|
วันนี้จะเรียกได้ว่า "ถนนทางการเมืองทุกสาย วิ่งไปหาทักษิณแทบหมดสิ้น" ไม่ว่าจะเป็นประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ต้องการติดต่อกับรัฐไทย ทุกสายก็วิ่งไปทางทักษิณทั้งสิ้น
ใน ประเทศ นักธุรกิจ การค้าทั้งหลายที่ไม่ใช่ "ทุนเก่าแก่" ขนาดใหญ่ทั้งหลาย (เช่นพวกสหพัฒน์ พวกโรงเหล้า) ต่างๆ ที่กลับตัวยากแล้ว นักธุรกิจอื่นๆ ที่ทำลังเติบโต ต่างก็วิ่งไปทางทักษิณทั้งสิ้น ไม่มีใครยอมช้ากว่าใครแล้ว
เรา จึงเห็นสงกรานต์ปีนี้ ฝุ่นตลบไปทางประเทศกัมพูชาทีเดียว ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ระดับชาติ นักธุรกิจที่ต้องการมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง ประชาชนผู้รักทักษิณทั้งหลาย ต่างเดินทางจนถนนกลายเป็นร่องลึก หากเป็นสมัยโบราณ รอยเกวียนคงบดลึกไปในดินอย่างชัดเจน
ทุกคนทราบแล้วว่า ประชาชนเลือกใคร ใครจะชนะ แม้ฝุ่นยังไม่หายจาง แต่ก็ไม่อาจ "พลิกสถานการณ์สงครามทางการเมืองให้หวลกลับได้อีกแล้ว"
การ ต่อสู้ระหว่างชนชั้นนำ หากประชาชนเข้ามาร่วมด้วยและเลือกข้างอย่างชัดเจน มันก็จบเกมในที่สุด ต่อให้การรบยังไม่จบ แต่ก็เป็นแค่สงครามประปรายถอยแตกร่นของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น รอวันเซ็๋นสัญญาสันติภาพสงบศึก หรือ "ถูกบดขยี้" หรือ ถูกละเลยปล่อยให้เป็นซากหักพังทางประวัติศาสตร์ไปในที่สุด (ผมว่าประเด็นหลังนี้จะเป็นไปได้มากที่สุด คือปล่อยให้ค่อยๆ ตายไปกับประวัติศาสตร์
วันนี้ต่อให้พวกอำมาตย์ดิ้นยังไงก็เปลี่ยนทิศทางของสงครามไม่ได้แล้ว
หาก เทียบสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา ที่จุดกลับของสงครามอยู่ที่ "สมรภูมิเก็ตตี้สเบิร์ก" ที่ฝ่ายใต้ล่าถอย แม้จะไม่แพ้ในวันนั้น แต่สงครามก็ไม่หวนกลับเป็นฝ่ายรุกได้แล้ว และแพ้ในที่สุดในอีกสองปีต่อมา
วันนี้ อำมาตย์จะอิจฉายังไง ที่คนไทยจำนวนมาก วิ่งไปรดน้ำดำหัวทักษิณที่กัมพูชา ก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งทำคนก็ยิ่งต่อต้าน และวิ่งไปทางทักษิณมากยิ่งขึ้น
ต่อให้อกแตก กระอักเลือด ก็ต้องเลือดไหลตายอยู่ดี
จะทำลายทักษิณ วันนี้ไม่มีทางสำเร็จแล้ว ทำมา 5 ปี หมดอาวุธ หมดวิธีแล้วฆ่าทักษิณไม่ตาย มันก็จบเกมเท่านั้น
วันนี้บารมีหมด อิทธิพลแทบไม่มีเหลือ จะทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจเหมือนเดิมก่อนหน้านี้อีกแล้ว
จะใช้ศาล ตุลาการ หรือะไร ก็ไม่ทำให้ชนะทางการเมืองครั้งนี้ไปได้ รังแต่จะสร้างความบอบช้ำให้กลับประเทศหนักยิ่งขึ้น
และประชาชนยิ่งคิดว่า "เอาไว้ไม่ได้แล้ว" มันไม่ยอมเลิก หากถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ก็จบกัน
อย่าคิดว่าประชาชนเมื่อเหลืออดแล้วเขาจะแคร์นะครับ
วันนี้ ไม่มีเวทย์มนต์อันใด ที่จะเสกเป่าให้ประชาชนที่ตาสว่างค่อนประเทศหันกลับมารักเหมือนเดิมได้อีก แล้ว ไม่มีแผนการ หรือ Trick อะไรทีจะทำให้ชนะความขัดแย้งครั้งนี้ได้อีกแล้ว
ตอนแรกผมคิดว่า หากทักษิณจับมือกับอำมาตย์ปรองดอง จะทำให้ฝ่ายเสื้อแดงแพ้
แต่ ผมกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะแนวรบที่พังทลายก่อน กลับกลายเป็นพวกเสื้อเหลือง ที่รู้สึกว่า "เหมือนพวกตนโดนทรยศและถูกทอดทิ้งเอาไว้กลางสมรภูมิ"
ผม เพิ่งคิดได้ว่า เมื่อคน 16 ล้าน เกินครึ่งของคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ไม่เอาระบอบอำมาตย์ พออำมาตย์หันมาจับมือกับฝ่ายทักษิณ คน 16 ล้านก็ไม่เอา และศรัทธาอำมาตย์อยู่ดี ต้นทุนทางการเมืองของอำมาตย์ ไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม แต่พวก 10 ล้านที่อยู่ข้างอำมาตย์ กลับใจเสีย เพราะไม่เห็นทางชนะสงครามครั้งนี้ได้เลย
แนวรบจึงพังทลายอย่างรวดเร็ว ที่เราเห็นโวยวายในองค์กรอิสระนั้น เป็นแค่กากเดน ที่ยังพอมีอำนาจเพราะกฎหมายยังไม่ได้แก้เท่านั้น
แต่เมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขแล้ว พวกที่ไม่มีฐานทางการเมือง ไร้บารมีทางการเมืองพวกนี้ ก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้ต่างจากคนเดินถนนทั่วไป
ใน ประเทศ นักธุรกิจ การค้าทั้งหลายที่ไม่ใช่ "ทุนเก่าแก่" ขนาดใหญ่ทั้งหลาย (เช่นพวกสหพัฒน์ พวกโรงเหล้า) ต่างๆ ที่กลับตัวยากแล้ว นักธุรกิจอื่นๆ ที่ทำลังเติบโต ต่างก็วิ่งไปทางทักษิณทั้งสิ้น ไม่มีใครยอมช้ากว่าใครแล้ว
เรา จึงเห็นสงกรานต์ปีนี้ ฝุ่นตลบไปทางประเทศกัมพูชาทีเดียว ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ระดับชาติ นักธุรกิจที่ต้องการมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง ประชาชนผู้รักทักษิณทั้งหลาย ต่างเดินทางจนถนนกลายเป็นร่องลึก หากเป็นสมัยโบราณ รอยเกวียนคงบดลึกไปในดินอย่างชัดเจน
ทุกคนทราบแล้วว่า ประชาชนเลือกใคร ใครจะชนะ แม้ฝุ่นยังไม่หายจาง แต่ก็ไม่อาจ "พลิกสถานการณ์สงครามทางการเมืองให้หวลกลับได้อีกแล้ว"
การ ต่อสู้ระหว่างชนชั้นนำ หากประชาชนเข้ามาร่วมด้วยและเลือกข้างอย่างชัดเจน มันก็จบเกมในที่สุด ต่อให้การรบยังไม่จบ แต่ก็เป็นแค่สงครามประปรายถอยแตกร่นของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น รอวันเซ็๋นสัญญาสันติภาพสงบศึก หรือ "ถูกบดขยี้" หรือ ถูกละเลยปล่อยให้เป็นซากหักพังทางประวัติศาสตร์ไปในที่สุด (ผมว่าประเด็นหลังนี้จะเป็นไปได้มากที่สุด คือปล่อยให้ค่อยๆ ตายไปกับประวัติศาสตร์
วันนี้ต่อให้พวกอำมาตย์ดิ้นยังไงก็เปลี่ยนทิศทางของสงครามไม่ได้แล้ว
หาก เทียบสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา ที่จุดกลับของสงครามอยู่ที่ "สมรภูมิเก็ตตี้สเบิร์ก" ที่ฝ่ายใต้ล่าถอย แม้จะไม่แพ้ในวันนั้น แต่สงครามก็ไม่หวนกลับเป็นฝ่ายรุกได้แล้ว และแพ้ในที่สุดในอีกสองปีต่อมา
วันนี้ อำมาตย์จะอิจฉายังไง ที่คนไทยจำนวนมาก วิ่งไปรดน้ำดำหัวทักษิณที่กัมพูชา ก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งทำคนก็ยิ่งต่อต้าน และวิ่งไปทางทักษิณมากยิ่งขึ้น
ต่อให้อกแตก กระอักเลือด ก็ต้องเลือดไหลตายอยู่ดี
จะทำลายทักษิณ วันนี้ไม่มีทางสำเร็จแล้ว ทำมา 5 ปี หมดอาวุธ หมดวิธีแล้วฆ่าทักษิณไม่ตาย มันก็จบเกมเท่านั้น
วันนี้บารมีหมด อิทธิพลแทบไม่มีเหลือ จะทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจเหมือนเดิมก่อนหน้านี้อีกแล้ว
จะใช้ศาล ตุลาการ หรือะไร ก็ไม่ทำให้ชนะทางการเมืองครั้งนี้ไปได้ รังแต่จะสร้างความบอบช้ำให้กลับประเทศหนักยิ่งขึ้น
และประชาชนยิ่งคิดว่า "เอาไว้ไม่ได้แล้ว" มันไม่ยอมเลิก หากถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ก็จบกัน
อย่าคิดว่าประชาชนเมื่อเหลืออดแล้วเขาจะแคร์นะครับ
วันนี้ ไม่มีเวทย์มนต์อันใด ที่จะเสกเป่าให้ประชาชนที่ตาสว่างค่อนประเทศหันกลับมารักเหมือนเดิมได้อีก แล้ว ไม่มีแผนการ หรือ Trick อะไรทีจะทำให้ชนะความขัดแย้งครั้งนี้ได้อีกแล้ว
ตอนแรกผมคิดว่า หากทักษิณจับมือกับอำมาตย์ปรองดอง จะทำให้ฝ่ายเสื้อแดงแพ้
แต่ ผมกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะแนวรบที่พังทลายก่อน กลับกลายเป็นพวกเสื้อเหลือง ที่รู้สึกว่า "เหมือนพวกตนโดนทรยศและถูกทอดทิ้งเอาไว้กลางสมรภูมิ"
ผม เพิ่งคิดได้ว่า เมื่อคน 16 ล้าน เกินครึ่งของคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ไม่เอาระบอบอำมาตย์ พออำมาตย์หันมาจับมือกับฝ่ายทักษิณ คน 16 ล้านก็ไม่เอา และศรัทธาอำมาตย์อยู่ดี ต้นทุนทางการเมืองของอำมาตย์ ไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม แต่พวก 10 ล้านที่อยู่ข้างอำมาตย์ กลับใจเสีย เพราะไม่เห็นทางชนะสงครามครั้งนี้ได้เลย
แนวรบจึงพังทลายอย่างรวดเร็ว ที่เราเห็นโวยวายในองค์กรอิสระนั้น เป็นแค่กากเดน ที่ยังพอมีอำนาจเพราะกฎหมายยังไม่ได้แก้เท่านั้น
แต่เมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขแล้ว พวกที่ไม่มีฐานทางการเมือง ไร้บารมีทางการเมืองพวกนี้ ก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้ต่างจากคนเดินถนนทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมื่อวานนี้ เวลา 09:00:46 PM โดย ลูกชาวนาไทย » |
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar