ความพ่ายแพ้ของกษัตริย์ภูมิพลและเผด็จการอำมาตย์
โดย แสงตะวัน
ตั้งแต่กษัตริย์ภูมิพลขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ ๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ ๒๔๘๙ มาจนถึงเวลาปัจจุบัน นับเป็นเวลา ๖๗ ปี เป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ มาอย่างยาวนานที่สุดของประวัติศาสตร์ ในขณะที่ประเทศอื่นๆในโลก กษัติย์ของประเทศเหล่านั้นได้ถูกประชาชนโค่นล้มลงหมดแล้ว เช่น จีน เวียตนาม ลาว พม่า เนปาล เอธิโอเปีย อิหร่าน อียิปต์ กรีช รัสเซีย ฝรั่งเศส เป็นต้น ในประเทศกัมพูชา ถึงแม้จะมีกษัตริย์ยังเหลืออยู่แต่ก็เป็นกษัตริย์ที่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจเหมือนกษัตริย์ของไทย ในประเทศเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ กษัตริย์ของประเทศเหล่านั้นก็สละราชบัลลังก์ให้แก่องค์รัชทายาทไปหมดแล้ว แต่กษัตริย์ภูมิพลหวงอำนาจทั้งๆที่ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ ปัจจุบันอายุ ๘๔ ปีเข้าไปแล้วและป่วยหนัก มีชีวิตอยู่ได้ด้วยสเต็มเชลล์ เหมือนคนพิการพูดไม่ชัดเจน เดินไม่ได้ต้องนั่งบนรถเข็นอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ยอมมอบบัลลังก์ให้แก่องค์รัชทายาทสืบต่อไปเหมือนนานาอารยะประเทศที่กล่าวมาแล้ว
กษัตริย์ภูมิพลครองราชย์มาเป็นเวลา ๖๗ ปี มีการรัฐประหารยึดอำนาจเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่น้อยกว่า ๑๘ ครั้งแต่ละครั้งกษัตริย์ภูมิพลจะให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและเซ็นรับรองทุกครั้งหลังการยึดอำนาจสำเร็จ แม้กระทั่งครั้งหลังสุดคือเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙
การยึดอำนาจ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยา ๒๕๔๙ จุดประสงค์คือ โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรลง ก็เพื่อจะเตรียมการเปลี่ยนผ่านรัชกาล ได้ให้พลเอกเปรม เป็นผู้ดำเนินจัดการ หลังยึดอำนาจได้แล้วก็แต่งตั้งให้ พลเอก สุรยุทธ์ เขายายเที่ยง ( ลูกของป๋า ) ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเขียนรัฐธรรมนูญปี๒๕๕๐ ฉบับของไอ้หน้าแหลม ฟันดำประสงค์ สุ่นศิริ ขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญโจรที่ได้มาจากการปล้นรัฐบาลของประชาชน และใช้ปกครองประเทศมาจนถึงปัจจุบัน จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดองค์กรอิสระต่างๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช. ศาลปกครอง ไปจนกระทั่ง สว.แต่งตั้ง ที่มีอำนาจควบคุมทั้ง รัฐบาลและรัฐสภา ตลอดจนพรรคการเมือง
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในหมวดของพระมหากษัตริย์ ได้กำหนดไว้ว่าอำนาจทั้งหมดเป็นของปวงชน แต่พระมหากษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจนั้นโดยผ่านทางฝ่าย นิติบัญญัติคือรัฐสภา บริหารคือรัฐบาล ตุลาการคือทางศาล นอกจากนี้กษัตริย์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นจอมทัพของทั้งสามเหล่าทัพ คือทัพเรือ ทัพอากาศและทัพบก รวมไปทั้งตำรวจและข้าราชการพลเรือนทุกระดับอีกด้วย จากการรวมศูนย์อำนาจทุกอย่างไว้ในมือของกษัตริย์ กษัตริย์ก็คือจอมเผด็จการทีใช้อำนาจทุกอย่างแทนปวงชน กษัตริย์ภูมิพลก็ได้ใช้อำนาจเหล่านี้อย่างต่อเนื่องมายาวนานจนเคยชิน มัวเมาหลงใหลในอำนาจ คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา ลืมไปว่าที่แท้จริงแม่ของกษัตริย์เองก็มาจากสามัญชนคนธรรมดา ลืมเบื้องหลังก่อนการขึ้นเป็นกษัตริย์ของตนเอง โดยการชิงราชบัลลังก์มาจากพี่ชายของตนเองคือในหลวงอานันท์ ฯ
ดังนั้นที่กษัตริย์ภูมิพลได้ครองราชย์มายาวนานก็เพราะได้ใช้อำนาจเผด็จการปกครองประเทศ โดยให้ทหารทำการรัฐประหารยึดอำนาจมาทุกครั้ง จนถึง เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พศ. ๒๕๔๙ ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของการยึดอำนาจ เพื่อจะให้กษัตริย์สามารถควบคุมได้ทั้งรัฐบาลและรัฐสภาโดยผ่านร่างทรงคือ พลเอกเปรมซึ่งเป็นตัวจริง เสียงจริง ของกษัตริย์ภูมิพล แต่รัฐบาลของกษัตริย์ภูมิพลได้ประสพความพ่ายแพ้มาอย่างต่อเนื่อง นับจากรัฐบาลสุรยุทธ์ เขายายเที่ยง ( ลูกป๋า ) รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แต่งตั้งโดยกษัตริย์ภูมิพลจากกรมทหารราบที่ ๑๑ แต่ประชาชนไม่ยอมรับเพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ในปี ๒๕๕๒-ปี ๒๕๕๓ ประชาชนจึงได้ลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์เรียกร้องให้ลาออกและยุบสภา การชุมนุมเรียกร้องได้ทำให้ประชาชนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง ๑๐ เมษายน ที่สี่แยกคอกวัว และ ๑๙ พฤษภาคม ที่ ราชประสงค์ ๒๕๕๓ รวมแล้ว เป็นจำนวน กว่า ๙๐ ศพ บาดเจ็บอีกหลายพันคน จนผู้สั่งฆ่าประชาชนได้รับฉายาว่า “ ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง” เจ้าของฉายานี้คงหนีไม่พ้นจอมเผด็จการอำมหิตแห่งเมืองสารขันธ์อย่างแน่นอน..?
หลังจากกษัตริย์ภูมิพลได้เปลี่ยนสถานที่ประทับมาอยู่โรงพระยาบาลศิริราช ได้ใช้ชั้น ๑๖ เป็นศูนย์บัญชาการในการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาตลอด พยายามจะตั้งรัฐบาล และรัฐสภาของตัวเองขึ้นมาเพื่อสำหรับการเปลี่ยนผ่านรัชกาลให้เป็นไปตามความต้องการของตน หลังจากที่หัวหน้าจอมเผด็จการได้สั่งฆ่าประชาชนอย่างเหี้ยมโหดแล้ว ฝ่ายประชาชนได้รู้ความจริงว่าใคร? คือผู้อยู่เบื้องหลัง จึงทำให้หูตาสว่างและได้รวมตัวกันลุกขึ้นมาทำการต่อสู้เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรม เพื่อสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตย จนมีพลังของมวลชนเติบโตขึ้นเรื่อยๆมาจนถึงทุกวันนี้ทั่วทุกแห่งหนทั้งในและนอกประเทศ พวกเขารู้จักสิทธิหน้าที่ของตนเองและไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของระบอบอำมาตย์เผด็จการ โดยรัฐธรรมนูญโจร ปี ๒๕๕๐
ประชาชนที่รักความเป็นธรรมไม่ยอมรับการปกครองแบบสองมาตรฐาน จึงลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง ได้เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายเผด็จการมาตรา ๑๑๒ ให้กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ประเทศชาติมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่กษัตริย์ภูมิพลไม่ยอม สั่งให้เปรม และสุรยุทธ์ พร้อมพวกข้าทาสบริวาร ศาล พรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรอิสระต่างๆ รวมตัวกันเพื่อหาทางโค่นล้มรัฐบาลและรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนลงให้ได้ สำหรับกษัตริย์ภูมิพลเองและราชินีสิริกิตย์ ได้เดินทางกลับไปอยู่ที่หัวหินเพื่อเอาตัวรอดเหมือนการสั่งให้ทหารยึดอำนาจมาแล้วทุกครั้ง เมื่อยึดอำนาจสำเร็จกษัตริย์ก็จะเป็นผู้ออกมาโปรดเกล้าอีกเช่นเคย ฉนั้นการสั่งให้พวกอำมาตย์ทำการรัฐประหารยึดอำนาจแต่ละครั้งถือว่าเป็นการพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์และทางการเมือง แสดง ถึงความล้มเหลวของระบอบเผด็จการภูมิพล มีทางเดียวที่กษัตริย์ภูมิพลจะสามารถรักษาระบอบอำนาจเผด็จการของตนเองไว้ ได้...คือสั่งการยึดอำนาจเท่านั้น
การยึดอำนาจแต่ละครั้งทำให้ระบอบเผด็จการภูมิพลอ่อนแอและเสื่อมลงไปทุกครั้ง ถ้ามีการยึดอำนาจอีกคงเป็นครั้งสุดท้าย มันจะเป็นจุดจบของระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพลอย่างแน่นอน!!!!
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar