ผมใช้คำว่า "เดิน" (ไม่ใช่ "เดินทาง") อย่างจงใจ เพราะวันนั้น ผมใช้เวลาราว 6 ชั่วโมง เดินขึ้นๆลงๆบนยอดของเทือกเขาแห่งหนึ่งออกจากประเทศไทย เป็นการเดินที่เหนือยที่สุดในชีวิต ถึงตอนท้ายเมื่อใกล้จุดหมาย ขาผมเกือบไม่เหลือแรงจะยืนหรือเดินต่อเลย...
ระหว่างทางเดิน ก็พยายามบอกตัวเองแบบขำๆว่า สมัยหนุ่มหลัง 6 ตุลา ผมไม่ได้เข้าป่า เพราะติดคุก เพิ่งมามีโอกาสเข้าป่าเดินเขาตอนแก่นี่เอง
ในระหว่าง 6 ชั่วโมงนั้น มีบางช่วงฝนตกพรำๆลงมา ทำให้ทางเดินลำบากขึ้นอีก ผมลื่นไถล ล้มหลายครั้ง จนเนื้อตัวเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมด หลายช่วงของเส้นทาง เป็นทางเดินแคบๆขอบเขา ผมก็นึกขำๆกับตัวเองว่า ถ้าผมบังเอิญพลัดตกไป คอหักตาย ก็คงน่าสนใจพิลึก (คิดจริงๆ คือมันเหนื่อยมากน่ะ ก็พยายามคิดอะไรตลกๆกับตัวเองแก้เหนื่อย)
ตลอด 6 ชั่วโมงบนยอดเขา แทบไม่มีช่วงที่เป็นพื้นราบเลย มีแต่จังหวะชันขึ้น หรือชันลง (จังหวะชันลงนี่ไม่ใช่เดินง่าย กลับยากกว่าอีก เพราะต้องคอยเกร็งขา จิกพื้นไว้ ไม่ให้ลื่นไถลพรวดลงมา)
บางช่วง มีปลิงลอดเสื้อผ้าเข้ามาเกาะกินเลือดตามตัว (แม้จะพยายามระวังแล้ว) เสื้อเชิ้ตตัวที่ผมใส่วันนั้น ทุกวันนี้ ยังพอเห็นรอยคราบเลือดเป็นหย่อมๆ เพราะซักไม่ออก เนื่องจากมีช่วงหนึ่ง ปลิง 3-4 ตัวมุดเข้ามาถึงกลางหลัง ดูดเลือดผมสักพักใหญ่กว่าผมจะรู้สึกตัว มีเลือดซึมเสื้อเปียกฝนเปียกเหงื่อเป็นดวงแล้ว ....
2 ปีที่ผ่านมา - หรือถ้าจะว่าไปจริงๆ ตั้งแต่ต้นปี 2554 ที่ทหารมุ่งจะเล่นงานผมแน่ ทำให้ผมต้องหลบไปนอนบ้านคนอื่นหลายคืน ผ่านมาถึงช่วงต้นปี 2557 ที่ถูกมือปืนไปยิงถล่มถึงบ้าน จนต้องออกจากบ้านโดยไม่ได้กลับเข้าไปอีก จนเมื่อเกิดรัฐประหารครั้งนี้ จนถึงบัดนี้ - ในฐานะปุถุชน บางครั้ง นานๆที ผมก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า เราเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงมากไปหรือเปล่า ... ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความจริง ผมรู้ว่าผมสามารถที่จะใช้ชีวิตที่ปกติกว่านี้ได้ ต่อให้สมมุติผมแตะเรื่องสถาบันกษัตริย์ ถ้าผมเพียงจำกัดตัวเองไว้ทีแค่เสนอเรื่องแก้หรือเลิกกฎหมาย 112 ต่อให้ถูกเพ่งเล็งอย่างไร ก็ไม่เดือดร้อน ตกเป็นเป้าเล่นงานของทหารถึงระดับนี้ ยังไงก็สามารถใช้ชีวิตในเมืองไทย ทำราชการไปจนเกษียณอายุแน่ๆ การที่เราไม่จำกัดตัวเองแค่นั้น แต่พูดเขียนถึงเรื่องบทบาทสถานะของสถาบันกษัตริย์ในด้านต่างๆ (จากกรณีสวรรคตถึง 6 ตุลา ฯลฯ) และพยายามผลักดันให้มีการแก้ปัญหาสถาบันกษัตริย์ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องวัฒนธรรม ฯลฯ และที่สำคัญยังทำในลักษณะที่เรียกว่าออกมาเคลื่อนไหวสาธารณะทางโลกออนไลน์ อย่างเต็มที่ มันมีความเสี่ยงที่พอรู้ๆอยู่ ... ในปีหลังๆ โดยเฉพาะใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่ต้องมาอยู่ไกลบ้านขนาดนี้ มีความลำบากกว่าอยู่บ้านเยอะ และมีความเป็นไปได้ว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ได้กลับไปอีกเลยก็ได้ .. บางครั้ง ก็นึกแวบๆขึ้นมาในใจเหมือนกัน ... แต่ก็ไม่ได้คิดมากหรือนานอะไร เป็นเพียงมู้ดชั่วคราวที่ผ่านมาแล้วผ่านไป.....
.............
ความจริง คิดๆเตรียมๆจะเขียนอะไรมากกว่านี้ เช่นจะเขียนเล่าว่าความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นจาก 6 ตุลา มันเหมือนเป็นอะไรที่เผาอยู่ในตัวเรามากว่า 30 ปี และคอยผลักให้เราทำในสิ่งทีทำในหลายปีนี้อย่างไร .... แต่เขียนๆไปชักรู้สึกไม่อยากเขียนเท่าไรนัก ผมเป็นคนไม่ถนัดและไม่ค่อยชอบเขียนเรื่องตัวเองเท่าไรอยู่แล้ว ... ไว้โอกาสอื่นก็แล้วกัน
ปารีส
เวลา 01:52 น
22 มิถุนายน 2016(2559)
(หมายเหตุ-ก่อนอื่นเนื่องในวันสำคัญในชีวิตของอาจารย์ที่วนมาครบรอบอีกครั้งขอให้อาจารย์มีสุขกายที่แข็งแรงสุขภาพจิตที่ดี มีจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่มั่นคงไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคใดๆ มีความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจกับการตัดสินใจที่เลือก"เดิน" ออกจากกะลาแลนด์ มุ่งหน้าผจญภัยในโลกกว้างในสังคมที่มีสิทธิเสรีภาพ
และสิ่งสำคัญอาจารย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเสรี ให้ความรู้เป็นแสงสว่างส่องนำทางแก่พี่น้องประชาชนไทยเพื่อนร่วมชาติที่ถูก "ปิดหู ปิดตา ปิดปาก " ได้รับรู้ความจริงปรับเปลี่ยนพัฒนาแนวคิดเข้าใจถึงที่มาที่ไปของปัญหาความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศไทย
การต่อสู้เรียกร้องเพื่อปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกเป็นไทไม่มีวันสิ้นสุดรุ่นแล้วรุ่นเล่ายังดำเนินต่อไป ตราบใดที่ประเทศไทยประชาชนไทยยังถูกปกครองภายใต้อำนาจการชี้นำของเครือข่าย"ระบอบภูพล"
เรื่องการกลับประเทศตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่ถูกลบออกจากแผนที่โลก อาจารย์ได้เดินกลับสู่ประเทศไทยอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว...โปรดถนอมตัวเอง...ด้วยความห่วงใยเป็นกำลังใจให้เสมอ จากเพื่อนร่วมเดินทาง )
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar