torsdag 8 augusti 2013

ความพ่ายแพ้ของกษัตริย์ภูมิพลและระบอบเผด็จการอำมาตย์


ความพ่ายแพ้ของกษัตริย์ภูมิพลและเผด็จการอำมาตย์

โดย    แสงตะวัน

ตั้งแต่กษัตริย์ภูมิพลขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ ๙ เดือนมิถุนายน  พ.ศ ๒๔๘๙ มาจนถึงเวลาปัจจุบัน นับเป็นเวลา ๖๗ ปี  เป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ มาอย่างยาวนานที่สุดของประวัติศาสตร์  ในขณะที่ประเทศอื่นๆในโลก  กษัติย์ของประเทศเหล่านั้นได้ถูกประชาชนโค่นล้มลงหมดแล้ว เช่น จีน  เวียตนาม ลาว พม่า เนปาล เอธิโอเปีย อิหร่าน อียิปต์ กรีช รัสเซีย ฝรั่งเศส เป็นต้น  ในประเทศกัมพูชา ถึงแม้จะมีกษัตริย์ยังเหลืออยู่แต่ก็เป็นกษัตริย์ที่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจเหมือนกษัตริย์ของไทย ในประเทศเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ กษัตริย์ของประเทศเหล่านั้นก็สละราชบัลลังก์ให้แก่องค์รัชทายาทไปหมดแล้ว แต่กษัตริย์ภูมิพลหวงอำนาจทั้งๆที่ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้  ปัจจุบันอายุ ๘๔ ปีเข้าไปแล้วและป่วยหนัก  มีชีวิตอยู่ได้ด้วยสเต็มเชลล์ เหมือนคนพิการพูดไม่ชัดเจน  เดินไม่ได้ต้องนั่งบนรถเข็นอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ยอมมอบบัลลังก์ให้แก่องค์รัชทายาทสืบต่อไปเหมือนนานาอารยะประเทศที่กล่าวมาแล้ว  
กษัตริย์ภูมิพลครองราชย์มาเป็นเวลา ๖๗ ปี  มีการรัฐประหารยึดอำนาจเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่น้อยกว่า ๑๘ ครั้งแต่ละครั้งกษัตริย์ภูมิพลจะให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและเซ็นรับรองทุกครั้งหลังการยึดอำนาจสำเร็จ แม้กระทั่งครั้งหลังสุดคือเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ 
การยึดอำนาจ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยา ๒๕๔๙  จุดประสงค์คือ โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรลง  ก็เพื่อจะเตรียมการเปลี่ยนผ่านรัชกาล  ได้ให้พลเอกเปรม เป็นผู้ดำเนินจัดการ  หลังยึดอำนาจได้แล้วก็แต่งตั้งให้ พลเอก สุรยุทธ์ เขายายเที่ยง ( ลูกของป๋า ) ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี  โดยเขียนรัฐธรรมนูญปี๒๕๕๐ ฉบับของไอ้หน้าแหลม ฟันดำประสงค์ สุ่นศิริ   ขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญโจรที่ได้มาจากการปล้นรัฐบาลของประชาชน    และใช้ปกครองประเทศมาจนถึงปัจจุบัน  จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดองค์กรอิสระต่างๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ  กกต. ปปช. ศาลปกครอง ไปจนกระทั่ง สว.แต่งตั้ง  ที่มีอำนาจควบคุมทั้ง รัฐบาลและรัฐสภา ตลอดจนพรรคการเมือง
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในหมวดของพระมหากษัตริย์ ได้กำหนดไว้ว่าอำนาจทั้งหมดเป็นของปวงชน  แต่พระมหากษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจนั้นโดยผ่านทางฝ่าย  นิติบัญญัติคือรัฐสภา  บริหารคือรัฐบาล    ตุลาการคือทางศาล  นอกจากนี้กษัตริย์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นจอมทัพของทั้งสามเหล่าทัพ คือทัพเรือ ทัพอากาศและทัพบก รวมไปทั้งตำรวจและข้าราชการพลเรือนทุกระดับอีกด้วย   จากการรวมศูนย์อำนาจทุกอย่างไว้ในมือของกษัตริย์  กษัตริย์ก็คือจอมเผด็จการทีใช้อำนาจทุกอย่างแทนปวงชน  กษัตริย์ภูมิพลก็ได้ใช้อำนาจเหล่านี้อย่างต่อเนื่องมายาวนานจนเคยชิน มัวเมาหลงใหลในอำนาจ  คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา ลืมไปว่าที่แท้จริงแม่ของกษัตริย์เองก็มาจากสามัญชนคนธรรมดา   ลืมเบื้องหลังก่อนการขึ้นเป็นกษัตริย์ของตนเอง  โดยการชิงราชบัลลังก์มาจากพี่ชายของตนเองคือในหลวงอานันท์ ฯ
ดังนั้นที่กษัตริย์ภูมิพลได้ครองราชย์มายาวนานก็เพราะได้ใช้อำนาจเผด็จการปกครองประเทศ  โดยให้ทหารทำการรัฐประหารยึดอำนาจมาทุกครั้ง  จนถึง เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พศ. ๒๕๔๙ ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของการยึดอำนาจ   เพื่อจะให้กษัตริย์สามารถควบคุมได้ทั้งรัฐบาลและรัฐสภาโดยผ่านร่างทรงคือ  พลเอกเปรมซึ่งเป็นตัวจริง เสียงจริง ของกษัตริย์ภูมิพล  แต่รัฐบาลของกษัตริย์ภูมิพลได้ประสพความพ่ายแพ้มาอย่างต่อเนื่อง  นับจากรัฐบาลสุรยุทธ์ เขายายเที่ยง ( ลูกป๋า ) รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แต่งตั้งโดยกษัตริย์ภูมิพลจากกรมทหารราบที่ ๑๑   แต่ประชาชนไม่ยอมรับเพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง  ในปี ๒๕๕๒-ปี ๒๕๕๓  ประชาชนจึงได้ลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์เรียกร้องให้ลาออกและยุบสภา  การชุมนุมเรียกร้องได้ทำให้ประชาชนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง ๑๐ เมษายน ที่สี่แยกคอกวัว  และ ๑๙ พฤษภาคม ที่ ราชประสงค์ ๒๕๕๓  รวมแล้ว เป็นจำนวน กว่า ๙๐ ศพ   บาดเจ็บอีกหลายพันคน จนผู้สั่งฆ่าประชาชนได้รับฉายาว่า ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง  เจ้าของฉายานี้คงหนีไม่พ้นจอมเผด็จการอำมหิตแห่งเมืองสารขันธ์อย่างแน่นอน..?
หลังจากกษัตริย์ภูมิพลได้เปลี่ยนสถานที่ประทับมาอยู่โรงพระยาบาลศิริราช   ได้ใช้ชั้น ๑๖ เป็นศูนย์บัญชาการในการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาตลอด    พยายามจะตั้งรัฐบาล และรัฐสภาของตัวเองขึ้นมาเพื่อสำหรับการเปลี่ยนผ่านรัชกาลให้เป็นไปตามความต้องการของตน  หลังจากที่หัวหน้าจอมเผด็จการได้สั่งฆ่าประชาชนอย่างเหี้ยมโหดแล้ว   ฝ่ายประชาชนได้รู้ความจริงว่าใคร?  คือผู้อยู่เบื้องหลัง    จึงทำให้หูตาสว่างและได้รวมตัวกันลุกขึ้นมาทำการต่อสู้เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรม  เพื่อสิทธิเสรีภาพ  ความเสมอภาคและประชาธิปไตย  จนมีพลังของมวลชนเติบโตขึ้นเรื่อยๆมาจนถึงทุกวันนี้ทั่วทุกแห่งหนทั้งในและนอกประเทศ   พวกเขารู้จักสิทธิหน้าที่ของตนเองและไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของระบอบอำมาตย์เผด็จการ โดยรัฐธรรมนูญโจร ปี ๒๕๕๐
ประชาชนที่รักความเป็นธรรมไม่ยอมรับการปกครองแบบสองมาตรฐาน  จึงลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง ได้เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายเผด็จการมาตรา ๑๑๒  ให้กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ    ประเทศชาติมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง   แต่กษัตริย์ภูมิพลไม่ยอม   สั่งให้เปรม และสุรยุทธ์   พร้อมพวกข้าทาสบริวาร  ศาล  พรรคประชาธิปัตย์  และองค์กรอิสระต่างๆ รวมตัวกันเพื่อหาทางโค่นล้มรัฐบาลและรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนลงให้ได้  สำหรับกษัตริย์ภูมิพลเองและราชินีสิริกิตย์ ได้เดินทางกลับไปอยู่ที่หัวหินเพื่อเอาตัวรอดเหมือนการสั่งให้ทหารยึดอำนาจมาแล้วทุกครั้ง  เมื่อยึดอำนาจสำเร็จกษัตริย์ก็จะเป็นผู้ออกมาโปรดเกล้าอีกเช่นเคย  ฉนั้นการสั่งให้พวกอำมาตย์ทำการรัฐประหารยึดอำนาจแต่ละครั้งถือว่าเป็นการพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์และทางการเมือง  แสดง ถึงความล้มเหลวของระบอบเผด็จการภูมิพล มีทางเดียวที่กษัตริย์ภูมิพลจะสามารถรักษาระบอบอำนาจเผด็จการของตนเองไว้ ได้...คือสั่งการยึดอำนาจเท่านั้น
การยึดอำนาจแต่ละครั้งทำให้ระบอบเผด็จการภูมิพลอ่อนแอและเสื่อมลงไปทุกครั้ง   ถ้ามีการยึดอำนาจอีกคงเป็นครั้งสุดท้าย      มันจะเป็นจุดจบของระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพลอย่างแน่นอน!!!!



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar