท่วมขังรอบกรุงเทพฯยาวนาน
และนำความเจ็บปวดโกรธแค้นมาสู่มวลชนนั้นเป็นข้อวิจารณ์กันอย่างมากของพี่
น้องเสื้อแดงที่ต้องแยกแยะ
กล่าวคือ ส่วนหนึ่ง เกิดจากความไม่รู้โดยสุจริตใจของพี่น้องเสื้อแดง
อีกส่วนหนึ่ง
เป็นคำวิจารณ์ให้ร้ายของศัตรูที่ฉวยโอกาสแอบแฝงเป็นคนเสื้อแดงทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมเกิดจากอะไร
ในที่นี้ผมไม่ได้แก้ตัวแต่ต้นเหตุเป็นเรื่องที่
“แม้ตายก็บอกไม่ได้” แต่ทุกคนต้องรับเคราะห์
ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยเถิดว่า
“ทำไมน้ำท่วมเอ่อล้น 2 ฝั่งเจ้าพระยาตั้งแต่นครสวรรค์ ถึง ปทุมธานี
แต่ทำไมไม่เอ่อล้นท่วม 2 ฝั่งเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานคร? ”
ด้วยเหตุนี้
เมื่อพระแม่คงคาไม่อาจจะผ่านเข้ากรุงเทพฯได้ท่านจึงต้องทะลักเข้าสู่ที่ดอนแม้แต่ “ดอนเมือง”
ซึ่งไม่เคยมีน้ำท่วมก็ยังไม่เว้น
ความผิดปกติทางธรรมชาตินี้ถ้าไปถามหม่อมบางท่านก็น่าจะรู้ความจริง
บทสรุป
ได้เวลายกระดับความคิดครั้งใหญ่ของส.ส.และคนเสื้อแดงแล้ว
จงใช้วิกฤติเป็นโอกาส
ใช้กรณีพ่ายแพ้ที่ปทุมธานีเป็นกรณีศึกษาภายใต้คำขวัญว่า “โชคดีที่แพ้ก่อน”
เพื่อจะสืบต่อชัยชนะต่อไปและสะสมชัยชนะให้เติบใหญ่ขึ้น
(1)
ความเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย
ฝ่าย
บริหารพรรคฯต้องเร่งแก่ไขทัศนะดื้อรั้นที่ผิดพลาดของส.ส.พรรคฯที่เอาผล
ประโยชน์เฉพาะตนกล่าวแอบอ้างว่าเป็นประโยชน์ของพรรคฯและส.ส.พรรคฯที่ชอบแต่
แสวงหาผลประโยชน์เฉพาะหน้าโดยกล่าวแอบอ้างว่าเป็นผลประโยชน์ระยะยาวด้วยใช้
มติลงโทษส.ส.ผู้ไม่ฟังการตัดสินใจของกรรมการบริหาร
(2)
ความเร่งด่วนของขบวนคนเสื้อแดง
ต้อง
เร่งยกระดับการเรียนรู้ของประชาชนคนเสื้อแดงที่มีความจริงใจต่อการต่อสู้
แต่ขาดประสบการณ์ทางการเมืองโดยขอให้ นปช.
ที่มีภารกิจทางประวัติศาสตร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะนี้ปรับขบวนการการ
แสดงออกบนเวทีที่ต้องเน้นเนื้อหาความคิดและการเรียนรู้ยุทธศาสตร์
ยุทธวิธีมากขึ้น และขอให้แกนนำ
นปช.บาง
คนอย่าได้ผูกขาดว่าเสื้อแดงคือหัวคะแนนผู้อยู่ในโอวาทของตัวเองที่จะแสดง
อะไรก็ได้บนเวที
รวมถึงแสดงความคับแคบที่กีดกันแนวร่วมที่ไม่ใกล้ชิดตัวเองและการไร้วินัยที่
กินเหล้าเมาก่อนขึ้นปราศรัยต่อหน้ามวลชน
อันเป็นการไม่เคารพมวลชนอย่างยิ่ง
เพราะการชุมนุมมวลชนแต่ละครั้งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในช่วงรอยต่อระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาธิปไตยที่กำลังต่อสู้ขับเคี่ยว
กันอยู่ในขณะนี้
ในรายละเอียดยังมีอีกมาก
ขอให้ถนอมรักกันอภัยกันและช่วยกันคิดแก้ไข ยังไม่สายเกินไปหรอกครับ
คำเตือนจากขุนเขา...... ถึง พวก ครม. ทีจะไปทำพิธีสวามิภักดิ์ กับ นายเปรมหัวหน้าลูกสมุนโจรเผด็จการตาเดียวใจอำมหิต ที่กำลังดิ้นรน เหมือนตกนรกทั้งเป็น นั่งรอวันตายอยู่อย่างทรมาณ.... จงอ่านคำเตือนจากขุนเขาก่อน ......
ขุนเขาบอก :
คำเตือนจากขุนเขา.........
เขาตบหัว แล้วลูบหลัง ระวังไว้
เขาหน้าใส แต่ใจดำ ทำสงสาร
หน้าเปื้อนยิ้ม พริ้มเพรา เจ้าแผนการ
เขาคือมาร ในร่างคน ปล้นอธิปไตย
อำมหิต ในจิตใจ เกินใครรู้
ชอบกินปู แต่เกลียดปู เจ้ารู้ไหม
เขายื่นหัตถ์ สัมผัสร่าง อย่างขัดใจ
งามเพียงได ใจเขานิ่ง ไม่อิงอร
เขายืนเอียง เคียงข้าง ในร่างสูท
พร่ำคำพูด สดุดี มีคำสอน
ลืมทุกสิ่ง จริงหนอ อรชร
นางอัปสร หลงลาย เพราะชายลวง
เขายื่นบ่วง ให้คล้องคอ เจ้าก็รู้
เจ้ากลับดู เป็นมาลัย ให้จากสรวง
ความเย็นฉ่ำ จากน้ำใส ใช่จากทรวง
พิรุณร่วง ใช่สวรรค์ นั้นบัญชา
ดูงามตา ยามอ่าองค์ อนงค์นาถ
หากเจ้าพลาด คงเจียนตาย หลายปัญหา
ที่เจ้าเห็น เขาอ่าองค์ ทรงชฎา
คือเบื้องหน้า แต่เบื้องหลัง ยังคลางแคลง
จิ้งจกร้อง เจ้าต้องฟัง ต้องสังหรณ์
สุนัขหอน เห็นคนตาย ร่างกายแข็ง
นกแสกร้อง ต้องใกล้ตาย พรายมันแรง
เสียงสาปแช่ง เจ้าก็รู้ อย่าหูเบา
รักนะเจ้า ขุนเขาเตือน เสมือนญาติ
คำอำมาตย์ เชื่อไม่ได้ ไยเจ้าเขลา
หมากเกมนี้ เจ้าเป็นต่อเขารอเรา
กราบกรานเขา เจ้าอย่าหลง ร่างทรงมาร.............คำเตือนจากขุนเขา.........
คำทีี่เตือน จากขุนเขา เราชอบยี่ง
อ่านแล้วจริง มีเลศนัย ที่ไขขาน
การที่มาร มาญาติดี ล้วนมีนัย
นอปอชอ พรรคเพื่อไทย พึงสังวร
ศพเสื้อแดง ที่นอนตรม จมกองเลือด
อีกพวกเพื่อน แดงทั้งหลาย ยังนอนคุก
ขนาดพวกเรา ขอประกัน ยังไม่ไห้
แล้วจะไป ทำปรองดอง ดูหมองมัว
การปรองดอง นั้นทำได้ ในวิถี
เขาต้องมี พฤตินัย ให้เราเห็น
เห็นแต่มี เรื่องขุ่นข้อง ทุกเช้าเย็น
ยังไม่เห็น เรื่องอยากปรอง ดองกับเรา
รัฐบาลอยาก ไปอวยพร เปรมคงได้
แต่นอปอชอ ถ้าเข้าไป ไม่เข้าท่า
ถ้าเข้าไป คงโดนต้าน เสียราคา
หยุดดีกว่า นอปอชอ ไม่เข้าที โดย แสงดาว
คำเตือนจากขุนเขา.........
เขาตบหัว แล้วลูบหลัง ระวังไว้
เขาหน้าใส แต่ใจดำ ทำสงสาร
หน้าเปื้อนยิ้ม พริ้มเพรา เจ้าแผนการ
เขาคือมาร ในร่างคน ปล้นอธิปไตย
อำมหิต ในจิตใจ เกินใครรู้
ชอบกินปู แต่เกลียดปู เจ้ารู้ไหม
เขายื่นหัตถ์ สัมผัสร่าง อย่างขัดใจ
งามเพียงได ใจเขานิ่ง ไม่อิงอร
เขายืนเอียง เคียงข้าง ในร่างสูท
พร่ำคำพูด สดุดี มีคำสอน
ลืมทุกสิ่ง จริงหนอ อรชร
นางอัปสร หลงลาย เพราะชายลวง
เขายื่นบ่วง ให้คล้องคอ เจ้าก็รู้
เจ้ากลับดู เป็นมาลัย ให้จากสรวง
ความเย็นฉ่ำ จากน้ำใส ใช่จากทรวง
พิรุณร่วง ใช่สวรรค์ นั้นบัญชา
ดูงามตา ยามอ่าองค์ อนงค์นาถ
หากเจ้าพลาด คงเจียนตาย หลายปัญหา
ที่เจ้าเห็น เขาอ่าองค์ ทรงชฎา
คือเบื้องหน้า แต่เบื้องหลัง ยังคลางแคลง
จิ้งจกร้อง เจ้าต้องฟัง ต้องสังหรณ์
สุนัขหอน เห็นคนตาย ร่างกายแข็ง
นกแสกร้อง ต้องใกล้ตาย พรายมันแรง
เสียงสาปแช่ง เจ้าก็รู้ อย่าหูเบา
รักนะเจ้า ขุนเขาเตือน เสมือนญาติ
คำอำมาตย์ เชื่อไม่ได้ ไยเจ้าเขลา
หมากเกมนี้ เจ้าเป็นต่อเขารอเรา
กราบกรานเขา เจ้าอย่าหลง ร่างทรงมาร.............คำเตือนจากขุนเขา.........
คำทีี่เตือน จากขุนเขา เราชอบยี่ง
อ่านแล้วจริง มีเลศนัย ที่ไขขาน
การที่มาร มาญาติดี ล้วนมีนัย
นอปอชอ พรรคเพื่อไทย พึงสังวร
ศพเสื้อแดง ที่นอนตรม จมกองเลือด
อีกพวกเพื่อน แดงทั้งหลาย ยังนอนคุก
ขนาดพวกเรา ขอประกัน ยังไม่ไห้
แล้วจะไป ทำปรองดอง ดูหมองมัว
การปรองดอง นั้นทำได้ ในวิถี
เขาต้องมี พฤตินัย ให้เราเห็น
เห็นแต่มี เรื่องขุ่นข้อง ทุกเช้าเย็น
ยังไม่เห็น เรื่องอยากปรอง ดองกับเรา
รัฐบาลอยาก ไปอวยพร เปรมคงได้
แต่นอปอชอ ถ้าเข้าไป ไม่เข้าท่า
ถ้าเข้าไป คงโดนต้าน เสียราคา
หยุดดีกว่า นอปอชอ ไม่เข้าที โดย แสงดาว
söndag 22 april 2012
เราเห็นด้วยกับอาจารย์ สมศักดิ์ เพราะเป็นการส่งเสริมการปฎิบัติที่ไม่ถูกต้อง เหมือนระบอบทาส ที่ให้ความสำคัญในการสวามิภักดิ์กับหัวโจกลูกสมุนรับใช้จอมโจรเผด็จการ คนกาลีบ้านกาลีเมือง ตัวการทำลายชาติ เนรคุณต่อแผ่นดิน เป็นผู้วางแผนการรัฐประหาร 19 กย 2549 โค่นล้มรัฐบาล ทักษิณ แล้วยังจะไปกราบตีน นายเปรม อีกหรือ? ควรจะนึกถึงบุญคุณของประชาชนที่เลือกให้พวกท่านขึ้นมาเป็นรัฐบาลมากกว่า.
"สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" ชี้ ครม.ดำหัวเปรมคือ "ส่งเสริมการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง"
ต่อข่าวดังกล่าว นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันนี้ (22 เม.ย.) ต่อกรณีนายกรัฐมนตรีและ ครม. เตรียมเข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม โดยนายสมศักดิ์ ได้โพสต์แสดงความในเฟซบุค ตั้งค่าการเข้าถึงสาธารณะ มีรายละเอียดดังนี้
ตำแหน่งองคมนตรี เป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีกำหนดไว้เลยให้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงใดๆ กับคณะรัฐมาล
อันที่จริง องคมนตรีควรไม่มีบทบาททางสาธารณะใดๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะถ้ามี แล้วมีปัญหาใดๆ ขึ้นมา ย่อมกระทบถึงสถาบันกษัตริย์ (อันทีจริง ทางกฎหมายต้องถือว่าองคมนตรีเป็นส่วนหนึงของสถาบันกษัตริย์) ตำแหน่งประธานองคมนตรี ก็ไม่ได้มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ต้องถือเป็นตำแหน่งพิเศษอะไร การที่ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย จะเลิกวิพากษ์วิจารณ์โจมตี พล.อ.เปรม นั้น ก็แล้วแต่ แต่อันที่จริง ถ้าพูดในแง่ของกฎหมาย หลักทางนิติรัฐ และรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีความจำเป็นต้อง มีการนำคณะรัฐมนตรีไปแสดงความเคารพอะไร พล.อ. เปรม ในลักษณะทางการเช่นนี้ คือต่อให้หยุดโจมตี พล.อ.เปรมแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลเชิงหลักการ เชิงกฎหมาย หรือนิติธรรม อะไร ที่ต้องให้ความสำคัญพิเศษ หรือแสดงการเคารพเป็นพิเศษต่อตัว พล.อ.เปรม จะว่าไปแล้ว ในประวัติศาสตร์ ก็มีแต่ พล.อ.เปรม ที่วางตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นประธานองคมนตรี คือออกมามีบทบาทสาธารณะ และการเมือง อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่เกรงต่อข้อกำหนด รัฐธรรมนูญ (แสดงการฝักใฝ่พรรคการเมืองไม่ได้) และความเหมาะสม เชิงมารยาท และการปฏิบัติทางการเมือง (คนอื่นมีบทบาทแทรกแซงการเมือง ไมใช่ไม่มี แต่อย่างน้อย ยังรู้จักทำแบบหลบๆสายตาคนทั่วไป ไมใช่ทำแบบโจ่งแจ้งเช่นนี้) พูดง่ายๆ คือ ไม่โจมตี เปรม ก็แล้วไป แต่ไม่มีความจำเป็นใดๆ ทีต้องไปส่งเสริมการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้
หมายเหตุ: ตามรายงานข่าวนี้ ที่ "ลูกป๋า" อ้างว่า "เป็นขนบธรรมเนียมไทย" นั้น เป็นการพูดแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว "ขนบธรรมเนียม" ของการมีองคมนตรี (ตั้งแต่ 2492 เป็นต้นมา) ไม่เคยมีการให้ความสำคัญกับตำแหน่งประธานองคมนตรีในลักษณะนี้เลย และจะอ้างว่า นี่เป็นเรื่อง "ส่วนบุคคล" ก็ไม่ได้ เพราะที่จะไปกัน ไปในฐานะ คณะรัฐมนตรี ทั้งคณะ และที่ไป ก็ไมใช่เพราะ พล.อ.เปรม คือ นาย เปรม ที่ไหน"
http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40183
ต่อข่าวดังกล่าว นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันนี้ (22 เม.ย.) ต่อกรณีนายกรัฐมนตรีและ ครม. เตรียมเข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม โดยนายสมศักดิ์ ได้โพสต์แสดงความในเฟซบุค ตั้งค่าการเข้าถึงสาธารณะ มีรายละเอียดดังนี้
ตำแหน่งองคมนตรี เป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีกำหนดไว้เลยให้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงใดๆ กับคณะรัฐมาล
อันที่จริง องคมนตรีควรไม่มีบทบาททางสาธารณะใดๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะถ้ามี แล้วมีปัญหาใดๆ ขึ้นมา ย่อมกระทบถึงสถาบันกษัตริย์ (อันทีจริง ทางกฎหมายต้องถือว่าองคมนตรีเป็นส่วนหนึงของสถาบันกษัตริย์) ตำแหน่งประธานองคมนตรี ก็ไม่ได้มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ต้องถือเป็นตำแหน่งพิเศษอะไร การที่ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย จะเลิกวิพากษ์วิจารณ์โจมตี พล.อ.เปรม นั้น ก็แล้วแต่ แต่อันที่จริง ถ้าพูดในแง่ของกฎหมาย หลักทางนิติรัฐ และรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีความจำเป็นต้อง มีการนำคณะรัฐมนตรีไปแสดงความเคารพอะไร พล.อ. เปรม ในลักษณะทางการเช่นนี้ คือต่อให้หยุดโจมตี พล.อ.เปรมแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลเชิงหลักการ เชิงกฎหมาย หรือนิติธรรม อะไร ที่ต้องให้ความสำคัญพิเศษ หรือแสดงการเคารพเป็นพิเศษต่อตัว พล.อ.เปรม จะว่าไปแล้ว ในประวัติศาสตร์ ก็มีแต่ พล.อ.เปรม ที่วางตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นประธานองคมนตรี คือออกมามีบทบาทสาธารณะ และการเมือง อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่เกรงต่อข้อกำหนด รัฐธรรมนูญ (แสดงการฝักใฝ่พรรคการเมืองไม่ได้) และความเหมาะสม เชิงมารยาท และการปฏิบัติทางการเมือง (คนอื่นมีบทบาทแทรกแซงการเมือง ไมใช่ไม่มี แต่อย่างน้อย ยังรู้จักทำแบบหลบๆสายตาคนทั่วไป ไมใช่ทำแบบโจ่งแจ้งเช่นนี้) พูดง่ายๆ คือ ไม่โจมตี เปรม ก็แล้วไป แต่ไม่มีความจำเป็นใดๆ ทีต้องไปส่งเสริมการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้
หมายเหตุ: ตามรายงานข่าวนี้ ที่ "ลูกป๋า" อ้างว่า "เป็นขนบธรรมเนียมไทย" นั้น เป็นการพูดแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว "ขนบธรรมเนียม" ของการมีองคมนตรี (ตั้งแต่ 2492 เป็นต้นมา) ไม่เคยมีการให้ความสำคัญกับตำแหน่งประธานองคมนตรีในลักษณะนี้เลย และจะอ้างว่า นี่เป็นเรื่อง "ส่วนบุคคล" ก็ไม่ได้ เพราะที่จะไปกัน ไปในฐานะ คณะรัฐมนตรี ทั้งคณะ และที่ไป ก็ไมใช่เพราะ พล.อ.เปรม คือ นาย เปรม ที่ไหน"
http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40183
lördag 21 april 2012
**** บัวขาวร่อนหนังสือ แฉ ป.ประมุขทั้งอมเงินทั้งข่มขู่ โกงด้าน1000%**** นี่คือระบบทาสในเรือนเบี้ยที่ยังหลงเหลืออยู่คู่ประเทศไทย เราขอยกย่องคุณบัวขาวที่มีความกล้าหาญ ที่ลุกขึ้นสลัดแอกออกจากบ่าตัวเอง นอกจากนี้ยังตาสว่างมองเห็นคุณค่าของตัวเองที่มีความสามารถ บัวขาวเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่เชิดหน้าชูตาของชาติที่สังคมไทยควรส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือรักษาไว้เป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคมไทย เรื่องของคุณบัวขาวเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบในสังคมไทย ซึ่งมีอีกมากมายที่ยังไม่ถูกนำมาเปิดเผย นี่คือผลพวงจากระบอบทาสของกษัตริย์ภูมิพลที่ครอบคลุมสังคมไทยทุกวงการ
โดยรายละเอียดของหนังสือที่ บัวขาว ยื่นต่อ ทาง กกท. มีดังนี้
13 บ้านสองหนอง ม.4 ตำบลเกาะแก้ว
อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
วันที่ 26 มีนาคม 2555
เรื่อง บอกเลิกสัญญา
เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย
ตามที่ ข้าพเจ้า นายสมบัติ บัญชาเมฆ ได้จัดทำหนังสือสัญญาสังกัดค่ายมวยไว้กับค่าย ป.ประมุข นั้น
การนี้ข้าพเจ้ามีความประสงค์ขอบอกเลิกสัญญากับค่ายมวย ป.ประมุข เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมีสิทธิโดยชอบที่จะขอเลิกสัญญา ดังต่อไปนี้
1.หัวหน้าค่ายมวยละเลยไม่ได้ให้การดูแลอย่างเหมาะสม และได้รับความเสียหายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยทางค่าย ป.ประมุข ได้จัดโปรแกรมการฝึกซ้อมและแข่งขันจนทำให้ประสบปัญหาสุขภาพตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งทางค่ายยังจัดโปรแกรมจนไม่มีเวลาในการพักรักษาตัวและไม่มีการรักษาอาการ บาดเจ็บอย่างจริงจัง อีกทั้งนักมวยถือเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงมากทั้ง เสี่ยงพิการและเสี่ยงตาย
2. สภาพการทำงานไม่มีความปลอดภัยต่อชีวิต ดังนี้
2.1 เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2554 รายการวีไอพี ช่อง 9 ได้มาถ่ายทำ นายประมุข โรจนตัณฑ์ ได้เข้ามาระหว่างถ่ายทำรายการพูดขับไล่ทีมงาน ด้วยการพูดจาหยาบคายและต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง
2.2 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 ก่อนการแข่งขันไทยไฟต์ รอบชิงชนะเลิศ เพียง 4 วัน นายประมุข โรจนตัณฑ์ ได้เข้ามาพูดจาทำลายขวัญด้วยถ้อยคำรุนแรง จนข้าพเจ้าเกิดความหวาดกลัว
เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ข้างต้น สภาพดังกล่าวจนเป็นเหตุให้ต้องไปเช่าห้องพักด้วยตนเองไม่สามารถพักในค่ายได้ และต้องออกจากค่ายในที่สุด ซึ่งจากเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวยได้นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์และไม่แก้ปัญหาใดๆ เลย
2.3 เมื่อเดือนมกราคม 2555 รายการ ลานุสเดส ไททัน ได้มาถ่ายทำ นายประมุข โรจนตัณฑ์ ได้โทรศัพท์เข้ามาระหว่างถ่ายทำรายการพูดขับไล่ทีมงาน ด้วยการพูดจาหยาบคายและต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง จากสภาพดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องออกจากค่ายในที่สุด
3. การแบ่งและการจ่ายเงินรางวัล โดยส่วนแบ่งของเงินรางวัลที่แบ่งให้แก่นักมวยเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละห้าสิบ ของค่าตอบแทน ไม่จ่ายเงินรางวัลตามเวลา และการรับเงินจากผู้ว่าจ้างบางรายไม่ได้บอกให้ทราบว่าได้รับมาเท่าไหร่ เมื่อไหร่ ดังนี้
3.1 เงินค่าตัวตั้งแต่แข่งขันมวยไทย โดยมี นายประมุข โรจนตัณฑ์ เป็นหัวหน้าค่ายจำนวน 400,000 บาท ยังไม่ได้รับเงินค่าตัวปัจจุบัน
3.2 เงินรางวัลแชมป์เควัน 2004 จำนวน 10,000,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,630,000 บาท ข้าพเจ้าได้รับเงินรางวัลเพียง 1,000,000 บาท
3.3 เงินรางวัลรองแชมป์เควัน 2005 จำนวน 2,500,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 832,500 บาท ข้าพเจ้าได้รับเงินรางวัลเพียง 15,000 บาท
3.4 เงินรางวัลแชมป์เควัน 2006 จำนวน 20,000,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,648,000 บาท ข้าพเจ้าได้รับเงินรางวัลเพียง 2,000,000 บาท แต่เงินจำนวนรางวัลของข้าพเจ้าทางครอบครัวโรจนตัณฑ์ได้ยืมเงินไปเท่ากับว่า ข้าพเจ้ายังไม่ได้รับเงินรางวัลดังกล่าว
3.5 นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวยได้ยืมเงินไป 400,000 บาท
3.6 เงินสนับสนุนจากบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จำนวน 3,000,000 บาท ข้าพเจ้าได้รับเงินรางวัลเพียง 440,000 บาท
ในการรับเงินค่าตัวจากการถ่ายทำรายการ เงินสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ การโชว์ตัว และเงินรางวัลทางค่าย ป.ประมุข จะแบ่งเงินรางวัลที่ข้าพเจ้าพึงได้รับไว้เป็นค่าใช้จ่ายก่อนแล้วจึงนำมาแบ่ง ร้อยละห้าสิบของค่าตอบแทนที่เหลืออยู่
4. นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย และ นายประมุข โรจนตัณฑ์ อดีตหัวหน้าค่ายมวยได้ให้ข่าวตามสื่อต่างๆ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ออกจากค่ายมาทำลายชื่อเสียง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย
ตามที่กล่าวมา การปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าค่ายมวยขัดต่อกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรฐานการ ปฏิบัติหน้าที่และจรรยาบรรณของบุคคลในวงการกีฬามวย พ.ศ. 2545 หมวด 1 ข้อ 5 การปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าค่ายมวย ข้อ(2) ดูแลความปลอดภัยและจัดสวัสดิการนักมวย ผู้ฝึกสอน และผู้ที่เกี่ยวข้องในค่ายที่ดูแลรับผิดชอบ ข้อ(3) ให้ความเป็นธรรมแก่นักมวยในสังกัดและไม่ทำสัญญาหรือข้อตกลงใดที่มีลักษณะ เป็นการเอาเปรียบหรือฉ้อโกงนักมวย ข้อ(6) ต้องจ่ายเงินรางวัลแก่นักมวยที่ทำการแข่งขันตามกฎหมายและระเบียบที่คณะ กรรมการกีฬามวยกำหนด
นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดในหมวดจรรยาบรรณ เรื่องใช้อิทธิพลข่มขู่ รวมทั้งเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์สำหรับตนเองโดยมิชอบ และจากข้อเท็จจริงข้างต้น ระเบียบคณะกรรมการกีฬามวยว่าด้วยสังกัดและย้ายสังกัดค่ายมวย พ.ศ. 2544 ได้ระบุในข้อ 14 การขอย้ายสังกัดค่ายมวยก่อนสิ้นสุดอาจทำได้ ตาม (2) หัวหน้าค่ายมวยละเมิดข้อสัญญาจนเป็นเหตุให้นักมวยไม่ได้รับการดูแลอย่าง เหมาะสมและได้รับความเสียหาย ข้อ (3) หัวหน้าค่ายมวยละเลย ไม่ปกป้องสิทธิโดยชอบของนักมวยในส่วนแบ่งเงินรางวัล จนเป็นเหตุให้นักมวยได้รับความเสียหาย ซึ่งหากนายทะเบียนวินิจฉัยแล้วตัดสินตามที่ผู้ร้องขอมา ถือว่าสัญญาสังกัดค่ายมวยของคู่กรณีเป็นอันสิ้นสุดลง นอกจากนี้ระเบียบฯ ในหมวดเดียวกันนี้ยังได้ระบุในข้อ 18 (5) คู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที เมื่อคู่สัญญาฝ่าฝืนหรือผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง
จึงเรียนมาเพื่อขอยกเลิกสัญญาดังกล่าว
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชื่อ)...........................
(นายสมบัติ บัญชาเมฆ)
ยังคงเฝ้ารอ และ รอ........จะรอจนกว่า " เหี้ยหง่อยสี่ขานั่งรถเขน " ให้มันตายก่อนเหรอ ? ใครจะรอก็รอไปแต่ประชาชนรอไม่ได้ ตราบใดที่มันยังใช้ ม. ๑๑๒ กดหัวคนไทยอยู่ในเวลานี้ เราจะลุกขึ้นสู้กับมันในทุกรูปแบบ จนกว่ามันจะตายไปตามประชาชนที่มันสั่งฆ่า ๙๑ ศพ ! และอีกมากมาย ...
ขุนเขาบอก :
ยังคงเฝ้ารอ และ รอ........
เมื่อสังคม กำลังจมน้ำเน่า
คนถูกสรวมเขา เอาเจ้ามาขาย
ศักดิ์ศรีของคน ถูกโยนปลักควาย
ถูกสนตะพาย คนกลายเป็นกระบือ
สภาสูงส่ง ถูกปลงเป็นนาข้าว
จากดำเป็นขาว ตะไคร่คาวเขียวอื๋อ
นั่งหน้าสลอน เล่นละครหลอกกระบือ
บ้านเมืองยึกยือ ไม่มีขื่อไม่มีคาน
ความยุติธรรม ถูกนำลงขวด
ปิดฝาปิดขวด พระสวดส่งศาล
ตาชั่งเอียงเอน กฎเกณฑ์อันธพาล
จ้องล้มรัฐบาล เผด็จการบัญชา
สัมมาอาชีพ ถูกบีบเป็นแป้ง
ใครไม่แข็งแกร่ง ถูกแทงด้วยปัญหา
ภายใต้อิทธิพล คนใส่ชฎา
เลี้ยงหมูเลี้ยงหมา ยังพากันบรรลัย
อำนาจยศศักดิ์ ถูกผลักให้เป็นเจ้า
กดขี่ข่มเขา เอาเงินลงไห
อยู่ใต้แผ่นฟ้า ไร้ค่าอธิปไตย
ทรัพย์สินชาวไพร่ ยึดใส่ทะนาน
แผ่นฟ้าสีทอง ไม่ผ่องอำไพ
ไพร่ยังเป็นไพร่ แม้นได้บริหาร
มือยังไม่ปล่อย ยังจับห้อยประจาน
ยังคงกราบกราน บริบาลเบื้องบน
ยังเหนื่อยแฮกๆ แอกยังเต็มหลัง
แม้นแต่ความหวัง ก็ยังสับสน
เมื่อไหร่หนอเขา เจ้าคนนายคน
จักสิ้นอิทธิพล น้ำตาล้นแผ่นดิน.................ยังคงเฝ้ารอ และ รอ........
Prenumerera på:
Inlägg (Atom)