söndag 28 december 2014

หลักคิดเศรษฐกิจพอเพียง กับ ความร่ำรวย “กษัตริย์ภูมิพล”


คลิก http://thaivoicemedia.com
หลักคิดเศรษฐกิจพอเพียง กับ ความร่ำรวย “กษัตริย์ภูมิพล”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงขึ้นครองราชย์ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2489



-ชีวิตเจ้าชายไทย“วชิราลงกรณ์”เตรียมพระองค์สู่การเป็น กษัตริย์รัชกาลที่ 10 (ตอนจบ)
 คลิก-http://thaivoicemedia.com
Fri, 12/26/2014 - 22:08 jom




แหล่งข่าวระดับสูงซึ่งเป็นสมาชิกของราชวงศ์ไทย เปิดเผย Thaivoicemedia เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ว่า หลังจากที่ญาติและผู้ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ถูกดำเนินคดีในข้อหาแอบอ้างสถาบัน ฉ้อโกง หลอกลวงผู้อื่นเพื่อแสงหาผลประโยชน์แล้ว สมเด็จพระบรมฯ ได้นำความเรื่องนี้ขึ้นกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ ร.พ.ศิริราช เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมงโดยทั้งสองพระองค์ทรงเห็นว่า แม้ว่าญาติใกล้ชิดของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ จะกระทำความผิดที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสถาบัน แต่เนื่องจาก ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ได้เสียสละเพื่อช่วยเหลือสถาบันฯไว้อย่างจึงให้อยู่ในฐานะที่เหมาะสมโดยได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี และให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไว้ด้วย นอกจากนั้นแล้วยังทรงมีการหารือถึงเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ของสมเด็จพระบรมฯเองด้วย

แหล่งข่าวระดับสูงยังกล่าวด้วยว่า ค่อนข้างชัดเจนด้วยเช่นกันว่า การจะสถาปนา สมเด็จพระบรมฯ ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 นั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จสวรรคตเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามราชประเพณี และหากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่มีพระราชพิธีราชาภิเษก แต่ สมเด็จพระบรมฯ ก็จะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์โดยอัติโนมัติ แต่หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะทรงสละราชทรัพย์ก่อนก็ย่อมกระทำได้เช่นกัน

“สมเด็จพระบรมฯทรงเตรียมพระองค์มาโดยตลอดกับการขึ้นเป็น กษัตริย์รัชกาลที่ 10 ของราชวงศ์จักรี ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไรกับ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ แต่อาจจะมีบางคน บางกลุ่มในหมู่ราชนิกูลด้วยกัน หรือ กลุ่มองคมนตรีบางคนบางกลุ่ม หรือ อดีตนายกรัฐมนตรีบางคนที่อาจไม่พอใจ รวมทั้ง กลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่ให้การสนับสนุนสมเด็จพระเทพฯ ขึ้น ซึ่งความคิดหรือความต้องการนี้ได้มีการดำเนินการมานานแล้ว ทั้งได้กราบบังคมทูลให้ สมเด็จพระเทพฯ ทรงทำหน้าที่เป็นพระอาจารย์สอนโรงเรียนนายทหารระดับสูง เช่น ร.ร.นายร้อย จปร. และทรงควบคุมทหารเสือราชินี แต่เชื่อว่า ความพยายามนี้คงไม่มีผลอะไร เพราะเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้สถาปนาให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเป็น “มกุฎราชกุมาร” ซึ่งมีฐานะเท่ากับเป็นอันดับสองรองจากพระมหากษัตริย์ มีพระมหามงกุฏเช่นเดียวกันกับพระมหากษัตริย์ และจะเห็นว่า ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร ไม่อาจปฎิบัติพระราชกรณียกิจได้ สมเด็จพระบรมฯ ทรงทำหน้าที่แทนทั้งหมด ทรงเป็นเหมือนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่แล้วขณะนี้ จึงไม่จำเป็นที่จะแต่งตั้งใครเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เหมือนที่มีข่าวว่าจะให้มีการแต่งตั้ง ประธานองคมนตรี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อันนี้ทำไม่ได้ เพราะ สมเด็จพระบรมฯ ทรงทำหน้าที่ได้อยู่และทรงทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว” แหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนักกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสัญญาณอะไรหรือไม่ว่า สมเด็จพระเทพฯมีพระประสงค์ที่จะขึ้นครองราชย์แทนพี่ชาย แหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนักไทย กล่าวว่า ไม่มีสัญญาณอะไรออกมาอย่างชัดเจนแต่อาจจะมีแรงสนับสนุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด ที่คอยถวายคำปรึกษา หรือบุคคลใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ อยู่บ้าง อย่างไรก็ตามระยะหลังในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จฯประทับที่ รพ.ศิริราช ไม่ค่อยเห็น สมเด็จพระเทพฯ สมเด็จพระบรม หรือสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงทุกพระองค์เข้าเฝ้าพร้อมกันสัก โดยเฉพาะ สมเด็จพระเทพฯ กับ สมเด็จพระบรม ตอนหลังไม่ค่อยเห็น

“ประเทศไทยในขณะนี้ ไม่ต้องพูดถึงการมีผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์ เพราะราชวงศ์จักรีมี สยามมกุฎราชกุมาร และพระราชกรณียกิจที่พระมหากษัตริย์ไทยต้องปฎิบัติตามโบราณราชประเพณีนั้นล้วนกำหนดให้ พระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้ชายกระทำเท่านั้น เช่นการถวายธงชัยเฉลิมพลให้กับบรรดาผู้นำเหล่าทัพ การเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต เป็นต้น “ แหล่งข่าวระดับสูงกล่าว

แหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนักไทยยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อสมเด็จพระบรมฯ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว พระมเหสี ที่จะทรงแต่งตั้งให้เป็น ราชินีจะเป็นผู้หญิงคนไหนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ จะเป็นคนที่ทรงสนิทสนมอยู่ตอนนี้ หรืออาจจะเป็นคนอื่น ไม่มีใครทราบได้ แต่เมื่อทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ก็ย่อมที่จะตัดสินพระทัยได้ด้วยพระองค์เอง

แหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนักไทย กล่าวถึง พระอาการประชวร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่อาจจะทรงงานอะไรได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่พระสมองยังทำงานปกติ ทรงรับสั่งได้ ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯนั้น อยู่ระหว่างการทำกายภาคบำบัด เพราะเป็นอัมพาตจากเส้นเลือดในสมองแตก แต่ก็ทรงทำกายภาคบำบัดอยู่ทุกวัน และดูเหมือนว่าจะทรงโกรธง่าย กริ้วง่าย มีข้าราชบริพารและแพทย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คอยถวายการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ส่วนบุคคลอื่นที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มักจะเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด คอยรับสนองงานอยู่เป็นประจำไม่ค่อยจะได้เข้าเฝ้าอีกแล้วในขณะนี้

“ในฐานะที่รับใช้ใกล้ชิดคนหนึ่ง ก็อยากให้คนไทยทุกคนได้เกิดความมั่นใจใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมารว่า พระองค์ทรงมีความพร้อม ที่จะทรงเดินตามรอยพระยุคลบาท พระราชบิดา เพื่อที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีของประเทศไทย แม้ที่ผ่านมา จะมีข่าวคราวที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพระองค์ท่านเสียไปบ้างในความรู้สึกของประชาชน แต่อยากให้เข้าใจพระราชหฤทัยที่แน่วแน่และมั่นคงของพระองค์ และความเป็นจริงในชีวิตที่พระองค์ทรงประสบมาด้วย ยืนยันได้ว่าท่านสามารถเป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็งได้แน่นอน” แหล่งข่าวในราชสำนักกล่าวในที่สุด








Monday, December 22, 2014 - 14:08
Suspects arrested in massive crackdown were actually delivering a river of money to Vajiralongkorn, sources say

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar