ณ.อนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์ ภาพเหล่านี้คือปัจจุบันจากงานรำลึกความทรงจำในอดีต ท่านผู้นำประเทศและคณะ.."คสช."อย่าได้ตื่นตกใจส่งทหารไปไล่ล่าปราบปราม ประชาชนแค่มารำลึกถึงความหลังในอดีตแค่นั้นเอง.. แต่ถ้าจะถามถึงเรื่องอนาคตไม่มีใครหยั่งรู้และตอบได้ ในยุคไฮเทคโลกไร้พรมแดนทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไม่มีอะไรแน่นอน...

พิธีรำลึกวีรชนอนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์ครบรอบ 10 ปี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายอุกฤษ พึ่งโสภา มาเป็นประธานในพิธี และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาที่การ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงสารณะสุขให้เกียรติมาร่วมงาน

 

คณะกรรมการอนุสรณ์สถานฐานที่มั่นสำนัก 708 ภูพยัคฆ์ ได้จัดงานรำลึก 10 ปี เหตุการณ์สู้รบของกองทัพประชาชนที่จับปืนขึ้นสู้กับรัฐบาลไทยในอดีต ที่บ้านน้ำรีพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา โดยมีนายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าฯ น่าน เป็นประธาน ท่ามกลางประชาชนชาวน่าน โดยเฉพาะชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง-ลัวะ ที่เคยเข้าร่วมอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งผู้ที่เคยเข้าป่าต่อสู้กับอำนาจรัฐทั่วประเทศได้เดินทางมาร่วมงานดังกล่าวกว่า 3,000 คน

นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองคนสำคัญๆ เดินทางมาร่วมด้วยหลายคน โดยเฉพาะสหายสุภาพ หรือนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย โดยบอกว่า ขอมาร่วมเป็นหนึ่งในมิตรสหายที่เคยร่วมอุดมการณ์กันมาเท่านั้น และจะไม่ขอออกความเห็นทางการเมืองในปัจจุบัน เกรงว่าจะกระทบภาพลักษณ์ของอนุสรณ์สถาน เพื่อให้อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานของผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกคนมากกว่าเป็นของนักการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดน่านยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตที่เกิดขึ้นในภาคต่างๆ ของประเทศว่า เกิดจากความไม่เป็นธรรม ความไม่เท่าเทียมของสังคมเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนไทยต้องแตกความสามัคคี ในปัจจุบันถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่ามาก เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต เป็นบทเรียนไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นมาอีก

ขณะที่จังหวัดน่านได้นำพื้นที่ที่เคยเป็นที่ตั้งสำนักบัญชาการ แหล่งที่ตั้งสำคัญของแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ไทย นำโดยสหายคำตัน หรือ พ.ท.โพยม จุลานนท์ และแกนนำสำคัญอีกจำนวนมาก พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สำคัญ เป็นแหล่งที่มีคนสนใจขึ้นมาศึกษาและชมความงามของธรรมชาติมากขึ้น











ใน

(อดีตคือบทเรียนที่ต้องจดจำ...ที่ต้องนำมาศึกษาแก้ไขใหม่เพื่อปัจจุบันและอนาคตเในการร่วมปลดปล่อยประเทศชาติและประชาชนให้เป็นไทหลุดจากวงจรอุบาทว์ของระบอบอำมาตย์เผด็จการราชาธิปไตย...)