tisdag 15 maj 2012


นักวิชาการ จ่อเคลื่อน "112 ริกเตอร์" แก้กฎหมาย 27 พ.ค.นี้ เตือนแกนนำแดงแปลกแยกมวลชน








ผศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นักวิชาการในคณะรณรงค์แก้ไข ม.112 หรือ ครก.112 เปิดเผยกับ “มติชนทีวีออนไลน์” ว่า
เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว ครก. 112 ได้ประชุม
เพื่อจัดงานสรุปการรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชน
ที่ร่วมเสนอรายชื่อแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตามร่าง กลุ่มนิติราษฎร์
โดยกำหนด จัดงาน
ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 27 พฤษภาคม  ตลอดช่วงบ่าย

 เนื่องจากขณะนี้รวบรวมรายชื่อเกิน 1 หมื่นชื่อ เป็นขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ยังมีประชาชน ส่งรายชื่อเข้ามา
แล้วมีรายชื่ออีกจำนวนมาก เป็นหมื่นรายชื่อ
ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสาร จะรายงานรายชื่ออีกครั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม

 ในงานจะอ่านบทกวี รำลึกถึงการเสียชีวิตของนายอำพล หรือ “อากง” เสียชีวิตในเรือนจำ
และเสวนาวิเคราะห์ปรากฎการณ์ “112 ริกเตอร์” หรือแรงเขย่าของแผ่นดินไหวจากมาตรา 112
ทั้งนี้ การทำงานของ นิติราษฎร์ และ ครก. 112
เป็นการต่อสู้วัฒนธรรมการเมืองกระแสหลัก ที่ครอบงำสังคมไทยมาตลอด
ด้วยการปิดกั้นจากข้อมูลด้านเดียว
ฉะนั้น ต้องสร้างความเข้าใจกับสังคมให้ข้อมูลกับประชาชนมากที่สุด

ดร.พวงทอง กล่าวด้วยว่า
หลายฝ่ายพยายามใช้กรณีการตายของนายอำพล หรือ “อากง”
มาโจมตีซึ่งกันและกัน แต่อยากเตือนความจำว่า
คนที่กล่าวโทษและแจ้งความ “อากง” คือ 
เลขาส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งแต่สมัยที่นายอภิสิทธิ์ยังเป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ บอกให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน
สอบสวน การตายของ “อากง” อย่างละเอียดรอบคอบ
เพราะเป็นการเสียชีวิต ขณะอยู่ในการดูแลหน่วยงานของรัฐ
ซึ่งฟังดู เหมือนนายอภิสิทธิ์ ห่วงใยแทนอากงและครอบครัวที่ไม่ได้รับความยุติธรรม
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ไม่เคย พยายามแก้ไขมาตรา 112
และนายอภิสิทธิ์เอง เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้
ที่เห็นว่าต้องคงมาตรา 112 ไว้ รวมถึงบทลงโทษที่รุนแรง

ดร.พวงทอง กล่าวถึงท่าทีของฝ่ายรัฐบาลและแกนนำ
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ว่า 
การเคลื่อนไหว แก้ไข มาตรา 112 ที่ผ่านมามีความชัดเจนว่า
ทั้งรัฐบาล และ แกนนำ นปช. พยายามกีดกันตัวเอง ออกไปจากประเด็นนี้
พูดชัดเจนว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112 แสดงให้เห็นว่า
ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้
พวกเขาจะกล้าหาญ เฉพาะในเวลาที่พวกเขาได้ประโยชน์
หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯได้ประโยชน์ จากการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
ไม่แคร์ว่ารัฐบาลและแกนนำ นปช. จะไม่เอาด้วย
เพราะชัดเจนว่าจุดยืนทางการเมืองของเขาในมาตรา 112 เป็นอย่างไร
เพียงแต่ เขาต้องคิดหนัก
ถ้าจะทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกลุ่มคนที่พยายามจะแก้ไขมาตรา 112
เพราะในที่สุดแล้ว เขากำลังแปลกแยกออกจากมวลชนที่สนับสนุนเขา
อย่างไรก็ตาม คิดว่า
แกนนำ นปช.และพรรคเพื่อไทย รวมถึงแกนนำรัฐบาล ควรรับฟังเสียง ประชาชน
ในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ให้มากขึ้น
และคิดแก้ไขปัญหา ถ้าไม่อยากถูกมวลชนทอดทิ้ง

 นักวิชาการผู้นี้ เล่าว่า
ในฐานะเป็น 1 ใน 7 นักวิชาการ ที่ยื่นประกันตัวอากง ในครั้งที่ 7และ 8
ของการยื่นขอประกันตัวโดยทนายความทั้งหมด 8 ครั้ง แต่อากง ไม่ได้รับการประกันตัว
ด้วยเหตุผลว่า เป็นคดีร้ายแรง ถูกลงโทษจำคุก 20 ปี เกรงจำเลยจะหลบหนี
ส่วนกรณีทนายและญาติ บอกว่า อากงเจ็บป่วยสุขภาพไม่แข็งแรง
ได้รับคำตอบว่าในทัณฑสถานมีแพทย์ มีหน่วยงานของรัฐ ที่จะดูแลรักษาได้
สำหรับ เหตุผลที่นักวิชาการรวมตัวไปประกันอากงนั้น
เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมที่ต้องช่วยเหลืออากง
เพราะทราบกันดีว่ามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีปัญหา
ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้รับการเคารพ สิทธิขั้นพื้นฐาน

 ในวันที่ไปยื่นประกันในชั้นศาลอุทธรณ์ ทั้งป้าอุ๊ และลูกสาวหวังว่าจะได้
แต่ก็ผิดหวัง จึงถามครอบครัวอากงว่า ถ้า อากงไม่ได้รับการประกันตัวอีก
จะขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ 
เขาก็ลังเล เพราะรู้ว่าร่างกายอากง ไม่สามารถจะทนทุกข์ทรมานในคุกได้
เพราะมีโรค ประกอบกับสภาพในเรือนจำย่ำแย่
เขาก็สงสารอากง อยากให้อากงออกมา
แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็ทำใจไม่ได้ ที่จะยอมรับผิดในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ
ครอบครัวอากงยังยืนยันว่าอากง ไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา
อากงยืนยันมีความจงรักภักดี ต่อในหลวง เคยพาหลานไปโรงพยาบาลศิริราช
เพื่อร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่เมื่อเจอข้อหาละเมิด ม. 112 ก็มีสถานะเป็นนักโทษทางการเมืองทันที
และมีแนวโน้มถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน มากกว่านักโทษคดีอาญาอื่นๆ
ที่มีโอกาสได้รับการประกันตัวแทบทั้งนั้น

 ดร.พวงทอง กล่าวถึงข้อสงสัยว่าการตายของ “อากง”
ถูกนำมาใช้ประโยชน์โดยฝ่ายที่เคลื่อนไหวแก้ไขมาตรา 112 ว่า
เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้อากงเสียชีวิต
เพียงหวังให้ มาตรา 112 เป็นประเด็นที่สังคมกลับมาถกเถียงกันอีก
คนปกติทั่วไปที่มีสามัญสำนึกดีจะไม่มีความคิดแบบนี้
นี่เป็นการโยงใยที่ไร้เหตุผลที่สุด แล้วน่ารังเกียจที่สุด
มีแต่คนที่ชิงชังรังเกียจและตามืดบอดต่อปัญหา
ที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เท่านั้น
ที่จะตั้งข้อสงสัยแบบนี้ได้

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar