tisdag 30 december 2014
กมธ.กฎหมาย สปช. ตั้ง 'พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป' เป็นประธานปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ
คลิกอ่าน-กมธ.กฎหมายตั้ง 'พะจุณณ์' ปฏิรูปโครงสร้าง ตร.
กมธ.กฎหมาย สปช. ตั้ง 'พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป' เป็นประธานปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ ชี้จะมีการหาข้อสรุปอีกครั้ง 6 ม.ค. 58
พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป' คนสนิทใกล้ชิดพระองค์เปรม
พลเรือเอก พะจุณณ์ ตามประทีป (ชื่อเล่น: ตุ้ม)
อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษและนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานองคมนตรีในรัชกาลปัจจุบัน เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12-ร่วมรุ่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี, พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์), โรงเรียนนายเรือรุ่นที่ 69, วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 46 (วปอ.46)
-ผลงานที่เคยโด่งดังในอดีต
พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยอมรับว่า ได้ไปร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา และจะเดินทางไปร่วมชุมนุม วันที่ 24 พ.ย.นี้ด้วย พร้อมยืนยันว่า การไปร่วมชุมนุมของตนเอง เป็นการร่วมชุมนุมส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่อย่างใด เนื่องจากตนเองไม่ได้ทำงานกับ พล.อ.เปรม แล้ว ขณะเดียวกัน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ปฏิเสธว่า ไม่ได้ไปร่วมประชุมวางแผนการชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวหา และไม่รู้จัก พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม เป็นการส่วนตัว แต่ไปร่วมชุมนุมด้วยความรักชาติบ้านเมือง
พล.ร.อ.พะจุณณ์ มีบทบาทในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2549 โดยในคืนวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พล.ร.อ.พะจุณณ์ ซึ่งในขณะนั้นมียศ พลเรือโท (พล.ร.ท.) เป็นผู้รับหนังสือร้องทุกข์ของแผ่นดินจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่นำคณะผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเดินจากที่ชุมนุมลานพระบรมรูปทรงม้า มายังบ้านสี่เสาเทเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และเป็นผู้นำนายสนธิเข้าไปเจรจาในบ้านเป็นเวลา 10 นาที ก่อนที่นายสนธิจะออกมา เนื่องจากในขณะนั้น พล.อ.เปรม มิได้อยู่ในบ้าน
หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้วยในอัตราข้าราชการทหารกองทัพเรือ
จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ข้าราชการทหารและตำรวจ ในส่วนของ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ได้เลื่อนยศเป็น พลเรือเอก (พล.ร.อ.) ในอัตราจอมพล และได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ
โดยในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองไทยนั้น พล.ร.อ.พะจุณณ์ ในฐานะนายทหารใกล้ชิด พล.อ.เปรม มักจะเป็นผู้ตอบโต้หรือแถลงแทนตัว พล.อ.เปรม เมื่อถูกพาดพิงถึงเสมอ ๆ
ชีวิตส่วนตัว พล.ร.อ.พะจุณณ์สมรสกับ นางพรเพ็ญ ตามประทีป มีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ แพรววลัย ตามประทีป
เราลบผลพวงรัฐประหารด้วยการนำรัฐธรรมนูญปี๔๐กลับมาใช้ไม่ได้
เราลบผลพวงรัฐประหารด้วยการนำรัฐธรรมนูญปี๔๐กลับมาใช้ไม่ได้
ใจ
อึ๊งภากรณ์
การทำรัฐประหารรอบสองโดยประยุทธ์มือเปื้อนเลือด
และการ “ปฏิกูล”
การเมืองโดยศัตรูของประชาธิปไตยที่คลานเข้าไปรับใช้เผด็จการ เป็นการทำลายประชาธิปไตยไทยครั้งยิ่งใหญ่
มันแก้ไขไม่ได้โดยการ “รอโอกาสในอนาคตให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม” อย่างที่เสื้อแดงหลายคนและ “เสรีไทย” เสนอ
แนวร่วมระหว่าง
ทหารเผด็จการ องค์มนตรี ข้าราชการชั้นสูง และนายทุนใหญ่บางส่วน
ที่เกาะอาศัยสถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นเครื่องมือ ถือว่าเป็น “แนวร่วมนรก”
ที่กำลังวางแผนจะคุมระบบการเมืองไทยไปอีกนานภายใต้ระบบกึ่งประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ
ถ้าเราจะมีเสรีภาพเราต้องโค่นแนวร่วมเผด็จการนี้แบบถอนรากถอนโคน
ซึ่งแปลว่าต้องกำจัดอำนาจทหารและยกเลิกสถาบันกษัตริย์ที่พร้อมจะถูกใช้เพื่อประโยชน์เผด็จการมาตลอด
ถ้าเราไม่โค่นแนวร่วมนรก
ที่ทำลายประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของพลเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เราจะไม่แก้ปัญหา
และที่สำคัญคือการแก้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ มันอยู่ที่พลังมวลชน
วิกฤตการเมืองประชาธิปไตยครั้งนี้
เป็นการทดสอบนักการเมืองฝ่าย “ทักษิณ-เพื่อไทย” ครั้งยิ่งใหญ่อีกด้วย
ทดสอบแล้วก็สอบตก เพราะไม่ยอมนำการต่อสู้
คอยแต่จะประนีประนอมกับทหารภายใต้ข้ออ้างต่างๆ นาๆ
แต่สาเหตุจริงที่พวกทักษิณและนปช.ไม่ยอมต่อสู้
ไม่ใช่เพราะกลัวสงครามกลางเมืองและการนองเลือด หรือเพราะ “สู้ไม่ได้” แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการล้มอำมาตย์แบบถอนรากถอนโคนต่างหาก
มันอธิบายได้ง่ายเพราะทักษิณและพรรคพวกก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอำมาตย์ด้วย
เพียงแต่ว่าเขาทะเลาะกัน
เสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยและอยากมีศักดิ์ศรีและเสรีภาพควรเข้าใจตรงนี้
พวกเราชาว
“สังคมนิยมปฏิวัติ” ไม่ต้องการสงครามนองเลือดหรอก
เราไม่เห็นด้วยกับคนที่พูดด้วยความง่ายดายว่าควร “จับอาวุธสู้”
เพราะการต่อสู้แบบนั้นมันไม่มีวันชนะ
สงครามกลางเมืองอันโหดร้ายในซิเรียเป็นคำเตือนที่ดี
เราส่งเสริมการเคลื่อนไหวของมวลชนแทน แต่ต้องฉลาดในการเคลื่อนไหว
ต้องรู้ว่าพลังของคนชั้นล่างอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ไปนั่งแช่กลางถนนจนฝ่ายตรงข้ามปราบปราม
บทเรียนจากทั่วโลกในยุคต่างๆ สอนให้เรารู้ว่า “คนทำงาน”
มีพลังอันยิ่งใหญ่ถ้ารวมตัวกันได้
การนัดหยุดงานเป็นอาวุธสำคัญของมวลชน
แต่ก่อนที่เราจะใช้ได้ต้องมีการจัดตั้งทางการเมือง ซึ่งใช้เวลา
คนจำนวนมากในยุคนี้กำลังมองขึ้นข้างบน
มองหาฟ้า เพื่อหา “ผู้ใหญ่” ที่จะมาปลดแอกเรา ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ
เพื่อไทย เจ้าฟ้าชาย สหประชาชาติ หรือการตายของนายภูมิพล แต่คนที่มองขึ้นฟ้าตลอด
จะมองไม่เห็นทาง และจะเหยียบขี้บนทางเดินท่ามกลางการฝันถึงอัศวินม้าขาว
“เลี้ยวซ้ายปฏิวัติ” จะไม่เสนอตัวเป็น “อัศวินม้าขาว” ตัวใหม่เด็ดขาด
เราจะไม่โกหกปกปิดถึงความยากลำบากในการต่อสู้
แต่เราจะพยายามเสนอแนวทางการต่อสู้ที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะต้องอาศัยความกระตือรือร้น
การจัดตั้งทางการเมือง การศึกษาการเมือง และการทำงานลับใต้ดิน
เราเป็นเพียงโคมไฟเล็กๆ ที่จุดประกาย มันจะกลายเป็นกองไฟใหญ่ที่ลุกฮือทั่วประเทศได้ก็ต่อเมื่อพลเมืองจำนวนมากค่อยๆ
นำไปปฏิบัติ นำไปถกเถียง และนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง
ทางลัดสู่เสรีภาพไม่เคยมี
อย่าโกหกตนเองอีกต่อไปเลย
เสรีภาพของเราจะไม่มาจากการกระทำจากข้างบน มันจะไม่มาโดยอัตโนมัติถ้าเราแค่ใจเย็นรอ
มันต้องมาจากการขยันทำงาน และการจัดตั้งของเราเอง ในชุมชนต่างๆ ของประเทศไทย
เพื่อเตรียมตัวเคลื่อนไหวในทุกโอกาส
"การปฏิวัติ"
เป็นกระบวนการ สังคมที่เท่าเทียมหรือ "สังคมนิยม"
ที่เต็มไปด้วยประชาธิปไตย เป็นเป้าหมาย
และเราต้องพร้อมจะจับมือและร่วมมือกับคนที่อยากได้ประชาธิปไตยทุกคน
ไม่ว่าเขาจะมีมุมมองทางการเมืองอย่างไร แต่เราไม่จำเป็นต้องลดหรือ
"เบาลง" แนวการเมืองของเราเพื่อความสามัคคีจอมปลอม
ในเดือนต่อๆ
ไป จะมีการพยายามเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
เพื่อให้เพื่อนมิตรสหายนำไปคิด ภายใต้ความหวังว่าวันหนึ่งเราจะปฏิวัติสังคมได้
นี่คือสิ่งที่นักต่อสู้ในต่างประเทศขอมอบให้ท่านในปีใหม่นี้ เราทำแทนท่านไม่ได้
เราต้องสู้ร่วมกัน
--
Giles Ji Ungpakorn"เผด็จการเพื่อประเทศชาติ " พระราชดำรัส สุดอเมซิ่งของกษัตริย์ภูมิพล พูดไว้เมื่อ 14 ธันวา 2519 ..ขี้ข้าจึงนำมาพูดซ้ำในวันที่ 29 ธันวา 2557
เผด็จการเพื่อประเทศชาติ คือ คำพูดกษัตริย์ภูมิพล
พระราชดำรัส สุดอเมซิ่งของภูมิพล พูดไว้เมื่อ 14 ธันวา 2519
ขี้ข้าจึงนำมาพูดซ้ำในวันที่ 29 ธันวา 2557
...
"อีกด้านหนึ่งยากที่จะพูดเหมือนกัน แต่ว่าต้องพูด ว่ามีบทบาททางการเมือง
มิใช่ว่าทหารจะต้องไปเล่นการเมือง แต่หากว่าการเมืองมาเล่นทหาร
และเห็นได้ชัด อันนี้ก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับท่านทั้งหลายที่เป็นนายพล
เช่น หนังสือพิมพต่างประเทศเขียนไว้และเจาะจงว่า
นายพลไทยยึดอำนาจ นายพลไทยเป็นเผด็จการ ซึ่งถ้่าเป็นเช่นนั้นจริง
ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของท่านนายพลไทยไม่ใช่น้อย เพราะว่าถ้า #เผด็จการก็ต้องเผด็จให้ดี #เพราะว่านายพลไทยและทหารไทยทั้งหลาย ไม่เคยเผด็จการ
เพื่อให้เป็นเผด็จการแบบฝรั่ง #พยายามที่จะทำเพื่อประเทศชาติ"
พระราชดำรัส พระราชทานในพิธีประดับยศนายทหารชั้นนายพล
ณ พระที่นั่งบรมพิมาน วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2519
http://www.openbase.in.th/files/14122519.pdf
// Nadier
มิใช่ว่าทหารจะต้องไปเล่นการเมือง แต่หากว่าการเมืองมาเล่นทหาร
และเห็นได้ชัด อันนี้ก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับท่านทั้งหลายที่เป็นนายพล
เช่น หนังสือพิมพต่างประเทศเขียนไว้และเจาะจงว่า
นายพลไทยยึดอำนาจ นายพลไทยเป็นเผด็จการ ซึ่งถ้่าเป็นเช่นนั้นจริง
ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของท่านนายพลไทยไม่ใช่น้อย เพราะว่าถ้า #เผด็จการก็ต้องเผด็จให้ดี #เพราะว่านายพลไทยและทหารไทยทั้งหลาย ไม่เคยเผด็จการ
เพื่อให้เป็นเผด็จการแบบฝรั่ง #พยายามที่จะทำเพื่อประเทศชาติ"
พระราชดำรัส พระราชทานในพิธีประดับยศนายทหารชั้นนายพล
ณ พระที่นั่งบรมพิมาน วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2519
http://www.openbase.in.th/files/14122519.pdf
// Nadier
อัพเดทข่าวทั่วไทย ช่วงส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๗ ก่อนเข้าสู่ปีใหม่.๒๕๕๘..
-ศาลสมุยตัดสินคดีอบจ.สุราษฎร์ฯ-"เทือก"รอด
คลิกอ่าน - ศาลสมุยตัดสินคดีอบจ.สุราษฎร์ฯ-"เทือก"รอด
ข่าวสดออนไลน์
khaosod.co.th|โดย บริษัท ข่าวสด จำกัด, ในเครือบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
คลิกอ่าน -"พล.อ.ประยุทธ์" กับ 4 เจ้าสัว ลึกไม่ลับระหว่างมื้อ สู่คำมั่น "คสช.คอยดูแลอยู่
-ภาพปิด "ห้องลับ"-"เปิดใจ" ในการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง "บิ๊กตู่"-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จับมือ "4 เจ้าสัว" เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรสินค้าอุปโภค-บริโภคของเมืองไทย ทั้ง "เจ้าสัวแห่งอาณาจักรซีพี" ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)ทั้ง "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
ทั้ง "เวทิต โชควัฒนา" กรรมการและกรรมการบริหารกลุ่มสหพัฒน์ และ "ทศ จิราธิวัฒน์" ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล
คลิกอ่าน ครม.ไฟเขียวแจกเงินชุมชนละ 1 ล้านบาท-ทำกิจกรรมสร้างรายได้ช่วงหน้าแล้ง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง (เดือนพ.ย.-เม.ย.) วงเงิน 3,566.37 ล้านบาท จากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 2558 โดยมีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือชุมชนเกษตรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแล้ง ปี 2557/2558 ในพื้นที่ 3,456 ตำบล 68 จังหวัด ตามบัญชีรายชื่อพื้นที่คาดการณ์ความแห้งแล้งในพื้นที่เกษตร ปี 2558
-ฟังกัน เมื่อ "บิ๊กตู่" อวยพรปีใหม่กึ่งแซว บรรดานักข่าวสาวโสดประจำทำเนียบรัฐบาล (ชมคลิป)
คลิกอ่าน -"พล.อ.ประยุทธ์" กับ 4 เจ้าสัว ลึกไม่ลับระหว่างมื้อ สู่คำมั่น "คสช.คอยดูแลอยู่
-ภาพปิด "ห้องลับ"-"เปิดใจ" ในการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง "บิ๊กตู่"-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จับมือ "4 เจ้าสัว" เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรสินค้าอุปโภค-บริโภคของเมืองไทย ทั้ง "เจ้าสัวแห่งอาณาจักรซีพี" ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)ทั้ง "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
ทั้ง "เวทิต โชควัฒนา" กรรมการและกรรมการบริหารกลุ่มสหพัฒน์ และ "ทศ จิราธิวัฒน์" ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล
คลิกอ่าน ครม.ไฟเขียวแจกเงินชุมชนละ 1 ล้านบาท-ทำกิจกรรมสร้างรายได้ช่วงหน้าแล้ง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง (เดือนพ.ย.-เม.ย.) วงเงิน 3,566.37 ล้านบาท จากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 2558 โดยมีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือชุมชนเกษตรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแล้ง ปี 2557/2558 ในพื้นที่ 3,456 ตำบล 68 จังหวัด ตามบัญชีรายชื่อพื้นที่คาดการณ์ความแห้งแล้งในพื้นที่เกษตร ปี 2558
“..ผมได้พูดกับนายกฯลุงตู่ เป็นการส่วนตัวว่า เราออกมาแล้ว เราคงจะถอยไม่ได้จะต้อง เดินหน้าไป อย่างองอาจ และกล้าหาญ เดินหน้าไปอย่างสุภาพบุรุษ และเดินไปข้างหน้า อย่างที่เป็นคนไทยโดยสายเลือด และต้องเดินหน้าไปเพื่อลูกหลานของเรา
อีกทั้งเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะแสดงให้เห็นว่า พวกเราจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องของเราให้ทุกยากลำบากได้ ผมรู้ว่าทุกคนเหนื่อย และเหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น แต่ทุกคนเหนื่อยเพื่อชาติ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคนไทยทุกคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เราหายเหนื่อย และมีกำลังใจที่จะต่อสู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมใคร่ขอให้พี่น้องทหารเหล่าทัพต่างๆ ช่วยเป็นกำลังใจกับท่านนายกฯ และคณะรัฐบาล ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ฉะนั้นเราจึงเป็นมิตรกัน และเป็นเพื่อนร่วมตายกัน ก็ต้องช่วยดูแลซึ่งกันและกัน..”
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
รัฐบุรุษ และ ปธ.องคนมตรี
กล่าวอวยพร หัวหน้า คสช. และครม.
บ้านสี่เสา เทเวศร์
29 ธ.ค.57
ภาพให้จำ 'Threesome' สามคนนี้พวกเดียวกัน....
สองผู้/พี่ใหญ่ กับหนึ่งน้อง (น่า) รักหลักฐานที่ปฎิเสธไม่ได้ กับคำพูดต้องจาร ของผู้มากบารมี
"ถ้าพวกเราจำเหตุการณ์วันที่ ๒๒ พฤษภาคมได้ คงจะภูมิใจ คนในชาติภูมิใจมากที่นายกฯ ลุงตู่ยึดอำนาจการปกครองมาจากรัฐบาล...แสดงให้เห็นว่าทหาร กองทัพ รวมทั้งของเจี๊ยบด้วย ของป้อมด้วย ว่าเมื่อถึงคราวที่จำเป็น เราก็ต้องออกไปทำ..."
ก็คงหมายได้ว่าต่างร่วมกันทำ และต่อนี้ไปไม่ต้องแอบทำอีกต่อไป
สองผู้/พี่ใหญ่ กับหนึ่งน้อง (น่า) รักหลักฐานที่ปฎิเสธไม่ได้ กับคำพูดต้องจาร ของผู้มากบารมี
"ถ้าพวกเราจำเหตุการณ์วันที่ ๒๒ พฤษภาคมได้ คงจะภูมิใจ คนในชาติภูมิใจมากที่นายกฯ ลุงตู่ยึดอำนาจการปกครองมาจากรัฐบาล...แสดงให้เห็นว่าทหาร กองทัพ รวมทั้งของเจี๊ยบด้วย ของป้อมด้วย ว่าเมื่อถึงคราวที่จำเป็น เราก็ต้องออกไปทำ..."
ก็คงหมายได้ว่าต่างร่วมกันทำ และต่อนี้ไปไม่ต้องแอบทำอีกต่อไป
วาทะ ท่านประธานองคมนตรีพระองค์เปรม " ภูมิใจมาก ที่นายกรัฐมนตรี เข้าควบคุมอำนาจ" คำตอบที่ชัดเจน บอกให้ทุกคนรู้ว่าข้าคือผู้มีอำนาจ"ตัวจริงเสียงจริงสั่งการแทนพระองค์."..ประชาชนไทยทั้งหลายได้โปรดเข้าใจด้วย...จะได้ไม่หลงทาง
"ถ้าทุกคนจำเหตุการณ์วันที่ 22พฤษภาคมได้ ถือว่า คนในชาติจะภูมิใจมากที่ นายกรัฐมนตรี เข้าควบคุมอำนาจ ทำให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อย ไม่ต้องทะเลาะกัน วันนั้นเป็นวันที่แสดงให้เห็นว่า ทหาร กองทัพ เมื่อถึงคราวที่จำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมือง"
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ *...หน้ากากบอกยี่ห้อ...คนดี บังซ่อนความอัปรีย์.......ปิดไว้ ตอแหลอวดบารมี........ลวงโลก ที่สุดหน้ากากได้.........หลุดแล้วเผยโฉม *...ผ้าคลุมคลุมร่างคุ้ม..ผองมาร แต่ไม่คลุมสันดาน.......ที่ฟ้อง ภาพเลียเกือกเผด็จการ..เห็นหมด เวรเอย พวกรักชาติมันจ้อง.......แต่ล้มรัฐบาล*...หน้ากาก ของผู้ดี....ซ่อนหน้าผี เผด็จการ ผ้าคลุม คลุมร่างมาร..เหล่าผีร้าย ทำลายไทย คิดว่า ลวงโลกเชื่อ......ไอ้สากกะเบือ คิดได้ไง วันนี้ เขาไปถึงไหน......พวกจัญไร ไม่ลืมตา. |
จอบและเสียม.เตรียมยาตรา..บุกนคราหา”ประชาธิปไตย”....
ขุนเขาบอก :
บุกนคราหา”ประชาธิปไตย”....
ทางของหนู.หนูต้องเลีย..ทางของเอี้ย.เอี้ยต้องเดิน
มันหากิน.กันจนเพลิน..เงินทั้งนั้น.นะพี่น้อง
ทำปากอ้า.เดินขาถ่าง...พวกแอบอ้าง.ความปรองดอง
ทั้งหุ้นเงิน.ทั้งหุ้นทอง..ลงไปกอง.ทาบผืนดิน
ล่วงปีใหม่.ไปปีหน้า..คงแก้ผ้า.กันล่อนจ้อน
หมดทั้งทุน.หมดทั้งรอน..เพิ่มเงินผ่อน.สร้างหนี้สิน
ข้าวราดหน้า.ข้าวราดแกง..ราคาแพง.ทั้งแผ่นดิน
วันเริ่มต้น.ปฏิทิน..วันสิ้นเนื้อ.ประดาตัว
ลงข่าวมั่ว.ผัวยิงเมีย..ลงข่าวเสี่ย.ฆ่าตัวตาย
ลงข่าวข้าว.ไม่ได้ขาย..ลงข่าวร้าย.พวกนายหัว
โดนเสียบ้าง.ยางพารา..บรรพชา.พวกแย่งเมีย
ข่าวทหาร.ข่าวทะเอี้ย..ข่าวพวกเอี้ย.เลียเจ้านาย
ที่นี่คือ.ประเทศไท..ที่ใครๆ.ก็อยากมา
อัยการ”ศึกยังคา”...ประกาศกล้าท้ากฎหมาย
ประชาชน.ต้องก้มหน้า..ใครเงยหน้า.อาจถึงตาย
ความรุ่งเรือง.ใกล้ชิบอ๋าย..คนกับควาย.เท่าเทียมกัน
เทวดา.ยังไม่ตาย..แต่ซ้ำร้าย.กลายเป็นเทพ
เปรียบมนุษย์.เป็นขี้เล็บ..เหล่าทวยเทพ”เสพสุขสัน”
อิงพธู.อยู่บนสรวง..ประดุจดวง”สุริยัน”
มองมนุษย์.เข่นฆ่ากัน..กีฬามัน”เทวดา”
คงเป็นงง.กันละซี้..แต่ที่นี่คือ”ไทแลนด์”
กว่าจะได้.ลงคะแนน..เดินควงแขน.เข้าคูหา
คงต้องรบ.กันอีกยก..วนิพก.กับเทวา
จอบและเสียม.เตรียมยาตรา..บุกนคราหา”ประชาธิปไตย”....
จอบและเสียม.เตรียมยาตรา..บุกนคราหา”ประชาธิปไตย”....
บุกนคราหา”ประชาธิปไตย”....
ทางของหนู.หนูต้องเลีย..ทางของเอี้ย.เอี้ยต้องเดิน
มันหากิน.กันจนเพลิน..เงินทั้งนั้น.นะพี่น้อง
ทำปากอ้า.เดินขาถ่าง...พวกแอบอ้าง.ความปรองดอง
ทั้งหุ้นเงิน.ทั้งหุ้นทอง..ลงไปกอง.ทาบผืนดิน
ล่วงปีใหม่.ไปปีหน้า..คงแก้ผ้า.กันล่อนจ้อน
หมดทั้งทุน.หมดทั้งรอน..เพิ่มเงินผ่อน.สร้างหนี้สิน
ข้าวราดหน้า.ข้าวราดแกง..ราคาแพง.ทั้งแผ่นดิน
วันเริ่มต้น.ปฏิทิน..วันสิ้นเนื้อ.ประดาตัว
ลงข่าวมั่ว.ผัวยิงเมีย..ลงข่าวเสี่ย.ฆ่าตัวตาย
ลงข่าวข้าว.ไม่ได้ขาย..ลงข่าวร้าย.พวกนายหัว
โดนเสียบ้าง.ยางพารา..บรรพชา.พวกแย่งเมีย
ข่าวทหาร.ข่าวทะเอี้ย..ข่าวพวกเอี้ย.เลียเจ้านาย
ที่นี่คือ.ประเทศไท..ที่ใครๆ.ก็อยากมา
อัยการ”ศึกยังคา”...ประกาศกล้าท้ากฎหมาย
ประชาชน.ต้องก้มหน้า..ใครเงยหน้า.อาจถึงตาย
ความรุ่งเรือง.ใกล้ชิบอ๋าย..คนกับควาย.เท่าเทียมกัน
เทวดา.ยังไม่ตาย..แต่ซ้ำร้าย.กลายเป็นเทพ
เปรียบมนุษย์.เป็นขี้เล็บ..เหล่าทวยเทพ”เสพสุขสัน”
อิงพธู.อยู่บนสรวง..ประดุจดวง”สุริยัน”
มองมนุษย์.เข่นฆ่ากัน..กีฬามัน”เทวดา”
คงเป็นงง.กันละซี้..แต่ที่นี่คือ”ไทแลนด์”
กว่าจะได้.ลงคะแนน..เดินควงแขน.เข้าคูหา
คงต้องรบ.กันอีกยก..วนิพก.กับเทวา
จอบและเสียม.เตรียมยาตรา..บุกนคราหา”ประชาธิปไตย”....
ส.ค.ส.ปี ๒๕๕๘.."คสช " ส่งความสุขมอบแด่. ประชาชนไทยในกะลาแลนด์ทั้งประเทศและคนไทยที่อยู่นอกกะลาแลนด์ทั่วโลก......
Thaie News
มันเจ็บไหมหนอ ??? // เฟซบุ๊กไม่ร่วมวง กสทช. เรียกถกปมโพสต์หมิ่น บอกสั้น ๆ ไม่ว่าง
ไร้เงาตัวแทนเฟซบุ๊ก ! หลัง กสทช. เชิญร่วมวงถกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับประเด็นหาตัวคนโพสต์หมิ่นสถาบัน
วันนี้ (29 ธันวาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กสทช. ได้เชิญผู้แทนเฟซบุ๊กประเทศไทยเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต พร้อมหาแนวทางป้องกันและดำเนินการกับผู้โพสต์ข้อความหรือเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นสถาบัน เนื่องจากเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยทาง กสทช. หวังให้ผู้แทนเฟซบุ๊กประเทศไทยหารือกับบริษัทแม่ เพื่อหาวิธีทราบตัวผู้ใช้ที่โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. ที่เฟซบุ๊ก ภัทราพร ตั๊นงาม ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานว่า ผู้ให้บริการเฟซบุ๊กไม่มาและไม่ได้ส่งตัวแทนมาด้วย โดยให้เหตุผลว่าไม่ว่าง ส่วนในการประชุมครั้งนี้ มีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมาร่วมประชุมด้วย ซึ่งจะแถลงการณ์ประชุมประมาณ 15.00 น.
ต่อมา...
กสทช. ประกาศ ฟันเว็บ-เพจหมิ่นเบื้องสูง ให้หมดก่อน 31 ธ.ค.57 / ตำรวจ ยันตาม สะกดรอย 20 คนดัง โพสต์หมิ่น วอนปชช. ช่วยก๊อปปี้ส่งลิ้งค์เว็บ -เพจหมิ่นฯ ไปที่ report.nbtc@gmail.com เท่านั้น
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขา กสทช. เปิดเผย ภายหลังประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงาน กสทช., ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการอินเทอร์เน็ต (ISP) รายใหญ่ และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล นำโดย พล.ต.ท. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงาน กสทช. ได้สั่งการให้ ISP ทุกราย ดำเนินการตรวจสอบและทำการปิดหน้าเพจ และเว็บำซต์ ที่มีเนื้อที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และ หมิ่นสถาบัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ทันทีโดยไม่ต้องขออนุมัติหมายศาล โดยให้แจ้ง กสทช ทันทีhttps://www.facebook.com/phattraporn.tpbs/posts/873489429338852
måndag 29 december 2014
เปิดเผยให้เห็นระบอบศักดินาที่ล้าหลังของสังคมไทยภายใต้ระบอบเผด็จการภูมิพล
เปิดเผยให้เห็นระบอบศักดินาที่ล้าหลังของสังคมไทยภายใต้ระบอบเผด็จการภูมิพล
ข่าวลับที่กรองแล้ว ๑ ธ.ค. ๕๗ เปิดเผยให้เห็นระบอบศักดินาที่ล้าหลังของสังคมไทยภายใต้ระบอบเผด็จการภูมิพล ที่ประชาชนไทยต้องส่งส่วยให้แก่ครอบครัวของกษัตริย์ ...เมื่อภูมิพลและสิริกิตย์หมดสภาพไปแล้ว พวกลูกๆของกษัตริย์ก็แบ่งกันสืบทอดการขูดรีดของชาติและประชาชนสืบต่อไป ภายใต้ระบอบเผด็จการศักดินาที่ล้าหลังอย่างเดิม... อ่านบทความข้างล่างนี้จะมองเห็นการขูดรีดของพวกครอบครัวกาฝากที่ทำนาบนหลัง ประชาชนได้อย่างชัดเจน ...
ข่าวลับกรองแล้ว 1 ธ.ค. 57 " ศึกชิงบรรลังก์วังทอง "
ข่าวลับกรองแล้ว 1 ธันวาคม 2557
สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำใน ขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวีย โดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย ( สปท. ) http://thaiscandemo.blogspot.com/
*1 ธันวาคม วันก่อตั้ง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย 2 ธันวาคม วันก่อตั้ง สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ( สปป.ลาว. ) และ 5 ธันวา เห็นท่ากษัตริย์ไทยจะไปไม่รอด...
*เปิดหนังจริง "ศึกชิงบรรลังก์วังทอง" แล้ว
ตรงตามที่ สปท.
รายงานมาตลอดหลังจากที่วังจัดฉายแต่หนังตัวอย่างตัดต่อภาพมีแต่เฉพาะดารา
แสดง ทักษิณโดยถูกด่าว่าขาดคุณธรรมแต่ไม่มี
ดาราจากรอบรั้ววังแสดงบทที่ขาดแหว่งคุณธรรมเลย
แต่วันนี้ออกมาจนแน่นจอ*อย่า ได้ตำหนิ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ว่ารีดไถเป็นมาเฟียอ้างหาเงินส่งเจ้าเลยเพราะเป็นเรื่องจริงและไม่ได้เป็น เฉพาะคนแต่เป็นทั้งระบบราชการที่ขูดรีดประชาชนขึ้นมาตามลำดับ และส่งส่วยจนถึงวังสายใครสายมัน เพียงแต่วันนี้เกิดแตกกัน การกำจัดและยัดข้อหาก็เกิดขึ้น จับตรงใหนถูกตรงนั้น โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
*30-40 ปีก่อนใช้เครือข่ายระบบราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง รีดไถแล้วนำถวายส่วยขึ้นเบื้องบนแต่ระยะ 30 ปีหลังวังได้เพิ่มระบบรีดไถโดยตรงโดยลงมาเล่นเองอีกระบบหนึ่ง เช่นให้กระทรวงการคลังออกธนบัติที่ระลึกรีดไถประชาชนใบละ 60 บาท ขายใบละ 100 บาท (รีดไพร่คนยากคนจน),ใบละ 500 บาทกับใบ 1,000 บาทมีขนาดใหญ่เท่ากระดาษ A4 ขายใบละ 500,000 บาทและใบละ 1,000,000 บาท (รีดพ่อค้านายทุน) เพื่อระดมเงินขึ้นทูลเกล้า...ยังจำกันได้ใหมธนบัตรที่ระลึกที่ซื้อเก็บกันเพราะแต่ก่อนคนเรายังโง่?
*แบ่งสายออกรีดไถในรูปพระราชทานปริญญาบัตรเสด็จครั้งหนึ่ง อธิการต้องจัดหาเงินถวายครั้งละอย่างน้อย 1 ล้านบาท..ไม่ได้มีพระเมตตาไปแจกฟรีหรอกนะ..เงินนี้ก็เก็บเป็นรายหัวจากนักศึกษาหัวละ 1,000 บาท ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการรับปริญญาทุกมหาลัยต้องเก็บนักศึกษาหัวละ 5,000 บาทขึ้น
*อย่า พูดเลยว่าในครอบครัวอลเวง พระเทพ ฯ เป็นคนดีมีแต่ฟ้าชายเท่านั้นทีไม่ดี เรื่องเงินทั้งพ่อแม่ ลูกทั้งหญิงชาย หลานทุกคนชอบทั้งนั้น หากันควักหมด...ไอ้เรื่องพอเพียงเอาไว้หลอกไพร่กับพวกสลิ่มที่ยอมโง่เท่า นั้น...จะเปิดให้เป็นตัวอย่างเพื่อให้รู้ว่า สปท. มีแหล่งข่าวจริงเอาใหม?
*มหาลัยระดับท๊อปเทนเช่นจุฬา,ธรรมศาสตร์ มหิดล พระเทพฯ รับแจกและรับเงิน, ราชภัทร ฟ้าชาย รับทั้งหมดทั่วประเทศจำนวนมากทำเงินดีโดยเฉพาะเสี่ยกำหนดเลยว่า 1 นาทีต้องจัดให้นักศึกษาเข้ารับได้ 30-32 คน ( 1นาทีทำเงินได้ 30,000 บาท, ค่าแรงสูงกว่าอดีต ประธานาธิบดีคลินตัน เดินสายออกรายการเสียอีก ) ด้วยเหตุนี้อธิการราชภัทรพิษณุโลกนายสว่างจึงเป็นคนโปรดต้องตามเสด็จทุกภาค เพราะจัดได้ตามพระประสงค์ ดังนั้นรัฐประหารเมื่อครั้งปี 2549 ก็รับบำเหน็จรางวัลเป็น สนช., องค์เล็กจุฬาภร รับมหาวิทยาลัยประเภทเกษตรทั้งหมด, องค์โต ทูบีนำเบอร์วัน รับแจกให้มหาลัยเอกชนทั้งหมด, องค์โสม รับแจกให้มหาลัยพยาบาลทั้งหมด...และทุกคนอ้างเป็นตัวแทนภูมิพล..ที่สำคัญ เงินที่รับไม่ได้แจ้งเสียภาษีและไม่ต้องแสดงทรัพย์สิน... อย่างนี้เรียกว่ารีดไถใหม?
*ถ้ายังไม่ชัดตามมาดูอีก ทุกวันนี้ ทุกพระองค์ส่งสายลงไปหางานกับมวลชนเลย. วัดใหนอำเภอใหนศาลเจ้าใหนจะให้เปิดงานยกช่อฟ้าเปิดอาคารรวมทั้งไปเป็นประธานงานเผาศพบอกมาได้แต่คนจัดจะต้องถวายเงินต่ำสุด 500,000 บาท ขึ้นไปตามแต่ฐานันดรของผู้เสด็จมาโดยผู้ว่านายอำเภอในแต่ละพื้นที่ต้องรับ รู้และต้องรู้หน้าที่โดยจะหาเถ้าแก่ เถ้าแกเนี้ย อาซิ้มอาซ้อ ที่อยากมีรูปถ่ายกับพระองค์ไปรับพระราชทานเข็มพระนามย่อจากพระหัตถ์ ของใครของมันตามที่เราเห็นในข่าวสองทุ่มแต่ทุกคนที่ไปรับจากพระหัตถ์ต้อง จ่าย 20,000 บาท เป็นอย่างน้อย
*เอา อีกหน่อยไหม รายการซื้ออาวุธประมูลงานราชการต่างๆ ตอนหลังวังลงมาจัดเองรับคอมมิชชั่นเองดังนั้นราคาสินค้าแพงจากตลาดมากเท่าไร หนังสือพิมพ์เจาะอย่างไรก็ต้องหยุด เช่นซื้อเครื่องบินกริฟฟิ่นจากสวีเดน สมัยช่วงรอยต่อการยึดอำนาจปี 2549 พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นผบ.ทหารอากาศพอดีก็จัดถวายไปรับเงินเองเลยที่สวีเดน (จะเห็นช่วงนั้นเสด็จสวีเดนบ่อยสลับกันในครอบครัว) หลังเกษียณแล้ว พล.อ.อ.ชลิตจึงได้รับโปรดเกล้าบำเหน็จให้เป็นองคมนตรี
*เรื่อง มันยาว เอาแค่นี้ก่อนส่วนการขูดรีดในนามระบบธุรกิจ ในนามปูนซีเมนต์ไทย บริษัทผูกขาดผลิตกระดาษสยามคร๊าฟ กิจการธนาคาร หุ้นในบริษัทห้างร้านต่างๆรวมทั้งค่าเช่าทีดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์ที่มีอยู่ทุกจังหวัดอีกมากมายมีพูดถึงกันมากแล้ว...ก็อย่างนี้ จึงรวยที่สุดในโลก
*ราย ได้จากระบบผูกขาดธุรกิจก็มากมายมหาศาลอยู่แล้ว ยังมีรายได้จากการรีดไถถึงตัวอีกตั้งแต่ไถเยาวชนถึงคนแก่ ส่วยหวยใต้ดิน ของเถื่อน วิ่งตำแหน่งราชการ ประมูลงาน ดังนั้นถ้าไม่รวยที่สุดในโลกก็จะเป็นเรื่องแปลก..แต่ปัญหาพอจะตายนิซิ เป็นปัญหาว่าผลประโยชน์เหล่านี้ใครจะเข้ามารับต่อในนามรัชกาลที่10
*ยืนยันอีกครั้ง"ไม่มีหรอกขบวนการล้มเจ้า..มีแต่ขบวนการรอเจ้าล้ม"
*วันนี้ ขบวนการรอเจ้าล้มทั้งแดงทั้งเหลืองกำลังตาสว่างว่าความเน่าเฟะของวังเป็น เรื่องจริงเป็นเรื่องผลประโยชน์มหาศาลและเป็นเรื่องที่เขาทำตัวเอง,ใช้ ม.112 ปิดความเน่า ห้ามคนพูดห้ามคนคิด ปิดหูปิดตาก็เอาไม่อยู่เพราะเน่าส่งกลิ่นคลุ้งจน"เจ้าจริง" ต้องเปิด "เจ้าเจี้ยว" ศรีรัศม์แม่ของลูก
*รายละเอียดเรื่องปราบปรามแก๊งพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์คงทราบกันมากแล้วไม่ต้องพูดถึง, สปท.ขออัพเดท "ข่าวลับกรองแล้ว" ให้รู้กันทั่วไปแบบไม่มั่ว,เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเรื่องปราบมาเฟียในเครื่องแบบกลุ่มพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พระญาติหม่อมศรีรัศม์ี เพราะประธานมาเฟียใหญ่คือกษัตริย์ภูมิพลที่สร้างเครือข่ายรีดไถประชาชนมานานแล้วเพียงแต่วันนี้เกิดจาก 2 ปัจจัย 1.เสี่ย หมั่นใส้หม่อมศรีรัศม์มานานแล้วที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเสี่ยชนิดที่ขัด ใจเสี่ยจะหาความสุขกับหม่อมเล็กหม่อมน้อยตามอัทธยาศรัยโดยเฉพาะตามไปราวีตบ ตีหม่อมใหม่พลตรีสุทิตา วชิราลงกรณ์ ที่กำลังหลงไหลถึงมิวนิค, เสี่ยเคยบอกกับหม่อมศรีรัศม์ีหลายครั้งนานแล้วว่า "ตั้งได้ก็ปลดได้" แต่เธอไม่เชื่อเพราะถือว่าเป็นวรชายาและมีทีปังตอเป็นตัวประกัน 2. เรื่องหม่อมหยอยเป็นปัญหาที่ องคมนตรีและน้องทอมถ่าง และน้องถั่วปากอ้าและบรรดาขุนทหารอึดอัดที่จะกราบพระราชินีรัชกาลที่ 10 หอยเหม็น,จึงสบโอกาสจัดการแบบม้วนเดียวจบเพื่อให้การขึ้นรัชกาลที่10 ราบรื่น...แต่สปท.ขอยืนยันว่ามันจะไม่จบตามที่กองเชียร์ฟ้าชายมโน เพราะนี้คือการนับถอยหลังของการพังทะลายของราชวงศ์จักรีและยืนยันว่าจะต้อง มีเสียงปืนดังในวังแน่นอนเพียงแต่ใครจะเป็นศพและการกวาดล้างและการ ปราบดาภิเษกจะเกิดขึ้น,การยัดข้อหาที่ร้ายแรงกว่าที่กระทำกับเครือญาติศรีรัศม์ีวันนี้จะเกิดขึ้นอีกและแรงกว่านี้อย่างแน่นอน
*การ กำจัดเครือข่ายศรีรัศม์อย่างรวดเร็วรุนแรงและเหี้ยมโหด อย่าพึ่งคิดว่าจะจบง่ายเพราะหม่อมศรีรัศม์ได้กลายเป็นเลือดในราชวงศ์จักรี ที่เธอได้เล่นบทเชื้อพระวงศ์ตามที่คณะลิเกจักรีวงศ์ใช้คุกตะรางอำนาจ ม.112 กดคอคนให้ต้องเคารพเชื้อพระวงศ์และหลอกลวงประชาชนทางวัฒนธรรมไว้ว่า ทุกคุณที่เป็นเจ้าล้วนแต่เป็นผู้มีบุญบารมีแต่ชาติปางก่อนถึงขนาด วิกิพีเดียต้องระบุคำนำหน้าชื่อพ่อแม่ของหม่อมศรีรัศมี์ว่า "พระบิดาชื่ออภิรุจ อัครพงศ์ปรีชา,พระมารดาชื่อ วันทนีย์ อัครพงศ์ปรีชา" และ ชาวสมุทรสาครรายงานว่าอาชีพเก่าของพระบิดาเป็นคนถีบสามล้อแต่การดำเนินชีวิต ประจำวันวันนี้ก็กลายเป็นเจ้าทุกกระเบียดนิ้วไปแล้ว แม้กระทั่งไปตัดผมก็ต้องมีตำรวจตามไปรักษาความปลอดภัยและขี้ข้าตามไปเก็บพระ เกศากลับวังจะไม่ยอมปล่อยให้ช่างตัดผมใช้ไม้กวาดกวาดพระเกศาลงถังขยะโดยเด็ด ขาด..ก็พระบิดาพระมารดาของเธอยังขนาดนี้แล้วพระลูกยาเธอจะขนาดใหน, แล้วอยู่ ๆจะให้พระวรชายา พระมารดา พระเจ้าหลานเธอทีปังตอยอมง่ายๆเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอก็กุมข้อมูลไว้ไม่น้อย,วันนี้ แม้จะรีบตัดมือตัดตีนของเธอแต่เธอได้กลายเป็นเลือดของราชวงศ์และเมื่อสุดหน ทาง เลือดก็จะกลายเป็นพิษในร่างกายถ่ายออกให้หมดได้ยาก, เพียง แต่เธอขอลี้ภัยในต่างประเทศและประทานสัมภาษณ์ราชวงศ์ก็ฉิบหายแล้ว. แต่บทโหดที่จะเกิดขึ้นยังมีอีกที่แต่ละฝ่ายจะต้องนอนผวาเพราะจะมีบ่างซ้อน แผนใช้ศรีรัศมี์เป็นเครื่องมือทำลายเสี่ยตลบหลังพร้อมป้ายสี...โปรดติดตามตา อย่ากระพริบ
*ล่าสุดเสี่ยได้ถอดยศถอดตำแหน่งญาตหม่อมศรีรัศมี์และจับเข้าคุกหมดพร้อมให้ถอดนามสกุลพระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา" ให้กลับไปใช้สกุลเก่าที่ไพเราะแบบภูมิปัญญาชาวบ้านว่า "เกิดอำแพง" เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องเดาให้ลำบากว่าเสี่ยจะจัดการหย่าหรือไม่,ไม่ ต้องถามเพราะจัดการเด็ดขาดแน่เพียงแต่จะเอาแม่ของทีปังตอติดตะรางหรือไม่ เท่านั้นเพราะขณะนี้พระบิดาและพระมารดาของเธอหลบตายออกต่างประเทศแล้ว
*งานตัดมือตัดตีนศรีรัศมี์ครั้งนี้ได้เปิดเผยระบบยุติธรรมไทย,ศาล ไทยด้วยตัวเองว่าเป็นระบบยุติธรรมตามสั่ง และศาลตามสั่ง ดังนั้นกระบวนยุติธรรมและศาลที่จัดการทักษิณและกำลังจะจัดการยิ่งลักษณ์จึง เป็น "ยุติธรรมตามสั่งของวัง"...ชัดดี..ยุติธรรมตามใจฉัน
*ตี 4 วันที่ 24 สมยศ พุ่มพันมั่ว ผบ.ตำรวจถูกเรียกมาออกคำสั่งย้าย,พอ ฟ้าสางศาลก็ออกหมายจับให้ทันทีทั้งๆที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายตำรวจชั้น ผู้ใหญ่ไม่ได้มีพฤติกรรมก่อจราจลปิดกรุงเทพให้ใครเดือดร้อนและไม่มีเหตุอัน กลัวได้ว่าจะหลบหนี ศาลก็ออกหมายจับตามสั่งได้ทันที, เมื่อ เปรียบเทียบกับแกนนำกปปส. ที่ก่อจราจลปิดกรุงเทพคนเดือดร้อนไปทั่วเพื่อจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่พอ ตำรวจในขณะนั้นขอศาลออกหมายจับ ศาลดันมีเหตุผลไม่ยอมออกให้ดันแสดงตัวเป็นผู้บูชาสิทธิมนุษยชน แต่ความจริงก็คือตามสั่งวังสายเทพถ่างบ่างเปรมที่หนุนสุเทพเดินเครื่องปิด กรุงเทพเองในขณะนั้น
*วัน ต่อมาเพียงวันเดียวก็มีคำสั่งปลดคณะนายตำรวจ ทหารญาติศรีรัศมี์ทุกตำแหน่งยึดทรัพย์ทันทีโดยไม่ต้องมีหมายและศาลยังไม่ทัน ได้รับฟ้องแล้วก็จัดการฆ่า พตอ.อัครวุฒิ์ โดยจับโยนตึกในค่ายทหาร แล้ววันต่อมาก็จัดเผาทำลายหลักฐานทันที...ทำกันอย่างไม่เกรงใจพระเจ้าหลาน เธอพระองค์ภาที่ทรงปฏิบัติหน้าที่ดูแลด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยในฐานะ ฑูตประจจำสหประชาชาติเลย...ตอแหลกันทั้งนั้น
สิ่งที่จะต้องจับตาใกล้ชิด อย่าพึ่งคิดว่าหนังจะจบง่ายด้วยการที่ฟ้าชายขึ้นเป็นรัชกาลที่ 10 เพราะฤทธิเดชของระบอบอำมาตย์แผลงฤทธิ์มานานนับแต่ต้นราชวงศ์อยุธยามาแล้ว. และฤทธิ์เดชเฒ่าเปรมก็ไม่ใช่ย่อย คอยดูวันตลบหลัง 555 แล้วพบกันใหม่/ จบ
ปีศาจแห่งยุคที่คอยหลอกหลอนคนไทยและประเทศไทยมาเป็นเวลา ๖๘ ปี เจ้าของระบอบเผด็จการกษัตริย์ทรราช ภายใต้การปกครองระบอบกษัตริย์เผด็จการนี้ รัฐธรรมนูญได้ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว ถึง ๑๘ ฉบับโดยการยึดอำนาจของทหารที่่ทำตามคำสั่งของ กษัตริย์ผู้เกลียดชังระบอบประชาธิปไตย ๖๘ ปี ที่ประชาชนชาวไทยได้ทำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกันของมนุษย์ชาติ แต่ได้ถูกพวกศักดินาและลูกสมุนบริวารทำการขัดขวางมาโดยตลอด จนถึงวันนี้ ซึ่งจวนจะสิ้นปี ๒๕๕๗ แล้วประเทศไทยและประชาชนชาวไทยยังถูกกดขี่ ห่มเหงอยู่ภายใต้ท๊อปบู้ชของระบอบเผด็จการกษัตริย์ปีศาจ ที่พวกข้าทาสบริวารเอามาหลอกลวง ประชาชนชาวไทยอีกเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา ถ้าตราบใดประเทศไทยยังปกครองอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการของปีศาจอำมหิตจอมลวงโลกนี้แล้ว ประเทศไทยจะกลายเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจในเอเชียโดยไม่รู้ตัว เพราะพวกอำมาตย์ที่คุมอำนาจตัวจริงกำลังขายประเทศให้แก่ประเทศมหาอำนาจเพื่อเอาตัวรอด จึงขอฝากมายังพี่น้องชาวไทยทั้งหลายที่รักชาติและรักประชาธิปไตยจงรวมกันลุกขึ้นโค่นล้มระบอบเผด็จการอันเลวร้ายนี้ลงก่อนที่จะสายเกินไป...
ใครคือจำเลย? "ระวังคดีนี้จะจบแบบหักมุม" กาลเวลาเท่านั้นจะทำหน้าที่พิสูจน์ความจริง! แต่...ที่แน่ๆ คือ...การใช้กลยุทธ์ "ขี้ราดโทษร่อง" คงไม่ประสบผล
ไพรัช วรปาณิ : ขำกลิ้งกับบท...′ขี้ราดโทษร่อง′
วันก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านข้อเขียนอันเฉียบคม เปี่ยมด้วยสาระของ "แม่ลูกจันทร์" ที่เขียนด้วยสำนวนแดกดันเชิงวิเคราะห์ตามสไตล์ว่า...
"นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.คนดัง ออกมาเปิดเผยประเด็นร้อนๆ ให้ลวกปากลวกคอตัวเองเล่นแก้เซ็ง
นายสมชัยเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เตรียมยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่มีส่วนทำให้การเลือกตั้งใหญ่ (2 ก.พ.57) ต้องล้มกลางคัน
เพื่อไม่ให้เงินภาษีประชาชนที่ใช้จัดเลือกตั้งสามพันล้านบาทต้องสูญฟรี ฯลฯ แต่...แต่ระวังคดีนี้จะจบแบบหักมุม?
หักมุมให้โจทก์กลายเป็นจำเลย?
..ด้วยเหตุผล..กกต.เป็นองค์กรอิสระ ไม่อยู่ภายใต้บังคับของรัฐบาล ถ้า กกต.ไม่ยอมจัดเลือกตั้ง รัฐบาลย่อมไม่สามารถสั่งให้ กกต.จัดเลือกตั้งตามอำเภอใจ แต่ข้อเท็จจริงคือ กกต.มีมติยืนยันจัดการเลือกตั้งตามกำหนดเดิม และเลือกตั้งก็เสร็จไปแล้ว 85 เปอร์เซ็นต์
โดยมีผู้ไปใช้สิทธิกว่า 20 ล้าน แสดงว่าการเลือกตั้ง 20 ก.พ.57 อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.เต็มเปา อีกทั้ง กกต.รู้ล่วงหน้าว่าจะมีม็อบไปขัดขวาง แต่กลับไม่ขอกำลังทหารตำรวจไปดูแล
นี่จึงเป็นความผิดพลาดบกพร่องของ กกต.เพิ่มอีกกระทง
"แม่ลูกจันทร์" เสริมต่อไปว่า มีหลักฐานเป็นคำแถลงการณ์ของนายศุภชัย สมเจริญ ปธ.กกต. ขอบคุณประชาชนที่ไปเลือกตั้ง (2 ก.พ.57) ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนน 89.813 หน่วย หรือคิดเป็น 89.2 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ
แถม กกต.ยังเบิกงบเลือกตั้งไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
ถามว่านายสมชัยควรฟ้องเรียกค่าเสียหายจากใคร?
ตอบว่านายสมชัยต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตัวเอง?
เพราะว่านายสมชัยเป็น กกต.ฝ่ายจัดเลือกตั้งโดยตรง
การนี้ส่งผลให้นักกฎหมายมึนเป็นไก่ตาแตก และเกิดประเด็นปัญหาต่อไปว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายสมชัยเป็น กกต.ฝ่ายจัดเลือกตั้งโดยตรง มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดแจ้ง ดังนี้...
ทำให้ผู้คนในสังคมพากันอยากถามฝ่ายอัยการผู้เป็นทนายแผ่นดินว่า แท้จริงแล้วนายสมชัยและคณะ กกต.จะมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 หรือไม่?บางคนเห็นว่ากรณีเป็นประเด็นปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย น่าจะเป็นหน้าที่ของศาลสถิตยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดหากเกิดเป็นคดีขึ้นมา
ทว่าหากมองในแง่มุมของ "หลักกฎหมาย" ผู้เขียนเห็นว่าสมควรนำเอาแนวฎีกาเก่ามาศึกษาเทียบเคียงประกอบการพิจารณาในเชิงวิชาการ เพื่อเป็นความรู้และอาจตอบโจทย์ข้อสงสัยในบางประเด็น ของผู้คนในสังคมดังกล่าวข้างต้น
อาทิ ฎีกาที่ 3215/2538 "แม้จำเลยเป็นปลัดอำเภอ ไม่มีหน้าที่ในการตรวจรับมอบงานเพราะมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับการจ้าง แต่เมื่อนายอำเภอได้แต่งตั้งให้จำเลยทำการตรวจผลงานดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ต้องตรวจสอบผลงานตามที่ได้รับมอบหมาย แล้วรายงานให้นายอำเภอทราบ การที่จำเลยทำรายงานเท็จจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้นายอำเภอได้รับความเสียหายอันเป็นความผิดตาม ป.อ.157" และ
ตัวอย่างฎีกาที่ 999/2527 "จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ในกรณีที่มีผู้กระทำผิดซึ่งหน้า แม้ในที่รโหฐาน จำเลยก็มีอำนาจจับได้โดยไม่ต้องมีทั้งหมายจับและหมายค้น ดังนั้น การที่จำเลยเข้าไปในห้องเล่นการพนัน พบผู้เล่นการพนันเอาทรัพย์สินแล้วไม่ทำการจับกุม ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการกรมตำรวจ ผิดตาม 157"
อย่างไรก็ตาม นัยยะสำคัญของมาตรา 157 ใน ป.อาญาดังกล่าว ผู้กระทำผิดต้องเป็นเจ้าพนักงานแล้วยังต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นเองโดยตรงอีกด้วย ถ้าเป็นการกระทำนอกหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้น ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 นี้
การจะเข้าองค์ประกอบความผิดมาตรานี้ ต้องแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 2 กรณี กล่าวคือ กรณีแรกต้องเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และกรณีที่สองเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และที่สำคัญองค์ประกอบของการเป็นเจ้าพนักงานนั้นจะต้องเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นกฎหมายเฉพาะหรือกฎหมายทั่วไปให้เป็นเจ้าพนักงาน
ดังนั้น ข้อคิดเห็นของแม่ลูกจันทร์ที่เขียนเตือนว่า "ระวังคดีนี้จะจบแบบหักมุม" จึงแหลมคมและมีนัยยะอันจักต้องติดตามอย่างไม่กะพริบตาดู ว่าในที่สุดใครจะเป็นผู้รับผิดชอบที่ผลาญเงินภาษีของประชาชนสามพันล้านแต่...ที่แน่ๆ คือ...การใช้กลยุทธ์ "ขี้ราดโทษร่อง" คงไม่ประสบผล
สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสไว้ว่า "ทุกอย่างในเรื่องการประพฤติปฏิบัติได้สอนไว้แล้ว แต่ปวงเราทั้งหลายยังไม่ได้ปฏิบัติกัน หรือไม่ก็ปฏิบัติแต่ปากเท่านั้น หลักของพระพุทธศาสนานั้นไม่ใช่การจะมาพูดกันเฉยๆ หรือการคิดเอาเอง สิ่งที่แท้จริงคือความรู้เท่าความจริงนั่นเอง ถ้ารู้เท่าตามความเป็นจริงนี้แล้ว การสอนก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้ แม้จะฟังคำสอนเท่าใดก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง
สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เราสมมุติขึ้นมาเองทั้งสิ้น มันเป็นทิฐิ มันเป็นมานะ" (จาก "สมบัติธรรม" ของ ดร.สมัคร เจียมบุรเศรษฐ์)
ท้ายสุดแล้ว...งานนี้ "จะหักมุมตอนจบ" สะใจคอการเมืองตามบทวิเคราะห์ของ "แม่ลูกจันทร์" หรือไม่?กาลเวลาเท่านั้นจะทำหน้าที่พิสูจน์ความจริง!
ไพรัช วรปาณิ
เนติบัณฑิตไทย
(ที่มา:มติชนรายวัน 29 ธันวาคม 2557)
วันก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านข้อเขียนอันเฉียบคม เปี่ยมด้วยสาระของ "แม่ลูกจันทร์" ที่เขียนด้วยสำนวนแดกดันเชิงวิเคราะห์ตามสไตล์ว่า...
"นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.คนดัง ออกมาเปิดเผยประเด็นร้อนๆ ให้ลวกปากลวกคอตัวเองเล่นแก้เซ็ง
นายสมชัยเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เตรียมยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่มีส่วนทำให้การเลือกตั้งใหญ่ (2 ก.พ.57) ต้องล้มกลางคัน
เพื่อไม่ให้เงินภาษีประชาชนที่ใช้จัดเลือกตั้งสามพันล้านบาทต้องสูญฟรี ฯลฯ แต่...แต่ระวังคดีนี้จะจบแบบหักมุม?
หักมุมให้โจทก์กลายเป็นจำเลย?
..ด้วยเหตุผล..กกต.เป็นองค์กรอิสระ ไม่อยู่ภายใต้บังคับของรัฐบาล ถ้า กกต.ไม่ยอมจัดเลือกตั้ง รัฐบาลย่อมไม่สามารถสั่งให้ กกต.จัดเลือกตั้งตามอำเภอใจ แต่ข้อเท็จจริงคือ กกต.มีมติยืนยันจัดการเลือกตั้งตามกำหนดเดิม และเลือกตั้งก็เสร็จไปแล้ว 85 เปอร์เซ็นต์
โดยมีผู้ไปใช้สิทธิกว่า 20 ล้าน แสดงว่าการเลือกตั้ง 20 ก.พ.57 อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.เต็มเปา อีกทั้ง กกต.รู้ล่วงหน้าว่าจะมีม็อบไปขัดขวาง แต่กลับไม่ขอกำลังทหารตำรวจไปดูแล
นี่จึงเป็นความผิดพลาดบกพร่องของ กกต.เพิ่มอีกกระทง
"แม่ลูกจันทร์" เสริมต่อไปว่า มีหลักฐานเป็นคำแถลงการณ์ของนายศุภชัย สมเจริญ ปธ.กกต. ขอบคุณประชาชนที่ไปเลือกตั้ง (2 ก.พ.57) ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนน 89.813 หน่วย หรือคิดเป็น 89.2 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ
แถม กกต.ยังเบิกงบเลือกตั้งไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
ถามว่านายสมชัยควรฟ้องเรียกค่าเสียหายจากใคร?
ตอบว่านายสมชัยต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตัวเอง?
เพราะว่านายสมชัยเป็น กกต.ฝ่ายจัดเลือกตั้งโดยตรง
การนี้ส่งผลให้นักกฎหมายมึนเป็นไก่ตาแตก และเกิดประเด็นปัญหาต่อไปว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายสมชัยเป็น กกต.ฝ่ายจัดเลือกตั้งโดยตรง มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดแจ้ง ดังนี้...
ทำให้ผู้คนในสังคมพากันอยากถามฝ่ายอัยการผู้เป็นทนายแผ่นดินว่า แท้จริงแล้วนายสมชัยและคณะ กกต.จะมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 หรือไม่?บางคนเห็นว่ากรณีเป็นประเด็นปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย น่าจะเป็นหน้าที่ของศาลสถิตยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดหากเกิดเป็นคดีขึ้นมา
ทว่าหากมองในแง่มุมของ "หลักกฎหมาย" ผู้เขียนเห็นว่าสมควรนำเอาแนวฎีกาเก่ามาศึกษาเทียบเคียงประกอบการพิจารณาในเชิงวิชาการ เพื่อเป็นความรู้และอาจตอบโจทย์ข้อสงสัยในบางประเด็น ของผู้คนในสังคมดังกล่าวข้างต้น
อาทิ ฎีกาที่ 3215/2538 "แม้จำเลยเป็นปลัดอำเภอ ไม่มีหน้าที่ในการตรวจรับมอบงานเพราะมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับการจ้าง แต่เมื่อนายอำเภอได้แต่งตั้งให้จำเลยทำการตรวจผลงานดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ต้องตรวจสอบผลงานตามที่ได้รับมอบหมาย แล้วรายงานให้นายอำเภอทราบ การที่จำเลยทำรายงานเท็จจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้นายอำเภอได้รับความเสียหายอันเป็นความผิดตาม ป.อ.157" และ
ตัวอย่างฎีกาที่ 999/2527 "จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ในกรณีที่มีผู้กระทำผิดซึ่งหน้า แม้ในที่รโหฐาน จำเลยก็มีอำนาจจับได้โดยไม่ต้องมีทั้งหมายจับและหมายค้น ดังนั้น การที่จำเลยเข้าไปในห้องเล่นการพนัน พบผู้เล่นการพนันเอาทรัพย์สินแล้วไม่ทำการจับกุม ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการกรมตำรวจ ผิดตาม 157"
อย่างไรก็ตาม นัยยะสำคัญของมาตรา 157 ใน ป.อาญาดังกล่าว ผู้กระทำผิดต้องเป็นเจ้าพนักงานแล้วยังต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นเองโดยตรงอีกด้วย ถ้าเป็นการกระทำนอกหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้น ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 นี้
การจะเข้าองค์ประกอบความผิดมาตรานี้ ต้องแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 2 กรณี กล่าวคือ กรณีแรกต้องเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และกรณีที่สองเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และที่สำคัญองค์ประกอบของการเป็นเจ้าพนักงานนั้นจะต้องเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นกฎหมายเฉพาะหรือกฎหมายทั่วไปให้เป็นเจ้าพนักงาน
ดังนั้น ข้อคิดเห็นของแม่ลูกจันทร์ที่เขียนเตือนว่า "ระวังคดีนี้จะจบแบบหักมุม" จึงแหลมคมและมีนัยยะอันจักต้องติดตามอย่างไม่กะพริบตาดู ว่าในที่สุดใครจะเป็นผู้รับผิดชอบที่ผลาญเงินภาษีของประชาชนสามพันล้านแต่...ที่แน่ๆ คือ...การใช้กลยุทธ์ "ขี้ราดโทษร่อง" คงไม่ประสบผล
สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสไว้ว่า "ทุกอย่างในเรื่องการประพฤติปฏิบัติได้สอนไว้แล้ว แต่ปวงเราทั้งหลายยังไม่ได้ปฏิบัติกัน หรือไม่ก็ปฏิบัติแต่ปากเท่านั้น หลักของพระพุทธศาสนานั้นไม่ใช่การจะมาพูดกันเฉยๆ หรือการคิดเอาเอง สิ่งที่แท้จริงคือความรู้เท่าความจริงนั่นเอง ถ้ารู้เท่าตามความเป็นจริงนี้แล้ว การสอนก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้ แม้จะฟังคำสอนเท่าใดก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง
สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เราสมมุติขึ้นมาเองทั้งสิ้น มันเป็นทิฐิ มันเป็นมานะ" (จาก "สมบัติธรรม" ของ ดร.สมัคร เจียมบุรเศรษฐ์)
ท้ายสุดแล้ว...งานนี้ "จะหักมุมตอนจบ" สะใจคอการเมืองตามบทวิเคราะห์ของ "แม่ลูกจันทร์" หรือไม่?กาลเวลาเท่านั้นจะทำหน้าที่พิสูจน์ความจริง!
ไพรัช วรปาณิ
เนติบัณฑิตไทย
(ที่มา:มติชนรายวัน 29 ธันวาคม 2557)
Prenumerera på:
Inlägg (Atom)