เกมส์ของอำมาตย์วิเคราะห์ได้ง่ายๆ พวกเขากลัวฝรั่ง กลัวการกดดันจากประชาชาติ ซึ่งอำมาตย์ และตระกูลของพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้ในยุคล่าอาณานิคม พวกเขาจึงไม่สุ่มเสี่ยงจะใช้กำลังทหารเข้าเผด็จอำนาจโดยตรง แต่ก็ไม่ยอมให้ฝ่ายประชาธิปไตยช่วงชิงอำนาจปืนไปจากพวกเขาได้
เขาจึงต้องอาศัยศาลทั้งศาล รธน ศาลยุติธรรม และศาลปกครองโดยเฉพาะในยุคนายอักขราทร จุฬารัตน์ เป็นประธานศาลปกครอง แต่ยุคนี้ ชักไม่แน่เสียแล้ว ส่วนอัยการเป็นออร์แกนของรัฐบาล แม้พวกเขาจะผนวกตัวพวกเขาเป็นองค์กรอิสระ แต่คนในวงการนี้เป็นฝ่ายก้าวหน้าเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ
แต่หากใช้ศาล อำนาจก็คงมีจำกัด แม้จะบิดเบี้ยวกฎหมายแล้ว อย่างมากสุด เขาก็ได้แค่ยุบพรรคเพื่อไทย แต่สกัด สส เพื่อไทยตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ และยังมีผลเสียด้วยคือ หากศาลตัดสินบิดเบี้ยวชัดเจน ดังเช่นในกรณีศาล รธน กับมาตรา 68 รธน
นอกจากศาลจะเสียเองแล้ว มวลชนฝั่งพวกเขาเอง และสื่อสารมวลชนที่ยังพอมีสำนึกดีชั่วอยู่บ้าง ตลอดจนปัญญาชน คนชั้นกลางในเมือง ย่อมเลือกที่จะหันมาสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยมากกว่า เกิดเป็นพลังกาย และกำลังใจให้กับฝ่ายมวลชนประชาธิปไตย และเป็นการลดพลังของฝ่ายอำมาตย์อย่างรุนแรงไปในตัว ดังเช่น กรณี นสพ ไทยรัฐ ที่สนับสนุนอำมาตย์เต็มที่ก่อนวิกฤติ ศาล รธน กับสภา ตอนนี้ นสพ ไทยรัฐกลับเริ่มหันมาลงข่าวเสื้อแดง มากขึ้นมากๆ รวมทั้งออกคอลัมน์ด่าศาลโดยพร้อมเพรียงกัน เช่นเดียวกับนักวิชาการกฎหมายที่เคยสนับสนุนอำมาตย์ กลับหันหลังออกมาสัมภาษณ์ด่าศาล รธน ด้วยเช่นกัน อาทิ อดีต ปปช อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกือบทั้งหมดต่างพากันออกมาคัดค้านวิธีสกปรกของศาล รธน
จริงอยู่ เสื้อแดงมีจำนวนหนึ่งอาจน้อยอกน้อยใจทักษิณ ผิดหวังที่รัฐบาลยอมถอย ในจังหวะที่ควรรุก แต่พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนข้าง พวกเขายังคงยืนข้างฝ่ายธรรมเสมอ ผลคือ แดงจึงยังมีความเข้มข้นของสายเลือดอุดมการณ์เช่นเคย แต่อำมาตย์เล่า
นับวันจะหาพันธมิตรใหม่ไม่ได้ หน้าเก่าๆ ก็เหลือเล่นไม่กี่ตัวแล้ว ขาดความน่าเชื่อถือจากสังคม สงครามสื่อสารฝ่ายอำมาตย์ตกเป็นรองอย่างชัดเจนมากๆ
สื่อที่เขาเคยครองเสียงได้กว่า 90 % ในยุคล้มนายกสมัคร สมชาย ตอนนี้เหลือถึง 50 % ก็เก่งแล้ว ประกอบกับ ศก ยิ่งรักที่ดีขึ้นรายวัน แถมยังมีตัวช่วยคือ ราคาน้ำมันที่ตกต่ำสุดในรอบเกือบสามปี เป็นโบนัสให้รัฐบาลได้ใจคนชั้นกลางและชั้นสูงอีกต่างหาก
หากทหารกล้าลงมือรัฐประหารใน momentum ที่คนทั้งประเทศเซ็งและสงสัยต่อวิธีสามานย์ของอำมาตย์ พอใจกับ ศก กินดีอยู่ดีของรัฐบาลชุดนี้ ย่อมทำให้ข้ออ้างของการรัฐประหารเสียไป อำนาจของการสื่อสารของทหาร การโฆษณาชวนเชื่อต่อมวลชนหมดไป แล้วพวกเขาจะมีปัญญาชวนเชื่อทหารด้วยกันเองให้ออกมาล้มคว่ำรัฐบาลประชาชนได้อย่างไร
ที่เคยคิดว่า รัฐประหารแล้วจะปิดประเทศกวาดล้างมวลชน คิดแค่นี้ก็ผิดแล้ว ยังผิดมากขึ้นที่ไม่อาจหาแนวร่วมและมวลชนมาสนับสนุนพวกเขาได้อย่างเพียงพอด้วย
กระแสไฟลามทุ่งที่อำมาตย์คิดจะนำมาใช้เผาเรือนรัฐบาลยิ่งรัก ตอนนี้มันกลายเป็นลมหวนพาเปลวเพลิงไหลกลับไปมอดไหม้ฝั่งอำมาตย์แทน ฤาว่า นี่คือ จุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ที่แท้จริงของระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ และอำมาตยาธิปไตย ก็เป็นไปได้
ด้วยจิคคารวะ
เสรีชน
เขาจึงต้องอาศัยศาลทั้งศาล รธน ศาลยุติธรรม และศาลปกครองโดยเฉพาะในยุคนายอักขราทร จุฬารัตน์ เป็นประธานศาลปกครอง แต่ยุคนี้ ชักไม่แน่เสียแล้ว ส่วนอัยการเป็นออร์แกนของรัฐบาล แม้พวกเขาจะผนวกตัวพวกเขาเป็นองค์กรอิสระ แต่คนในวงการนี้เป็นฝ่ายก้าวหน้าเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ
แต่หากใช้ศาล อำนาจก็คงมีจำกัด แม้จะบิดเบี้ยวกฎหมายแล้ว อย่างมากสุด เขาก็ได้แค่ยุบพรรคเพื่อไทย แต่สกัด สส เพื่อไทยตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ และยังมีผลเสียด้วยคือ หากศาลตัดสินบิดเบี้ยวชัดเจน ดังเช่นในกรณีศาล รธน กับมาตรา 68 รธน
นอกจากศาลจะเสียเองแล้ว มวลชนฝั่งพวกเขาเอง และสื่อสารมวลชนที่ยังพอมีสำนึกดีชั่วอยู่บ้าง ตลอดจนปัญญาชน คนชั้นกลางในเมือง ย่อมเลือกที่จะหันมาสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยมากกว่า เกิดเป็นพลังกาย และกำลังใจให้กับฝ่ายมวลชนประชาธิปไตย และเป็นการลดพลังของฝ่ายอำมาตย์อย่างรุนแรงไปในตัว ดังเช่น กรณี นสพ ไทยรัฐ ที่สนับสนุนอำมาตย์เต็มที่ก่อนวิกฤติ ศาล รธน กับสภา ตอนนี้ นสพ ไทยรัฐกลับเริ่มหันมาลงข่าวเสื้อแดง มากขึ้นมากๆ รวมทั้งออกคอลัมน์ด่าศาลโดยพร้อมเพรียงกัน เช่นเดียวกับนักวิชาการกฎหมายที่เคยสนับสนุนอำมาตย์ กลับหันหลังออกมาสัมภาษณ์ด่าศาล รธน ด้วยเช่นกัน อาทิ อดีต ปปช อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกือบทั้งหมดต่างพากันออกมาคัดค้านวิธีสกปรกของศาล รธน
จริงอยู่ เสื้อแดงมีจำนวนหนึ่งอาจน้อยอกน้อยใจทักษิณ ผิดหวังที่รัฐบาลยอมถอย ในจังหวะที่ควรรุก แต่พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนข้าง พวกเขายังคงยืนข้างฝ่ายธรรมเสมอ ผลคือ แดงจึงยังมีความเข้มข้นของสายเลือดอุดมการณ์เช่นเคย แต่อำมาตย์เล่า
นับวันจะหาพันธมิตรใหม่ไม่ได้ หน้าเก่าๆ ก็เหลือเล่นไม่กี่ตัวแล้ว ขาดความน่าเชื่อถือจากสังคม สงครามสื่อสารฝ่ายอำมาตย์ตกเป็นรองอย่างชัดเจนมากๆ
สื่อที่เขาเคยครองเสียงได้กว่า 90 % ในยุคล้มนายกสมัคร สมชาย ตอนนี้เหลือถึง 50 % ก็เก่งแล้ว ประกอบกับ ศก ยิ่งรักที่ดีขึ้นรายวัน แถมยังมีตัวช่วยคือ ราคาน้ำมันที่ตกต่ำสุดในรอบเกือบสามปี เป็นโบนัสให้รัฐบาลได้ใจคนชั้นกลางและชั้นสูงอีกต่างหาก
หากทหารกล้าลงมือรัฐประหารใน momentum ที่คนทั้งประเทศเซ็งและสงสัยต่อวิธีสามานย์ของอำมาตย์ พอใจกับ ศก กินดีอยู่ดีของรัฐบาลชุดนี้ ย่อมทำให้ข้ออ้างของการรัฐประหารเสียไป อำนาจของการสื่อสารของทหาร การโฆษณาชวนเชื่อต่อมวลชนหมดไป แล้วพวกเขาจะมีปัญญาชวนเชื่อทหารด้วยกันเองให้ออกมาล้มคว่ำรัฐบาลประชาชนได้อย่างไร
ที่เคยคิดว่า รัฐประหารแล้วจะปิดประเทศกวาดล้างมวลชน คิดแค่นี้ก็ผิดแล้ว ยังผิดมากขึ้นที่ไม่อาจหาแนวร่วมและมวลชนมาสนับสนุนพวกเขาได้อย่างเพียงพอด้วย
กระแสไฟลามทุ่งที่อำมาตย์คิดจะนำมาใช้เผาเรือนรัฐบาลยิ่งรัก ตอนนี้มันกลายเป็นลมหวนพาเปลวเพลิงไหลกลับไปมอดไหม้ฝั่งอำมาตย์แทน ฤาว่า นี่คือ จุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ที่แท้จริงของระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ และอำมาตยาธิปไตย ก็เป็นไปได้
ด้วยจิคคารวะ
เสรีชน
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar