เปลมอาจจะเป็นคนเล่นงานชายคนนั้นมาตลอด
เพราะขบวนการคล้ายกับแมงสาป เป็นเนื้อหาสร้างความรังเกียจคล้ายให้คนเกลียด
และกลัว ปลุกระดมว่าหากชายคนนั้นใหญ่ขึ้นมาประเทศไทยต้องพินาศ
ซึงมันก็ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับเทวดาหรอกวะ
......ย้ำชายบางคนไม่น่ากลัวเท่ากับเทวดาหรือนางฟ้าของพวกมรึงหรอก ..
และมาสังเกตุในรัฐธรรมนูญนวย50 ในประเด็นที่เกียวข้องกับ เปลม
จึงเชื่อมโยงได้ว่ารัฐประหารปี49 มีประเด็นการ"สกัดชายบางคน"เป็น
ถาระกิจแห่งรัฐประหารด้วยแน่นอน ......เอ็งสกัดไม่สำเร็จหรอกเปลม
กติกาต้องเป็นกติกาตั้งแต่โบราญเปลมจะมาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแทนคนไทยทั้ง
ชาติไม่ได้หากคนทั้งชาติไม่เห็นเป็นสาระสำคัญ
ฉนั้นอย่ามาแถเพื่อให้เป็นไปตามพล็อตเรื่องที่เอ็งสร้าง(น่าจะเกินเลยไป
หลายขุม)มาสกัดเขา
เก็บกระเป๋าเถอะเปลมเมื่อล้มชายคนนั้นไม่สำเร็จก็เตรียมหนีได้เลย
โดย แสงตะวัน
วิกฤติของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้คือวิกฤติการแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่าง ลูกชาย ลูกสาว และเมียของกษัตริย์ภูมิพล เป็นเรื่องภายในครอบครัวซึ่งกษัตริย์ภูมิพลเองไม่สามารถจัดการให้มันลงตัวได้ แต่
โยนปัญหาครอบครัวให้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย โดยมี รัฐบาล รัฐสภา
ประชาชนและประเทศชาติเป็นฝ่ายรับผิดชอบแก้ไขปัญหาให้โดยตัวเองไม่กล้ารับผิด
ชอบ นี้คือสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในเวลานี้
ก่อนการยึดอำนาจ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ กษัตริย์ภูมิพลป่วยหนัก แต่ประชาชนไม่รู้ และมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าหลังจากการยึดอำนาจ พระเทพ ฯลูกคนที่สามซึ่งกษัตริย์ภูมิพล ต้องการให้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ได้
ไปทำพิธีต่ออายุให้กษัตริย์ภูมิพลในจังหวัดทางภาคเหนือในขณะเดียวกัน
กษัตริย์ภูมิพลก็เข้าโรงพยาบาลทำการผ่าตัดใหญ่ที่กระดูกสันหลังซึ่งป่วยมาจน
บัดนี้ และได้ทำโรงพยาบาลศิริราชเป็นพระราชวังสำหรับกษัตริย์ภูมิพลโดยเฉพาะ การยึดอำนาจเป็นการส่งสัญญาญถึงประชาชนใน ๒ เรื่อง ชี้บอกถึงว่าทางวังจะมีการเปลี่ยนแปลงรัชกาลคือ :
๑) คณะรัฐประหารใช้ภาษาว่าเป็นระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งพลเอกเปรมเองก็ได้ออกมาพูดว่า “ เป็นคนไทยเกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน “ นั้นหมายความว่าพลเอกเปรมจะเป็นคนกำหนดว่าใครจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ปัญหามีอยู่ว่า พลเอกเปรมรับคำสั่งมาจากใคร ? เมื่ออ่านรัฐธรรมนูญปี พ.ศ ๒๕๔๐ และปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ในหมวดพระมหากษัตริย์ จะมีข้อความเหมือนกัน โดยให้พลเอกเปรมเป็นคนเสนอชื่อรัชทายาทที่จะขึ้นครองราชย์สืบทอดราชบัลลังก์ต่อรัฐบาล โดยให้รัฐบาลเสนอต่อรัฐสภาเป็นที่ชัดเจนว่าให้ผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์การแก้ไขที่จะเกิดขึ้นใหม่ ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เสนอห้ามแตะต้องอย่างเด็จขาด นั้นหมายความว่าห้ามแตะต้องอำนาจพลเอกเปรมในรัฐธรรมนูญ ถ้า
เป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่ได้แก้ไขต้นเหตุแห่งความวุ่นวายในการแต่งตั้งกษัตริย์
จึงเป็นสาเหตุแห่งความวุ่นวายของปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้
๒
)
เรื่องการสืบราชสันตติวงค์ตามกฏมณเทียรบาลเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ภูมิพลโดย
ตรงในการตัดสินใจแต่งตั้งรัชกาลที่ ๑๐ ว่าจะให้ใครเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป แล้วเรื่องยุ่งยากทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไป แต่กษัตริย์ภูมิพลกลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้ปัญหาความยุ่งยากของครอบครัวเป็นปัญหาของประชาชนในประเทศต้องเกิดความขัดแย้งกันเป็นปัญหาวุ่นวายอยู่ในเวลานี้ นอกจากนั้นยังโยนเรื่องนี้ให้เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งตามหมวด ๒ ของรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติไว้ว่าไม่ให้แก้ไขและใครแตะต้องไม่ได้ จึงกลายมาเป็นหมวดที่ควบคุมรัฐบาลและรัฐสภาไปในตัว ดังนั้นการมีรัฐบาลที่พลเอกเปรมควบคุมได้ก็คือตัวกำหนดองค์รัชทายาทรัชกาลที่ ๑๐ ฉนั้นพลเอกเปรมจึงต้องการควบคุมรัฐบาลเพื่อให้การแต่งตั้งรัชกาลที่ ๑๐ เป็นไปตามความประสงค์ของตน คนที่จงรักภักดีเช่นอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช ที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เพราะนายสมัคร จะเอาเจ้าฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ และรัฐบาลทักษินก็ต้องการฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งตามกฏมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์ ในฐานะเป็นองค์มกุฏราชกุมารฟ้าชายย่อมเป็นผู้มีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น แต่พลเอกเปรมมีความขัดแย้งกับฟ้าชายไม่ยอมให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ ๑๐ เพราะเปรมต้องการให้พระเทพ ฯ ขึ้นเป็นกษัตริย์
ด้วยเหตุนี้การยึดอำนาจ วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ จึงทำเพื่อการนี้ โดยเฉพาะ หลังจากการยึดอำนาจมีการวางแผนที่จะควบคุมอำนาจไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย ๑๐ ปี เพราะไม่รู้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะตายเมื่อไหร่ โดยได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญให้อำนาจรัฐสภา อำนาจรัฐบาลอยู่ภายใต้อำนาจตุลาการทั้งหมดในช่วงเวลาถึง ๙ ปี ภายใต้คำพูดที่เรียกว่า “ ตุลาการภิวัฒน์ “
แล้วใครเป็นคนใช้ศาลได้ถ้าไม่ใช่กษัตริย์ภูมิพลเอง ?
ดังนั้นเมื่อรู้ปัญหาชัดเจนเช่นนี้กษัตริย์ภูมิพลควรแต่งตั้งรัชกาลที่ ๑๐ ขึ้นมาเสียเอง เป็นการแก้ปัญหาทั้งหมดให้จบสิ้นไป ประชาชนจะได้ไม่ต้องแบ่งแยกทางความคิดและเข่นฆ่ากันเหมือนกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ประเทศชาติจะได้เดินหน้าพัฒนาต่อไปเสียที
แล้วทำไมกษัตริย์ภูมิพลจึงไม่ทำ ? .
จากประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าในราชวงค์จักรีมีการแย่งชิงราชบัลลังก์กันมาตลอดเวลา เริ่มต้นโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ฆ่าพระเจ้าตากสินหลังจากนั้น ได้ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์แล้วสถาปนาราชวงค์จักรีขึ้นมา จากนั้นมาก็มีการแย่งชิงราชบัลลังก์กันมาแทบทุกรัชกาล พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ อาฆ่าหลาน แม่ฆ่าลูก เป็นเรี่องประวัติศาสตร์ของราชวงค์จักรี การที่กษัตริย์ภูมิพลได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ก็เหมือนแย่งชิงราชบัลลังก์มาจากพี่ชาย ถึงรุ่นลูกกษัตริย์ภูมิพลก็ควรจะจัดการปัญหาให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ตามกฏมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์ ไม่ควรปล่อยให้มีการแย่งชิงกันฆ่ากันเหมือนในอดีตซึ่งทำให้เป็นสาเหตุปัญหาใหญ่ของประเทศชาติ ของประชาชน ของรัฐบาล และของรัฐสภา ที่จะต้องมาแก้ปัญหาให้ครอบครัวกษัตริย์เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของกษัตริย์ภูมิพลเอง .