โดย สายลมรัก
มาเลเซีย ร่วมกับ BRN แถลง จะพยายามหยุด ห้าม ไม่ให้มีการก่อเหตุร้ายในช่วงเดือน รอมดอน โดยเขาจะห้ามกระบวนการของเขา ขอให้เราลดบทบาททางทหาร แต่รับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เหมือนเดิม (แหล่งข่าวที่ผมได้รับ แจ้งไว้ค่อนข้างชัดเจนด้วยว่า ใครก่อเหตุในช่วงนี้ BRN จะแจ้งให้ทางการไทยทราบว่า เป็นฝีมือของใคร หมายถึงให้ไปจับมาได้เลย)
แม้นว่า จะไม่ใช่ หรือยังไม่บรรลุผล ในทางยุทธศาสตร์ ที่รัฐบาลไทยวางไว้ว่า
อยู่ร่วมกันอย่างสงบภายใต้ประเทศเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ ที่จะเชื่อ เคารพในวัฒนธรรมและศาสนา โดยอาจจะให้เป็นเขตปกครองพิเศษ อันเป็นโมเดล ที่หลายประเทศได้ใช้กันมา
วันนี้ผมรู้สึกว่าผมเห็น แสงสว่างเล็ก ๆ ที่ปลายอุโมงค์แล้ว
นโยบายการพูดคุย หรือการเมืองนำการทหาร ที่พรรคฝ่ายแค้นปรามาส หรือกลุ่มคณะบุคคล ที่รักชาติจนน้ำลายไหลแต่เพียงผู้เดียว ไม่กี่ตระกูลนะเมิง
คงต่างภาวนาว่าขออย่าให้งานนี้สำเร็จ
บางตัวคงอยากลงไปนอนแดดิ้น ชักดิ้นชักงอ สาปแช่ง ว่า ขอให้มันฆ่ากัน ๆ ๆ รุนแรงขึ้น ต้องรุนแรงขึ้น ไม่ใช่อย่างนี้ ต้องไม่ใช่อย่างนี้ และต้องไม่เป็นอย่างนี้
หากนางปู มันทำได้ หละก็ มันจะเป็นผลงานชิ้นสำคัญ ที่คนไทยในประเทศนี้กล่าวขานไปอีกนาน
...................................................................................
ย้อนกลับมาที่แหล่งข่าว .......
ตามประสาแหล่งข่าว แกมักจะเงียบ เงียบ ฟัง ๆ ๆ ๆ ๆ เก็บข้อมูล นี่ถ้าไม่ประชุมกันบ่อย ไม่นั่งเครื่องบินลำเล็ก ๆ สิบกว่าที่นั่ง ลงไปนราธิวาสด้วยกัน
แกคงไม่เอ่ยปากกับผม(ผมถาม) จำได้ว่าไปกันทริปแรกแกไม่พูดกับผมซักคำ (ฮา)
แต่หลังจากลงใต้กันสัก สี่ - ห้า เที่ยว แกก็บอกถึง เล่าถึงว่าทำไม
๑.การแบ่งแยกเรื่องชาติพันธ์ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
๒. ทำกับเขาไว้เยอะ ตั้งกะสมัยสงครามเก้าทัพ ฆ่ายกครัวกวาดต้อนมาเป็นเชลย
๓.หนำซ้ำ มาฆ่าญาติปลาย ๆ (สาย) แล้วผ่าศพโยนทิ้งแม่น้ำ ในยุค จอมพลชื่อเป็นปลาเข้าอีก
๔.เขาจำ เขาคิด เขาเห็น เขาบอกกล่าว มาตลอด ฉะนั้นเมื่อเขาพร้อม ทั้งเงินสนับสนุน การฝึก เขาก็ลงมือ ปล้นปืนในค่ายทหาร
๕. เราใช้หลัก ผลประโยชน์ เลว ๆ ทั้ง งบลับ และ ค้าของเถื่อนมาโดยตลอด มันก็เลยกลายเป็นจุดบอด ให้การกลมกลืนทางวัฒนธรรมสะดุด ขาดตอน และเลวร้ายจนถึงขั้น อยู่ร่วมกันไม่ได้
๖. ที่บัดซบสุดจนสุดประมาณก็คือ ทรัพยากร ในพื้นที่ มีประโยชน์มหาศาล ทั้งการเกษตร การท่องเที่ยว ฯลฯ สมบูรณืแบบมาก แต่ ไม่รู้ได้ ใครมาเป็นผู้แทน ได้รัฐบาลที่ทำงานไม่เป็นครองอำนาจมาเป็นเวลาหลายสิบปี สามจังหวัด กลับโดนทอดทิ้ง ประชาชนไร้การศึกษา ยากจน ไม่มีความเจริญใด ๆ ทัดเทียมกับจังหวัดอื่น ๆ
นี่จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่คนในพื้นที่คิดว่า เขาโดนทอดทิ้ง (รู้สึกตัวบ้างไหมเนี่ย ไอ้พรรคการเมืองเหี้ย ๆ )
เมื่อจน ไม่มีการศึกษา ต้องไปหากินในประเทศใกล้เคียง ประกอบกับมีการปลุกปั่นแบ่งแยกทางศาสนาไว้อย่างยาวนาน ผลมันก็เป็นอย่างนี้แล
เขาบอกว่า รัฐบาลนี้กล้ามาก ที่ทำแบบเปิดเผย รับฟัง และหาทางแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว ภาพที่เห็นจึงปรากฏ
และรัฐบาลเองก็รู้ว่า แม้นจะไม่สำเร็จในยุคของตนเอง แต่ขอให้เริ่มต้นมาถูกทาง ใครจะรับผลงานไฟใต้สงบนี้ต่อไป รัฐบาลก็ยินดีด้วย
แต่มันต้องเริ่ม ต้องทำ แม้นว่าจะยากเย็นแสนเข็ญ และต้องใช้ความอดทนสูงอย่างไร ก็ต้องทำให้ได้
เรื่องราวในอดีต เป็นเรื่องที่เรามองว่าเป็นเรื่องเล็ก
แต่ประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศเขาไม่คิดเช่นนั้น
ครั้งนึงผมได้เคยไปทัศนศึกษาหลวงพระบาง โดยข้าราชการระดับสูงในลาวพาไปเที่ยววังของเจ้ามหาชีวิตของเขา
เขาพาผมไปก้มกราบฐานพระเปล่า ๆ ฐานหนึ่ง ซึ่งผมอดถามไม่ได้ว่าทำไม
เขาบอกว่า ชาวลาวค่อนประเทศเชื่อว่า สักวันหนึ่งพระแก้วมรกต จะกลับมาตั้งที่ฐานพระนี้ (ฮาไม่ออก)
จนคืนวันนั้น ที่ภัตตาคารครัวไทยในลาว ผมถามสหายชาวลาว ผู้นั้นว่า ยังโกรธคนไทยอยู่อีกหรือ
เขานิ่งไปนิดนึง แล้วบอกว่า ประวัติศาสตร์มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก สำหรับเขานั้น เขานับถือ และรักผมเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาอย่างสนิทใจ แต่สำหรับความรู้สึกของคนลาวส่วนใหญ่นั้น เขาตอบแทนใครไม่ได้
เรื่องราวทุกเรื่องมันมีประวัติศาสตร์ มันมีร่องรอย มันมีเหตุผลในตัวของมันเอง
สุดแต่ไว้ใครทำ ใครก่อ ใครคิดแก้ไข
แถลงการณ์ของ BRN ผ่านผู้ประสานงาน คือมาเลเซียเมื่อวานนี้
ผมขอให้เครดิต นายกฯ ผมขอให้เครดิต ทีมงานความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทุกท่าน
และอยากถีบปากกลับไปยัง พรรคฝ่ายแค้น ไทยโพสต์ และ แนวมั่ว ฯลฯ
ที่ใช้ความเกลียดชังมาโจมตีทุกอย่างที่รัฐบาลนี้พยายามทำดี คิดดี ให้ชาติมีความสงบสุขอย่างแท้จริง
เฮ้อ....ว่าจะเขียนเบา ๆ แต่อดไม่ได้ซักที
แม้นว่า จะไม่ใช่ หรือยังไม่บรรลุผล ในทางยุทธศาสตร์ ที่รัฐบาลไทยวางไว้ว่า
อยู่ร่วมกันอย่างสงบภายใต้ประเทศเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ ที่จะเชื่อ เคารพในวัฒนธรรมและศาสนา โดยอาจจะให้เป็นเขตปกครองพิเศษ อันเป็นโมเดล ที่หลายประเทศได้ใช้กันมา
วันนี้ผมรู้สึกว่าผมเห็น แสงสว่างเล็ก ๆ ที่ปลายอุโมงค์แล้ว
นโยบายการพูดคุย หรือการเมืองนำการทหาร ที่พรรคฝ่ายแค้นปรามาส หรือกลุ่มคณะบุคคล ที่รักชาติจนน้ำลายไหลแต่เพียงผู้เดียว ไม่กี่ตระกูลนะเมิง
คงต่างภาวนาว่าขออย่าให้งานนี้สำเร็จ
บางตัวคงอยากลงไปนอนแดดิ้น ชักดิ้นชักงอ สาปแช่ง ว่า ขอให้มันฆ่ากัน ๆ ๆ รุนแรงขึ้น ต้องรุนแรงขึ้น ไม่ใช่อย่างนี้ ต้องไม่ใช่อย่างนี้ และต้องไม่เป็นอย่างนี้
หากนางปู มันทำได้ หละก็ มันจะเป็นผลงานชิ้นสำคัญ ที่คนไทยในประเทศนี้กล่าวขานไปอีกนาน
...................................................................................
ย้อนกลับมาที่แหล่งข่าว .......
ตามประสาแหล่งข่าว แกมักจะเงียบ เงียบ ฟัง ๆ ๆ ๆ ๆ เก็บข้อมูล นี่ถ้าไม่ประชุมกันบ่อย ไม่นั่งเครื่องบินลำเล็ก ๆ สิบกว่าที่นั่ง ลงไปนราธิวาสด้วยกัน
แกคงไม่เอ่ยปากกับผม(ผมถาม) จำได้ว่าไปกันทริปแรกแกไม่พูดกับผมซักคำ (ฮา)
แต่หลังจากลงใต้กันสัก สี่ - ห้า เที่ยว แกก็บอกถึง เล่าถึงว่าทำไม
๑.การแบ่งแยกเรื่องชาติพันธ์ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
๒. ทำกับเขาไว้เยอะ ตั้งกะสมัยสงครามเก้าทัพ ฆ่ายกครัวกวาดต้อนมาเป็นเชลย
๓.หนำซ้ำ มาฆ่าญาติปลาย ๆ (สาย) แล้วผ่าศพโยนทิ้งแม่น้ำ ในยุค จอมพลชื่อเป็นปลาเข้าอีก
๔.เขาจำ เขาคิด เขาเห็น เขาบอกกล่าว มาตลอด ฉะนั้นเมื่อเขาพร้อม ทั้งเงินสนับสนุน การฝึก เขาก็ลงมือ ปล้นปืนในค่ายทหาร
๕. เราใช้หลัก ผลประโยชน์ เลว ๆ ทั้ง งบลับ และ ค้าของเถื่อนมาโดยตลอด มันก็เลยกลายเป็นจุดบอด ให้การกลมกลืนทางวัฒนธรรมสะดุด ขาดตอน และเลวร้ายจนถึงขั้น อยู่ร่วมกันไม่ได้
๖. ที่บัดซบสุดจนสุดประมาณก็คือ ทรัพยากร ในพื้นที่ มีประโยชน์มหาศาล ทั้งการเกษตร การท่องเที่ยว ฯลฯ สมบูรณืแบบมาก แต่ ไม่รู้ได้ ใครมาเป็นผู้แทน ได้รัฐบาลที่ทำงานไม่เป็นครองอำนาจมาเป็นเวลาหลายสิบปี สามจังหวัด กลับโดนทอดทิ้ง ประชาชนไร้การศึกษา ยากจน ไม่มีความเจริญใด ๆ ทัดเทียมกับจังหวัดอื่น ๆ
นี่จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่คนในพื้นที่คิดว่า เขาโดนทอดทิ้ง (รู้สึกตัวบ้างไหมเนี่ย ไอ้พรรคการเมืองเหี้ย ๆ )
เมื่อจน ไม่มีการศึกษา ต้องไปหากินในประเทศใกล้เคียง ประกอบกับมีการปลุกปั่นแบ่งแยกทางศาสนาไว้อย่างยาวนาน ผลมันก็เป็นอย่างนี้แล
เขาบอกว่า รัฐบาลนี้กล้ามาก ที่ทำแบบเปิดเผย รับฟัง และหาทางแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว ภาพที่เห็นจึงปรากฏ
และรัฐบาลเองก็รู้ว่า แม้นจะไม่สำเร็จในยุคของตนเอง แต่ขอให้เริ่มต้นมาถูกทาง ใครจะรับผลงานไฟใต้สงบนี้ต่อไป รัฐบาลก็ยินดีด้วย
แต่มันต้องเริ่ม ต้องทำ แม้นว่าจะยากเย็นแสนเข็ญ และต้องใช้ความอดทนสูงอย่างไร ก็ต้องทำให้ได้
เรื่องราวในอดีต เป็นเรื่องที่เรามองว่าเป็นเรื่องเล็ก
แต่ประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศเขาไม่คิดเช่นนั้น
ครั้งนึงผมได้เคยไปทัศนศึกษาหลวงพระบาง โดยข้าราชการระดับสูงในลาวพาไปเที่ยววังของเจ้ามหาชีวิตของเขา
เขาพาผมไปก้มกราบฐานพระเปล่า ๆ ฐานหนึ่ง ซึ่งผมอดถามไม่ได้ว่าทำไม
เขาบอกว่า ชาวลาวค่อนประเทศเชื่อว่า สักวันหนึ่งพระแก้วมรกต จะกลับมาตั้งที่ฐานพระนี้ (ฮาไม่ออก)
จนคืนวันนั้น ที่ภัตตาคารครัวไทยในลาว ผมถามสหายชาวลาว ผู้นั้นว่า ยังโกรธคนไทยอยู่อีกหรือ
เขานิ่งไปนิดนึง แล้วบอกว่า ประวัติศาสตร์มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก สำหรับเขานั้น เขานับถือ และรักผมเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาอย่างสนิทใจ แต่สำหรับความรู้สึกของคนลาวส่วนใหญ่นั้น เขาตอบแทนใครไม่ได้
เรื่องราวทุกเรื่องมันมีประวัติศาสตร์ มันมีร่องรอย มันมีเหตุผลในตัวของมันเอง
สุดแต่ไว้ใครทำ ใครก่อ ใครคิดแก้ไข
แถลงการณ์ของ BRN ผ่านผู้ประสานงาน คือมาเลเซียเมื่อวานนี้
ผมขอให้เครดิต นายกฯ ผมขอให้เครดิต ทีมงานความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทุกท่าน
และอยากถีบปากกลับไปยัง พรรคฝ่ายแค้น ไทยโพสต์ และ แนวมั่ว ฯลฯ
ที่ใช้ความเกลียดชังมาโจมตีทุกอย่างที่รัฐบาลนี้พยายามทำดี คิดดี ให้ชาติมีความสงบสุขอย่างแท้จริง
เฮ้อ....ว่าจะเขียนเบา ๆ แต่อดไม่ได้ซักที
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar