tisdag 17 juli 2012

94ปีวันอวสานราชวงศ์โรมานอฟรัสเซีย ....นั่นคือบันทึกประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชาวรัสเชีย เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับราชวงค์จักรีในการตัดสินใจว่าจะปรับตัวอยู่กับสังคมไทยและสังคมโลกยุคปัจจุบันอย่างไรถ้ายังจะอาศัยอยู่ในสังคมไทยต่อไปหรือจะให้ราชวงค์จักรีหมดสิ้นเหมือนราชวงค์โรมานอฟในรัสเชีย.....

94ปีวันอวสานราชวงศ์โรมานอฟรัสเซีย

พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงฉายร่วมกับพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งภายหลังการปฏิวัติรัสเซีย ทุกพระองค์ทรงถูกสังหารหมู่อย่างสยดสยองในวันนี้เมื่อ 94 ปีมาแล้ว

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา วิกิพีเดีย
17 กรกฎาคม 2555

การปฏิวัติรัสเซีย พ.ศ. 2460 (Russian Revolution of 1917) เป็นการปฏิวัติล้มล้างระบบจักรวรรดิในรัสเซีย เปลี่ยนมาเป็นการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์

ฝูงชนกลุ่มใหญ่ออกมาเดินขบวนแสดงความไม่พอใจ ร่วมกับกรรมกร และทหารในกรุงเปโตรกราด จนพระเจ้านิโคลัสที่ 2 ต้องทรงสละราชสมบัติในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917)

หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นการแบ่งแยกทางความคิดเสรีนิยม ของฝ่ายรัฐบาลชั่วคราว กับสังคมนิยมของฝ่ายเปโตกราดโซเวียตซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า "อำนาจคู่" (Dual Power) ซึ่งต่อมาพรรคบอลเชวิกของเลนินก็สามารถแยกตัวออก และในเดือนตุลาคมก็ก่อการจลาจลโดยมีกรรมกร ทหาร และกลาสีเรือเข้าร่วมกันขับไล่รัฐบาลชั่วคราวออกไป

จัดตั้งรัฐบาลโซเวียตขึ้นเป็นครั้งแรก นับเป็นการปฏิวัติที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนถือว่าเป็นรูปแบบการปฏิวัติ ที่มีชื่อเฉพาะว่าเป็นการปฏิวัติเลนิน-สตาลิน

พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระราชวงศ์ถูกฝ่ายปฏิวัติจับกุมไว้ได้ และนำไปขังยังที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) หรือวันนี้เมื่อ 94 ปีที่แล้ว กองกำลังบอลเชวิคได้ปลงพระชนม์ซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียและสังหารหมู่สมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดที่เมืองเยคาเทียรินบุร์กอย่างโหดเหี้ยม สิ้นสุดการปกครองรัสเซีย 304 ปีของราชวงศ์โรมานอฟ

คริสตจักรของรัสเซีย นิกายออโธด็อกซ์ได้รื้อฟื้นพระเกียรติในหลายสิบปีต่อมา ด้วยการแต่งตั้งให้ซาร์นิโคลัสที่ 2 เป็นนักบุญ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ทรงฉายร่วมกัน ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2440 ระหว่างเสด็จเยือนยุโรป ก่อนที่อีก 20 ปีต่อมาราชวงศ์โรมานอฟจะล่มสลายลง ส่วนพระราชวงศ์จักรียังสถิตย์สถาพรเป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยมาจนปัจจุบัน

นิติภูมิ เนวรัตน์ เขียนถึงซาร์นิโคลัสที่ 2 ในคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลกเมื่อ 13 มิถุนายน 2553 รวมถึงเหตุการณ์ล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟดังต่อไปนี้

ซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตในซาร์อะเล็กซาน-เดอร์ที่ 3 และซารีนามาเรีย เฟโอโดรอฟนา พระองค์ถูกพระราช มารดาทรงตามพระทัยมากเกินไปและไม่ยอมให้พระองค์อยู่ห่างพระเนตร พระราชบิดาและพระราชมารดาเรียกซาเรวิชว่า "แม่หนู" เมื่อเจริญพระชันษาขึ้น ซาเรวิช หรือมกุฎราชกุมารพระองค์นี้จึงมีพระทัยอ่อนไหว ถือพระองค์ เมื่อทรงครองราชบัลลังก์รัสเซีย พวกปัญญาชนปฏิวัติจึงไม่ชอบพระองค์ มองว่าพระองค์ทรงอ่อนแอ และจะนำประเทศชาติบ้านเมืองไปไม่ได้


แม้ว่าประสูติในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองหลวงในสมัยนั้น แต่ พระองค์ก็ทรงได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้น 1 ของประเทศ ศาสตราจารย์ ระดับท็อปของสาขาต่างๆ ต้องเดินทางเจ็ดแปดร้อยกิโลเมตรเพื่อไปสอนพระองค์ เช่น ศาสตราจารย์คอนสแตนติน เปโตรวิช โพเบโตนอสต์ซอฟ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยมอสโก ไปสอนกฎหมาย ศาสตราจารย์นิโคไล บุนเก สอนสถิติและเศรษฐศาสตร์การเมือง ศาสตราจารย์นิโคไล กีร์ส สอนความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ฯลฯ


สิ่งหนึ่งซึ่งสังคมปัญญาชนไม่พอใจมกุฎราชกุมารองค์นี้ก็คือ ระหว่างถวายความรู้ อาจารย์จะถูกห้ามไม่ให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเรียนของพระองค์ ห้ามถามพระองค์ ห้ามทดสอบความรู้ ฯลฯ สิ่งต่างๆ ในสมัยวัยเยาว์ หลอมให้พระองค์ทรงยึดความเป็นอัตตา และปกครองประเทศแบบอัตตาธิปไตย ไม่ยอมรับการปฏิรูป หรือการเปลี่ยนแปลงการเมืองและใดๆ เป็นผู้นำแบบอำนาจนิยม ไม่ทรงฟังผู้อื่น ฯลฯ


ขณะเดียวกัน รัฐบาลจักรวรรดิรัสเซียในสมัยนั้นก็พยายามสร้างภาพลักษณ์ของซาร์นิโคลัสที่ 2 ว่าทรงใจดี มีความเป็นบิดา ทรงเอื้ออาทรต่อประชาชนคนรัสเซียทั้งปวง แต่ภาพลักษณ์พวกนี้ก็ถูกทำลายไปเมื่อพระองค์สั่งให้ใช้กำลังทหารฆ่าประชาชนคนที่กำลังเดินขบวนประท้วงอย่างสันติอยู่ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก


ต่อหน้าพระพักตร์ ประชาชนคนทั่วไปสรรเสริญเยินยอและอวยพระองค์ว่า พระบิดาผู้ทรงเอื้ออาทรต่อทวยราษฎร์ แต่ในระหว่างประชาชนคนรัสเซียด้วยกันเอง ส่วนใหญ่เรียกพระองค์ว่า "ผู้ทำลายชีวิตประชาชน" และตั้งฉายาให้พระองค์ว่า "นิโคลัสผู้กระหายเลือด"


ความที่ไม่ทรงฟังใคร ซาร์นิโคลัสที่ 2 ประกาศนำกองทัพรัสเซียไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และก็แพ้ เสียชีวิตทหารซึ่งเป็นลูกหลานของประชาชนไปบานเบอะเยอะแยะ ระหว่างการครองราชบัลลังก์ของซาร์นิโคลัสที่ 2 พระองค์ทรงทำให้วิกฤตการณ์ทางการเมืองและสังคมของรัสเซียเลวร้ายลงมาก สังคมมีแต่ความแตกแยก


เรื่องต่างๆ อย่างนี้ต่างหาก ที่ซาร์นิโคลัสที่ 2 ถูกสภาดูมาบังคับให้สละราชสมบัติหลังจากการปฏิวัติเดือนตุลาคม พ.ศ.2460 หลังจากนั้น ทั้งพระองค์และพระราชวงศ์ก็ถูกนำไปควบคุมในตำหนักฤดูร้อนที่ซาร์สโกเยเซโล


เมื่อผู้คนในชาติแตกแยกออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย ก็จึงเกิดสงครามกลางเมืองในรัสเซียระหว่าง พ.ศ.2461-2464 ในปีที่เริ่มสงครามกลางเมือง ซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระราชวงศ์จึงถูกส่งไปควบคุมอยู่ที่เมืองเยคาเตรินเบิร์กในไซบีเรีย


ราตรีวันที่ 16 ต่อเช้าของวันที่ 17 กรกฎาคม 2461 ซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระราชวงศ์ถูกปลงพระชนม์ทั้งหมด


ปัจจุบันทุกวันนี้ ประเทศที่ไม่มีกษัตริย์มายาวนานอย่างรัสเซีย พยายามที่จะเอ่ยถึงประเทศตัวเองสมัยมีกษัตริย์ปกครองด้วยความภาคภูมิใจ


ผู้คนจำนวนไม่น้อยอยากกลับไปมีพระมหากษัตริย์เหมือนเดิม.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar