ถ้าประเทศไทยมีกษัตริย์ที่อยู่ใต้กฎหมายเหมือนอารยะประเทศทั้งหลายที่มีกยัตริย์แล้วจะมีทหารที่ไหนที่ยังจะกล้าทำรัฐประหารปล้นอำนาจของปวงชนอยู่อีก..
ในทางตรงกันข้าม ในเมื่อประเทศไทยมีกษัตริย์ที่ต้องการผูกขาดอำนาจสูงสุดไว้คนเดียว และคอยสั่งทหารให้ล้มรัฐบาลที่ประชาชนนิยมชมชอบ แล้วจะมีทหารคนไหนกล้าที่จะต่อต้านพวกทหารโจรกบฏที่มีกษัตริย์เป็นหัวหน้าใหญ่ เพราะกษัตริย์ไทยผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว
โดยห้ามไม่มีมีการตรวจสอบหรือถ่วงดุลย์ใดๆ เพียงแต่อาศัยระบบรัฐสภาเป็นเปลือกหุ้มเป็นครั้งคราวเพื่อหลอกลวงประชาชนและประชาคมโลก แต่อำนาจทางการทหารและศาลก็ยังอยู่ในความควบคุมของระบอบกษัตริย์ ตลอดมา นับตั้งแต่หลังการทำรัฐประหารที่นำโดยพลโทผิน ชุณหะวัณ
ในวันที่ 8 พฤษจิกายน 2490 ที่เริ่มให้มีองคมนตรี จากนั้นยังได้มีการทำรัฐประหารอีกหลายครั้ง
เพื่อหาเรื่องเขียน รธน ขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มอำนาจให้กษัตริย์มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่รัฐธรรมนูญ 2540 ที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญที่เลือกมาจากประชาชน ก็ยังคงต้องใช้กรอบที่ให้กษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุด โดยเฉพาะการเป็นจอมทัพที่มีอำนาจที่แท้จริงในการแต่งตั้งนายทหาร รวมไปถึงตุลาการและข้าราชการระดับสูง และยังเสริมด้วยอำนาจของตุลาการเครือข่ายเจ้าในรูปขององค์กรตาม รธน หลากหลายรูปแบบ เพื่อกำกับและควบคุมอำนาจของปวงชนอีกชั้นหนึ่ง
แต่ระบอบกษัตริย์ของไทยก็ไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งต่อพตท. ทักษิณ และเครือข่ายของทักษิณที่สืบต่อกันมา แม้จะได้ร่าง รธน 2550 เพื่อเอาเปรียบทางการเมืองทุกวิถีทาง แต่ก็ยังไม่มีทางเอาชนะในการเลือกตั้งได้
การเรียกร้องให้มีการแก้ รธน โดยไม่แตะต้องหมวดกษัตริย์ จึงเป็นเรื่องของการเรียกร้องต่อสู้ในกรอบเดิมๆ ที่ยังมีกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย และเป็นผู้ผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุดเหมือนเดิม จึงป่วยการที่ไปอ้างบทบัญญัติหรือกฎหมายใดๆ ในเมื่อประชาชนไทยยังคิดว่าตนเองเป็นแค่ไพร่ เป็นฝุ่นละออง
ที่ไม่สามารถพึ่งตนเอง และไม่เคยคิดที่จะสู้เพื่อเสรีภาพและความเสมอภาค ที่แท้จริง หรือสู้แบบมีข้อยกเว้นที่จำกัดกรอบ ไม่ไปปรับเปลี่ยนสถานภาพและบทบาทหน้าที่ของสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหา ทำให้ไม่มีทางแก้ปัญหาที่ตันเหตุได้ ไปๆมาๆ ก็มาตันอยู่แค่กองทัพ ตุลาการ
องคมนตรี สื่อหรือนักวิชาการ ที่เป็นแค่กิ่งก้านของระบอบเผด็จการดักดาน ที่มีกษัตริย์เป็นแกนกลาง
โดยห้ามไม่มีมีการตรวจสอบหรือถ่วงดุลย์ใดๆ เพียงแต่อาศัยระบบรัฐสภาเป็นเปลือกหุ้มเป็นครั้งคราวเพื่อหลอกลวงประชาชนและประชาคมโลก แต่อำนาจทางการทหารและศาลก็ยังอยู่ในความควบคุมของระบอบกษัตริย์ ตลอดมา นับตั้งแต่หลังการทำรัฐประหารที่นำโดยพลโทผิน ชุณหะวัณ
ในวันที่ 8 พฤษจิกายน 2490 ที่เริ่มให้มีองคมนตรี จากนั้นยังได้มีการทำรัฐประหารอีกหลายครั้ง
เพื่อหาเรื่องเขียน รธน ขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มอำนาจให้กษัตริย์มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่รัฐธรรมนูญ 2540 ที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญที่เลือกมาจากประชาชน ก็ยังคงต้องใช้กรอบที่ให้กษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุด โดยเฉพาะการเป็นจอมทัพที่มีอำนาจที่แท้จริงในการแต่งตั้งนายทหาร รวมไปถึงตุลาการและข้าราชการระดับสูง และยังเสริมด้วยอำนาจของตุลาการเครือข่ายเจ้าในรูปขององค์กรตาม รธน หลากหลายรูปแบบ เพื่อกำกับและควบคุมอำนาจของปวงชนอีกชั้นหนึ่ง
แต่ระบอบกษัตริย์ของไทยก็ไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งต่อพตท. ทักษิณ และเครือข่ายของทักษิณที่สืบต่อกันมา แม้จะได้ร่าง รธน 2550 เพื่อเอาเปรียบทางการเมืองทุกวิถีทาง แต่ก็ยังไม่มีทางเอาชนะในการเลือกตั้งได้
การเรียกร้องให้มีการแก้ รธน โดยไม่แตะต้องหมวดกษัตริย์ จึงเป็นเรื่องของการเรียกร้องต่อสู้ในกรอบเดิมๆ ที่ยังมีกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย และเป็นผู้ผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุดเหมือนเดิม จึงป่วยการที่ไปอ้างบทบัญญัติหรือกฎหมายใดๆ ในเมื่อประชาชนไทยยังคิดว่าตนเองเป็นแค่ไพร่ เป็นฝุ่นละออง
ที่ไม่สามารถพึ่งตนเอง และไม่เคยคิดที่จะสู้เพื่อเสรีภาพและความเสมอภาค ที่แท้จริง หรือสู้แบบมีข้อยกเว้นที่จำกัดกรอบ ไม่ไปปรับเปลี่ยนสถานภาพและบทบาทหน้าที่ของสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหา ทำให้ไม่มีทางแก้ปัญหาที่ตันเหตุได้ ไปๆมาๆ ก็มาตันอยู่แค่กองทัพ ตุลาการ
องคมนตรี สื่อหรือนักวิชาการ ที่เป็นแค่กิ่งก้านของระบอบเผด็จการดักดาน ที่มีกษัตริย์เป็นแกนกลาง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar