tisdag 28 juli 2020

ใบตองแห้ง: ปรับ ครม.ก็แค่นั้น


ใบตองแห้ง: ปรับ ครม.ก็แค่นั้น

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นำทีมสี่กุมารลาออกปุบปับ แม้รู้ว่าต้องปรับ ครม. แต่ไม่คาดว่าเร็วขนาดนี้
ฟังจากวาสนา นาน่วม ซึ่งเหมือนแอบอยู่ในกลุ่มไลน์ ประยุทธ์ส่งข้อความหาสมคิด “รู้สึกลำบากใจ รู้สึกแย่ ไม่รู้จะพูดต่อหน้าอย่างไร” อ้าว เชิญให้ออกฉลองวันเกิด? วาสนายังบรรยายราวดักฟัง “ยังไงอาจารย์

ก็อย่าทิ้งผมไป ขอให้อยู่ข้างหลังผมด้วย” ฮั่นแน่ เราไม่ทิ้งกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่บอกว่าประยุทธ์โทร.ก่อนขึ้น ฮ.ไประยอง โดนชาวบ้านด่าขรม ผิดพลาดบกพร่อง “การ์ดอย่าตกๆ” หวิดระบาดรอบสอง ยังมีแก่ใจเชิญสมคิดไขก๊อก เร่งรีบขนาดนั้น?

ก็ได้ผลเหมือนกันเพราะกลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ กลบข่าวชูป้ายด่า โผทีมเศรษฐกิจใหม่ออกมาตรงกันทุกสำนัก สร้างความฮือฮา ตื่นเต้น ประโคมข่าว ราวกับเปลี่ยนยอดขุนพลแล้วจะดลบันดาลให้เศรษฐกิจผงกหัวในฉับพลัน

โธ่ถัง ก็อยู่ในโครงสร้างเก่า ใต้รัฐความมั่นคง ทหาร-ราชการเป็นใหญ่ การเมืองเน่า เอาใครเข้ามาก็อยู่ในกรอบจำกัด อยากรู้จัง จะทำอะไรได้มากกว่าสมคิด ที่ประกาศ “คนจนหมดประเทศ” “เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเป็นมังกรบิน”

บินไปแล้ว บ๊ายบาย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร 5 ปีลอยนวล เหมือนได้โอกาส ถูกนักการเมืองเสือหิวเสือโหยขับไล่ “คนดีอยู่ในการเมืองไม่ได้” ทั้งที่พวกตัวนั่นแหละ ไปตั้งพรรคกวาดต้อนนักการเมือง รับใช้ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ พอเกิดปัญหาก็ได้โอกาสตีจาก พร้อมคำพูดสวยๆ ซึ้งใจแฟนคลับ ไม่ยักมีใครประเมิน 5 ปีสมคิด สร้างผลงานอะไร หรือเก่งแก่ก๊อบนโยบายทักษิณมาใช้ กับพูดคำใหญ่คำโต

นอกจากผลิตถ้อยคำ “ประชารัฐ” กับบัตรคนจน ที่ทำก่อนหาเสียง เศรษฐกิจก็แย่ลงๆ แย่มาก่อนโควิด แต่สมคิดเก่งด้านเอาใจสื่อ และกลุ่มธุรกิจ

แล้วทีมเศรษฐกิจใหม่มาจากไหน ไม่อยากใช้คำว่าเทคโนแครต เทคโนแครตตายนานแล้ว นักวิชาการคนสุดท้ายน่าจะเป็นประธานทีดีอาร์ไอในรัฐบาลขิงแก่ สมคิดก็เป็นนักการเมืองมายี่สิบปี ทีมที่เราเห็นคือ นักบริหาร ตัวแทนภาคธุรกิจ เช่นประธานสมาคมธนาคารไทย เอ็มดีแบงก์ใหญ่ จะมาเป็นรัฐมนตรีคลัง หรืออดีต CEO ปตท.จะกลับมานั่งพลังงาน

ทำไมคนไทยตื่นเต้นจัง กับ MD CEO น่าจะเป็นอิทธิพลทักษิณ แต่ทักษิณเป็นอัศวินที่สร้างธุรกิจตัวเอง ไม่ใช่พวกรับจ้างบริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีวันเจ๊ง นักบริหารที่สร้างชื่อจาก CSR ให้สัมภาษณ์สื่อโฆษณามีแต่คนยกย่อง ไม่รู้ว่าเป็นรัฐมนตรี ก้าวแรกก็ถูกด่า อย่างน้อยก็ถูกด่าว่ารับใช้รัฐประหารสืบทอดอำนาจ โกงอำนาจ ปราศจากความชอบธรรม ถูกตั้งข้อกังขาว่ามาปกป้องกลุ่มธุรกิจ

ข้อสำคัญ CEO อย่างทักษิณ ประสบความสำเร็จเพราะมีอำนาจมากจากเลือกตั้ง CEO อย่างทักษิณ ประสบความสำเร็จด้วยการฉีกระบบราชการประจำ เอาวิสัยทัศน์ใหม่ การตัดสินใจแบบนักบริหารมารื้อระเบียบประเพณีวิถีรัฐราชการ

MD CEO ที่เทียบไม่ได้แม้ขี้เล็บทักษิณ จะทำอะไรได้ใต้เครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยม รัฐราชการเป็นใหญ่ การเมืองเป็นรัฐบาลผสม

ยกตัวอย่างง่ายๆ คุณต้องการงบลงทุน แต่ไม่สามารถตัดงบซื้ออาวุธ งบกำลังพล งบขยายหน่วยความมั่นคงทหารตำรวจ คุณต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบบูรณาการ แต่ต้องพึ่งนายกฯ สั่งข้ามพรรคข้ามกระทรวง คุณต้องการให้ตัดสินใจรวดเร็ว แต่ข้าราชการกลัว พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ฯลฯ
หันมาทางการเมือง การบอกว่าโควตา 4 รัฐมนตรีเป็นของนายกฯ โดยเฉพาะพลังงาน ก็เป็นตลกร้าย แสดงว่าพรรคพลังประชารัฐเล่นปาหี่ ไล่สี่กุมารแล้วยอมให้ประยุทธ์ตั้งคนอื่น เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กระดูกแขวนคอ เป็นจริงอย่างนั้นไหม

ถ้าป้อมได้เก้าอี้ มท.1 ยังพอทำเนา จะได้พึ่งพาเครือข่ายมหาดไทย ซึ่งป๊อกไม่สนใจใคร แต่ป้อมก็ปฏิเสธแล้วว่าไม่มีสลับเก้าอี้ ที่มองกันว่าจะฉวยโอกาสนี้ลดเก้าอี้พรรคร่วม ตู่ก็บอกไม่มี

ปรับ ครม.ครั้งนี้จึงไม่น่ามีอะไรใหม่ แค่เป็นข่าวให้คนกะเก็ง ให้สื่อติดตาม ถ้ามีบิ๊กอายโบท็อกซ์ แทรกโผเข้ามาก็เป็นที่ขบขัน แต่ในเชิงโครงสร้างเปลี่ยนอะไรไม่ได้ มีแต่อ่อนแอลง ในเชิงอุดมการณ์แห่งรัฐ คือความมั่นคงของชาติ งบทหารตำรวจ ต้องมาก่อนปากท้องชาวบ้าน รัฐราชการเป็นใหญ่ตัวใครตัวมัน บริหารแบบไม่เป็นเอกภาพไม่มีประสิทธิภาพ

ในขณะที่เศรษฐกิจหลังโควิดกำลังจะดิ่งเหว ในขณะที่การเมืองวิบัติ ประชาชนไม่พอใจอำนาจ ไม่ยอมรับอำนาจ แต่ทำอะไรไม่ได้ มีความเคลื่อนไหวก็ปราบจับ โทษว่า ชังชาติ ความยุติธรรมสองมาตรฐาน รัฐบาลทำถูกทุกอย่าง อีกฝ่ายทำอะไรก็ผิด เพียงแต่ชาวบ้านยังต้องทำมาหากินก็จำยอมอยู่กันไป แต่เศรษฐกิจก็แย่ลงๆ

ร้ายกว่าแย่ลงคือมองไม่เห็นอนาคต ไม่มีใครเดาออกว่าอนาคตจะลงเอยอย่างไร

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_4528289

ใบตองแห้ง: ปรับไปก็ไม่จบ 

ดูท่าทีประยุทธ์ การปรับคณะรัฐมนตรีคงจบในไม่กี่วันนี้ เพียงยังไม่รู้จะเป็นที่พึงพอใจของพรรคพลังประชารัฐไหม และสังคมยอมรับได้หรือเปล่า

เพราะตามข่าวที่ปล่อยกระจาย พปชร.เสนอให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สะด๊วบเก้าอี้พลังงาน คุมโปรเจกต์แสนล้าน อนุชา นาคาศัยแทนเก้าอี้อุตสาหกรรม นฤมล บิ๊กอาย สวมแหวนแก้วขนเหล็กนั่งประจำสำนักนายกฯ สุชาติ ชมกลิ่น ต้องการกระทรวงแรงงาน แต่นั่นเป็นโควตาพรรคกำนัน บางข่าวก็บอก “เสี่ยเฮ้ง” จะไปเป็นนักวิจัยและนวัตกรรม

เซอร์ไพรส์กว่านั้น ส.ส.ปรบมือสนั่น ดันพี่ป้อมเป็น มท.1 แย่งเก้าอี้น้องป๊อก โทษฐานไม่มีความสัมพันธ์กับ ส.ส.ในพรรค ไม่ต่างจากสี่กุมาร “ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย” แต่จะว่าอนุพงษ์ไม่มี ก็คงไม่ใช่ มหาดไทยคุมเลือกตั้งทุกระดับ พปชร.ต้องการให้หัวหน้าพรรคยักแย่ยักยันมาสั่งการผู้ว่าฯ

อ้าว แล้วไหนล่ะ โควตาคนนอกคนดีคนเก่งของประยุทธ์ เหลือแค่รองนายกฯ กับ รมว.คลัง? แล้วถ้าประยุทธ์ไม่ยอม พลังประชารัฐจะว่าไง กระแสข่าวสับสนไปมา บ้างก็ว่าสุริยะหน้าเครียด อาจปิ๋วก็เป็นได้

ปัดโธ่ จะปิ๋วได้ไง กระทั่งไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ตั้งพรรคน้อมนำพระพุทธเจ้า มาสนับสนุนประยุทธ์ ครั้งนี้ก็ยังน้อมนำสุริยะ

พวกที่เพ้อฝันว่า ประยุทธ์จะตั้งคนดีคนเก่ง เทคโนแครต มากอบกู้เศรษฐกิจ นี่โง่ชัด ๆ ถามหน่อย ทำไมต้องปรับคณะรัฐมนตรี เพราะประยุทธ์ไม่พอใจผลงานสมคิดกับสี่กุมาร? หรือเพราะพวกนั้นโดนพลังประชารัฐไล่

เมื่อเป็นอย่างหลัง ถ้าประยุทธ์ยังแข็งขืน ใช้อำนาจตั้ง “ดรีมทีมใหม่” ก็ย่อมได้ เพราะที่ประยุทธ์เป็นนายกฯ ไม่ได้อาศัย ส.ส.เป็นสำคัญ อาศัย 250 ส.ว.เครือข่ายอำนาจ รัฐราชการตำรวจทหาร ศาล องค์กรอิสระ กระนั้นถ้า ส.ส.ไม่พอใจ แม้ไม่กล้าล้มรัฐบาล ก็จะป่วนไม่หยุด รัฐมนตรีคนนอกจะทำงานลำบาก เผลอ ๆ จะแพ้มติไม่ไว้วางใจ

ดังนั้น ประยุทธ์จึงมีไม่กี่ทางเลือก ยอมตาม พปชร. สังคมก็ส่ายหน้า ยิ่งไม่ไว้วางใจ, ตั้งทีมตัวเอง โดยไม่แยแสใคร ส.ส.ก็จะป่วนจนเละไปหมด หรือทางที่สาม ต่อรองกัน ซึ่งยังไม่รู้ลงเอยอย่างไร

การเมืองอย่างนี้หรือที่จะไปรับมือเศรษฐกิจ ที่แม้ทางจิตวิทยา ดูเหมือนทั้งโลกฮือฮา ว่าจะได้วัคซีน หุ้นขึ้นน้ำมันขึ้นพรวดพราด แต่เศรษฐกิจจริงยังอีกไกล ให้ไวที่สุดกว่าการท่องเที่ยวส่งออกจะกลับมาปกติก็ต้นปีหน้า เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่เต็มทีจะพยุงได้แค่ไหนในช่วงนี้

คนตกงานก็ยังจะตกงาน ข่าวดีวัคซีนมีผลต่อการเก็งกำไร แต่อุตสาหกรรมที่ถดถอย อย่างรถยนต์ การ์เมนท์ หยุดยั้งไม่ได้ ธุรกิจบริการเงียบเหงาภายใต้ยาแรงโควิด

การเมืองในด้านความไม่พอใจรัฐบาล ก็มีแต่แรงขึ้น เพราะยังจะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยอ้างเหตุที่ระยอง ทั้งที่มาจากความบกพร่องหละหลวมของ ศบค.

รัฐบาลพยายามลดกระแสให้ม็อบคนรุ่นใหม่ #เยาวชนปลดแอก เป็นเรื่องเล็ก ปลุกพลังต้านฐาน “ก้าวล่วง” แต่เครือข่ายอนุรักษ์นิยมก็รู้แก่ใจว่านี่เป็นพลังที่น่ากลัว เพราะกระแสคนรุ่นใหม่ ยกเจนเนอเรชั่นทั้ง Gen-Z บวก Gen-Y อายุ 15-30 ไปทางเดียวกันหมด แม้ฝ่ายอนุรักษ์จะคุมได้หมดทั้งปืนทั้งกฎหมาย
กระทั่งวันนี้ รัฐก็ยังอยู่ใน Dilemma คือถ้าเล่นงานม็อบสถานหนัก กวาดจับเหวี่ยงข้อหา ความไม่พอใจก็จะยิ่งลุกฮือ แต่ถ้าตั้งข้อหาแกนนำ ออกหมายเรียก ได้ประกัน พวกเขาไม่กลัวอยู่แล้ว

พลังต่อต้านแม้ล้มรัฐบาลไม่ได้ ก็จะกดดันไปตลอด โดยไม่ยอมแพ้เช่นกัน ไม่ต่างกับม็อบประชาธิปไตยฮ่องกง แต่จีนสามารถออก กม.ความมั่นคงโดยไม่แคร์โลก รัฐไทยทำตามได้หรือเปล่า

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/377526


 
2020-07-24 07:02

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar