การชุมนุมที่สวนลุมของ พธม. หลายพัน แสดงว่า ฝ่ายอำมาตย์เริ่ม "ปฎิบัติการบางอย่างอีก"
ผมว่าจะเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ติดเรื่องการแถลงข่าวของ ครก. 112 ก่อน เพราะจากการติดตามข่าวของ พธม./สนธิ ลิ้ม ซึ่งชุมนุมกันทีาสวนลุมในอาคารลีลาศที่สวนลุมเมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ได้ข่าวว่ามีคนเข้าร่วมเต็มอาคาร หลายพันคน
ซึ่งแหล่งข่าวที่ผมได้รับมานั้น เขาบอกว่า มีการขนคนมาจากสระบุรี ของบริษัทปูนแห่งหนึ่ง กับ บริษัทเบียร์ ยี่ห้อหนึ่ง และมีคนของสันติอโศกเข้าร่วมบางส่วน แต่ส่วนใหญ่นั้นมาจากบริษัทปูนแห่งนั้น
เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าจำนวนคนว่ามากหรือน้อย หรือเขาเอามาจากไหน
ซึ่งจากข่าวที่ได้มีการระดมคนมา โดยขนมาจาก "ก้นหีบ" ของพวกเขาเองนั้น แสดงว่า "พธม." ได้รับคำสั่งให้ "ปฎิบัติการบางอย่าง" ซึ่งมีการจัดเตรียมทั้งคน และเงินให้ และให้สนธิเข้ามาดำเนินการเพื่อเริ่มต้น
หากเป็นแบบนี้ ผมคิดว่า พวกอำมาตย์นั้น กำลังริเริ่ม "ยุทธการบางอย่างขึ้น" แล้ว การปฎิบัติการเริ่มต้นนี้ เป็นเพียงแต่ขั้นแรกของแผนยุทธการที่ใหญ่กว่าของพวกเขาเท่านั้น เรายังไม่ทราบว่าพวกเขาตั้งเป้าหมาย "ยุทธการนี้" เอาไว้ทีใด
ซึ่งเราอาจะประเมินได้ว่า
1. พวกเขาอาจระดมคนมาเพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการแก้ไข รธน. เท่านั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถยันการรุกของฝ่ายแดงเอาไว้ได้บ้าง ซึ่งผมเชื่อว เรื่องการยกร่าง รธน.ใหม่นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นการ "วางรางฐาน" ระบบของประเทศ ซึ่งจะมีผลอย่างสำคัญในอนาคตในอำนาจของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะกระทบถึงโครงสร้างอำนาจของระบอบอำมาตย์อย่างสำคัญทีเดียว มากกว่าเรื่อง 112 ด้วยซ้ำไป ดังนั้น พวกเขาต้องออกมาต่อสู้แน่นอน แต่คงสะกัดไว้เลยคงยาก แต่พวกเขาคงต้องการต่อรองยันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
2. เป้าหมายคือ ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์
หากเราคิดว่าเขาริเริ่มยุทธการครั้งนี้เพื่อล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหมือนที่พวกเขาล้มรัฐบาลสมัคร และสมชายมาแล้ว ตรงนี้เราก็คงประมาทไม่ได้ เพราะพวกเขาคงต้องสร้างความวุ่นวายเหมือนช่วงรัฐบาลสมัคร แล้วใช้ตุลาการวิบัติ ออกปฎิบัติการอีกครั้งหนึ่ง
ข้อสองนี้ ภาพความวุ่นวายแบบปี 2551-2553 ของสังคมไทยจะตามมาอีกครั้งหนึ่งอย่งไม่จบสิ้น เหมือน "หมุนหนังกลับมาดูใหม่" วิธีการใหม่ๆ ของพวกเขาคงไม่มี เพราะไม่มีวิธีล้มรัฐบาลได้มากไปกว่ารัฐประหาร กับ ตุลาการวิบัติ และพวกเขาก็ได้วางยาเอาไว้แล้วในกรณีจตุพร
แต่ตุลาการวิบัตินั้นจะให้ผลไม่เหมือนเดิม เพราะฝ่ายทักษิณได้เตรียมการรับมือ ตั้งพรรคใหม่รับเอาไว้แล้ว ทำให้ไม่มีผลถึงกับเปลี่ยนข้างรัฐบาล
แต่ก็คงวุ่นวายกันน่าดู
ผมยังไม่อยากสรุปว่า พวกอำมาตย์จะตั้งเป้าหมายเอาไว้ขนาดไหน ผมเชื่อว่า หากพวกเขาล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้พวกเขาก็จะทำ แต่หากทำยังไม่ได้ ก็เป็นการต่อรองรัฐธรรมนูญใหม่
เรียกว่า พวกเขา "ยังไม่ได้ยอมแพ้"
ก็เหมือนเยอรมันนี ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งโดนฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี บุกถึงชายแดนเยอรมันแล้ว ในปี ค.ศ. 1944 แต่ในช่วงคริสมาสต์ปลายปี 1944 เยอรมันได้เป็นยุทธการใหญ่ที่เรียกว่า Battle of Bulge ขึ้นตีโต้ สัมพันธมิตร แต่ "น้ำมันรถถังหมดเสียก่อน" การรุกกลับจึงไม่ได้ผล และในที่สุดเยอรมันก็แตกในปี 1945 นั่นเอง
ฝ่ายอำมาตย์ของไทยจะเปิดยุทธการแบบ Battle of Bulge ขึ้นอีกหรือไม่ เราคงต้องรอดูกัน
ผมว่าจะเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ติดเรื่องการแถลงข่าวของ ครก. 112 ก่อน เพราะจากการติดตามข่าวของ พธม./สนธิ ลิ้ม ซึ่งชุมนุมกันทีาสวนลุมในอาคารลีลาศที่สวนลุมเมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ได้ข่าวว่ามีคนเข้าร่วมเต็มอาคาร หลายพันคน
ซึ่งแหล่งข่าวที่ผมได้รับมานั้น เขาบอกว่า มีการขนคนมาจากสระบุรี ของบริษัทปูนแห่งหนึ่ง กับ บริษัทเบียร์ ยี่ห้อหนึ่ง และมีคนของสันติอโศกเข้าร่วมบางส่วน แต่ส่วนใหญ่นั้นมาจากบริษัทปูนแห่งนั้น
เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าจำนวนคนว่ามากหรือน้อย หรือเขาเอามาจากไหน
ซึ่งจากข่าวที่ได้มีการระดมคนมา โดยขนมาจาก "ก้นหีบ" ของพวกเขาเองนั้น แสดงว่า "พธม." ได้รับคำสั่งให้ "ปฎิบัติการบางอย่าง" ซึ่งมีการจัดเตรียมทั้งคน และเงินให้ และให้สนธิเข้ามาดำเนินการเพื่อเริ่มต้น
หากเป็นแบบนี้ ผมคิดว่า พวกอำมาตย์นั้น กำลังริเริ่ม "ยุทธการบางอย่างขึ้น" แล้ว การปฎิบัติการเริ่มต้นนี้ เป็นเพียงแต่ขั้นแรกของแผนยุทธการที่ใหญ่กว่าของพวกเขาเท่านั้น เรายังไม่ทราบว่าพวกเขาตั้งเป้าหมาย "ยุทธการนี้" เอาไว้ทีใด
ซึ่งเราอาจะประเมินได้ว่า
1. พวกเขาอาจระดมคนมาเพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการแก้ไข รธน. เท่านั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถยันการรุกของฝ่ายแดงเอาไว้ได้บ้าง ซึ่งผมเชื่อว เรื่องการยกร่าง รธน.ใหม่นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นการ "วางรางฐาน" ระบบของประเทศ ซึ่งจะมีผลอย่างสำคัญในอนาคตในอำนาจของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะกระทบถึงโครงสร้างอำนาจของระบอบอำมาตย์อย่างสำคัญทีเดียว มากกว่าเรื่อง 112 ด้วยซ้ำไป ดังนั้น พวกเขาต้องออกมาต่อสู้แน่นอน แต่คงสะกัดไว้เลยคงยาก แต่พวกเขาคงต้องการต่อรองยันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
2. เป้าหมายคือ ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์
หากเราคิดว่าเขาริเริ่มยุทธการครั้งนี้เพื่อล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหมือนที่พวกเขาล้มรัฐบาลสมัคร และสมชายมาแล้ว ตรงนี้เราก็คงประมาทไม่ได้ เพราะพวกเขาคงต้องสร้างความวุ่นวายเหมือนช่วงรัฐบาลสมัคร แล้วใช้ตุลาการวิบัติ ออกปฎิบัติการอีกครั้งหนึ่ง
ข้อสองนี้ ภาพความวุ่นวายแบบปี 2551-2553 ของสังคมไทยจะตามมาอีกครั้งหนึ่งอย่งไม่จบสิ้น เหมือน "หมุนหนังกลับมาดูใหม่" วิธีการใหม่ๆ ของพวกเขาคงไม่มี เพราะไม่มีวิธีล้มรัฐบาลได้มากไปกว่ารัฐประหาร กับ ตุลาการวิบัติ และพวกเขาก็ได้วางยาเอาไว้แล้วในกรณีจตุพร
แต่ตุลาการวิบัตินั้นจะให้ผลไม่เหมือนเดิม เพราะฝ่ายทักษิณได้เตรียมการรับมือ ตั้งพรรคใหม่รับเอาไว้แล้ว ทำให้ไม่มีผลถึงกับเปลี่ยนข้างรัฐบาล
แต่ก็คงวุ่นวายกันน่าดู
ผมยังไม่อยากสรุปว่า พวกอำมาตย์จะตั้งเป้าหมายเอาไว้ขนาดไหน ผมเชื่อว่า หากพวกเขาล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้พวกเขาก็จะทำ แต่หากทำยังไม่ได้ ก็เป็นการต่อรองรัฐธรรมนูญใหม่
เรียกว่า พวกเขา "ยังไม่ได้ยอมแพ้"
ก็เหมือนเยอรมันนี ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งโดนฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี บุกถึงชายแดนเยอรมันแล้ว ในปี ค.ศ. 1944 แต่ในช่วงคริสมาสต์ปลายปี 1944 เยอรมันได้เป็นยุทธการใหญ่ที่เรียกว่า Battle of Bulge ขึ้นตีโต้ สัมพันธมิตร แต่ "น้ำมันรถถังหมดเสียก่อน" การรุกกลับจึงไม่ได้ผล และในที่สุดเยอรมันก็แตกในปี 1945 นั่นเอง
ฝ่ายอำมาตย์ของไทยจะเปิดยุทธการแบบ Battle of Bulge ขึ้นอีกหรือไม่ เราคงต้องรอดูกัน
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar