เหตุ รุนแรงพร้อมกันในภาคใต้ 2 จังหวัด ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเกิดขึ้นเพื่อหวังผลทางการเมือง เพียงแต่จะต้องมาพิจารณากันว่าใคร กลุ่มใด ต้องการได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้
จากภาพของสถานการณ์ ทางการเมืองภาพใหญ่ ที่เสมือนการตั้งรับแต่กลับรุก ชิงพื้นที่ทั้งหน้าสื่อและการสร้างฐานมวลชนที่แสดงผลงานในทุกภาคส่วนของฝ่าย รัฐบาลในภาพลักษณ์ที่ “ทำโดยไม่มีปริปาก”ของหัวหน้ารัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการไปเยือนประเทศเกาหลีและเป็นประธานพิธีเปิดโรงงานฮอนด้าที่ ปิดไปเพราะเหตุน้ำท่วม ทำให้หน้าสื่อต่าง ๆ ปรากฏภาพการทำงานของรัฐบาลกลบการทำงานของฝ่ายค้านที่มาพร้อมกับข่าวการขัด ขวางการปรองดองในช่วงสัปดาห์เดียวกัน ซ้ำเติมการตั้งรับของฝ่ายค้านจากข่าวการออกมาตรการเดินหน้านโยบายที่พรรค เพื่อไทยใช้หาเสียงเลือกตั้งด้วยการขับเคลื่อนนโยบายค่าแรง 300 บาทใน 7 จังหวัดเพื่อเป็นการนำร่องและการปิดรับสมัครการเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนพัฒนา สตรี ที่ดึงความสนใจกิจกรรมทางการเมืองของฝ่ายค้านที่ออกมาขับเคลื่อนในลักษณะ “หาเรื่อง ตีรวน” ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ เดิม ๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ถนัดที่สุด ออกอาการ “มุขแป๊ก” แบบไปต่อไม่เป็น
ในเบื้องต้น เมื่อเกิดเหตุความรุนแรงที่ยะลาและหาดใหญ่ ความเชื่อทั้งของประชาชนและสื่อต่าง ๆ ล้วนให้ความสำคัญไปที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ที่ยังคงต้อง การ “เอกราชรัฐปัตานี” เป็นเบื้องต้น แต่ต่อมากระแสข่าวบางสายกลับรายงานว่าเหตุที่เกิดมาจากกลุ่มค้ายาเสพติดเสีย ผลประโยชน์จากการปราบปราม ยึดยาและจับกุมคนในขบวนการ ได้ยาเสพติดนับล้านหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ภาพผู้จุดชนวนเหตุร้ายในครั้งนี้มาชัดเจนเมื่อ “การปรากฏตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงพื้นที่เกิดเหตุที่จังหวัดยะลา”
การ มาปรากฏตัวของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ มาพร้อมกับความเชื่อใหม่เรื่อง “ชงเอง กินเอง” สาเหตุที่สังคมเชื่อเช่นนั้นเพราะ การมาของนายอภิสิทธิ์ครั้งนี้ มาเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยเครื่องบินที่จะต้องจองตั๋วเพื่อได้ที่นั่ง ว่ากันว่า เวลาที่จอง เป็นเวลาเดียวกับเวลาที่กดระเบิด...และก็เป็นเรื่องยากที่จะแก้ตัวในเรื่อง นี้เพราะ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนทร์ ได้ออกมาให้ข่าวเสียดสีการทำงานของหน่วยงานรัฐล่าช้า เข้าพื้นที่ไม่ทันนายอภิสิทธิ์...มันเลยเกิดคำถามว่า “นายอภิสิทธิ์มีภารกิจอะไรในจังหวัดยะลา ถึงต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเหตุระเบิด” มีการรู้มาก่อนใช่ไหม?ว่า “ที่ยะลาจะมีเหตุร้าย” และเมื่อเข้าพื้นที่ได้แล้ว ภาพนายอภิสิทธิ์ สวมเสื้อ “คนยะลา ไม่เอาระเบิด” ซึ่งเป็นเสื้อที่เอกชน คนยะลาทำขึ้นมาภายใต้โครงการ “เสื้อพูดได้” มาให้สื่อบันทึกภาพ
จุด สังเกต ณ ที่เกิดเหตุเพียงเท่านี้ ทำให้สังคมเข้าใจเป้าหมายของผู้ลงมือได้ทันที่ว่า “หวังผลทางการเมือง” และกล้าที่จะฟันธงไปที่พลพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นผู้ลงมือทำเอง หวังผลได้เอง โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้เคราะห์ร้าย ที่ต้องมาบาดเจ็บ ล้มตาย จากการกระทำที่ “บ้า ป่าเถื่อน” ครั้งนี้ คนพวกนี้ใจดำสิ้นดี ทางการข่าว ความจริงเหตุรุนแรงครั้งนี้ น่าที่จะอยู่บนหน้าสื่อได้นานพอสมควร แต่กลับแปลกที่ข่าวนี้ซาลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่า “มุขแป๊ก” อีกครั้งหนึ่ง
ใน วันนี้ มีการนำเสนอ “วิเคราะห์ข่าว” เหตุระเบิดยะลาและหาดใหญ่ ของสื่อเนชั่น โดยจับเอา แคน สาลิกา บก.เนชั่นสุดสัปดาห์ และ นางสมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ บก.ข่าวการเมือง มาวิเคราะห์เหตุการณ์ความรุนแรง ผ่านทางช่องข่าวเนชั่น ซึ่งทั้งฟังดูแล้ว น่าคล้อยตาม...ถ้าไม่มีความเห็นของนายศิริโชค โสภา ออกมาให้สัมภาษณ์แบบเดียวกัน เนื้อหาเดียวกันกับรายการประเด็นร้อน คือยกเหตุความรุนแรงครั้งนี้เพราะ รัฐบาลโดย ศอบต. มีการเจรจาทั้งลับและเปิด กับอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยการประสานงานของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร แต่มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ที่ตัวนายแคน สาลิกา ฐานะ บก.ข่าวสุดสัปดาห์ ที่วิแคะประเด็นนี้ “ไม่รื่น” ดูออกได้ว่า “เรื่องที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้มาจากสมองของตัวเอง” ต้องใช้นางสมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ บก.ข่าวการเมือง คอยช่วยถามนำ ตอบนำ บังคับประเด็นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งผิดกับฐานะคนที่ทำงานมาจนขึ้นตำแหน่ง บก.ข่าว แล้วเมื่ออ่านบทสัมภาษณ์ของนายศิริโชค โสภาตามไปด้วย จะเห็นได้ว่า ต้นเรื่องมาจากพรรคประชาธิปัตย์และคนที่ดูแลคือ “แก๊งไอติม” ที่มีนายศิริโชค เป็นสมาชิก
http://www.youtube.com/watch?v=jDBjlqYZNnw
อ่านบทสัมภาษณ์ได้ที่
http://www.tfn5.info/board/index.php?PHPSESSID=ffb55205532993cea4302c2e04f7b56e&topic=36645.0
เพียง เท่านี้ ก็สามารถสรุปจบคดีได้ว่า เหตุระเบิดที่ ยะลาและหาดใหญ่ เป็นเหตุที่เกิดเนื่องจากหวังผลทางการเมือง ที่มีการตัดสินใจทำของกลุ่มคนที่ “ใจดำ” สามารถทำชั่วโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ทำเพื่อเอาชนะทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงวิธี เอาชนะใจประชาชนไม่ได้ ก็ใช้วิธีป้ายสี หาวิธีดึงคู่แข่งลงมาเพื่อหวังว่าฝ่ายตนจะได้เปรียบ เมื่อทำไม่ได้ ก็สร้างสถานการณ์ เอาชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนและของประเทศ มาละเลง ละลาย ด้วยเหตุการณ์ความรุนแรง....”ใจดำจริง ๆ “
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar