söndag 28 december 2014

บ้าน ณ วัดเพลง "เงียบ" "ศรีรัศมิ์" สงบ "พงศ์พัฒน์-สุวะดี" "ยังระอุ... ที่ต้องจับตาคือยังจะมี "อาฟเตอร์ช็อก" ตามมาอีกหรือไม่.








"เราขอขอบพระคุณผู้สื่อข่าวทุกท่าน ที่ให้ความเป็นห่วงเป็นใย คอยติดตามมาเสมอ เราขอความกรุณาผู้สื่อข่าวทุกท่านด้วย ช่วงนี้ เราขออยู่ปฏิบัติธรรมเงียบๆ ในบ้านหลังนี้พร้อมครอบครัวด้วยความสงบค่ะ"

ภายหลังท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี เขียนโน้ตลายมือถึงกลุ่มสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา

บรรยากาศบริเวณหน้าบ้านพักท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ใน ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง

จากที่เคยมีกองทัพสื่อมวลชนเฝ้าสังเกตการณ์เกาะติดความเคลื่อนไหวการใช้ชีวิตแบบสามัญชนหลังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์

พระครูพิศาลจริยาภิรมณ์เจ้าอาวาสวัดประดู่อ.วัดเพลง ผู้รับกิจนิมนต์บิณฑบาตภายในบ้าน "สุวะดี" กล่าวว่า

ท่าน (ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์) และครอบครัวอยู่ในสภาพปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีกิริยาอาการเหมือนเดิม ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไปจากเดิม

เพราะท่านเป็นคนชอบปฏิบัติธรรมและประพฤติตนอยู่ในพรหมวิหาร 4 มีทั้งความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ทำให้ท่านเข้าใจปัญหา และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทำให้มีสภาพจิตใจที่ดี

ท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบสวดมนต์และถือศีลมาตั้งแต่เด็ก เมื่อครองฐานันดรศักดิ์ก็ช่วยเหลือค้ำจุนพุทธศาสนาด้วยดีมาตลอด อีกทั้งท่านยังเมตตาผู้สูงอายุและเด็กมาด้วยดีตลอด

หลังกลับมาอยู่บ้าน ต.วัดเพลง ท่านจะนิมนต์พระ 9 รูป ไปรับบิณฑบาตทางรถยนต์ หากวันใดมีสื่อมวลชนและผู้คนอยู่หน้าบ้านจำนวนมาก ท่านจะให้คนที่บ้านนำอาหารมาถวายที่วัดแทน

"เชื่อว่าอีกสักระยะหนึ่ง ท่านจะออกมาพบปะกับผู้คนดังเดิม"


สําหรับคำหน้านาม "ท่านผู้หญิง" กับ "นางสาว" ที่เรียกกันอยู่ทั้ง 2 แบบนั้น

สำนักราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ชี้แจงว่า แม้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์

แต่เนื่องด้วยท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าชั้นปฐมจุลจอมเกล้าฯ (ป.จ.) นับเป็นเกียรติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่สตรีผู้นั้นเป็นกรณีพิเศษ มิได้ขอพระราชทานโดยรัฐบาล

และขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แต่อย่างใดดังนั้นคำนำหน้านามคือ "ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์"

ถึงบุคคลภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านรั้วประตูบ้านวัดเพลง

แต่ภายนอกบริเวณถนนสายวัดเพลง-ปากท่อเยื้องหน้าบ้านพักประมาณ30 เมตร พบว่ามีการนำป้อมพักสายตรวจแบบน็อกดาวน์มาติดตั้ง

มีกำลังตำรวจ สภ.วัดเพลง ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตั้งด่านจุดตรวจบริเวณสามแยกซอยโรงเลื่อย ข้างบ้านพักท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์

พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รักษาราชการแทน ผกก.สภ.วัดเพลง ชี้แจงว่า

บริเวณซอยโรงเลื่อยเป็นจุดเชื่อมต่อ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี กับ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มักมีผู้ก่อเหตุอาชญากรรมใช้เป็นเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุเป็นประจำ จึงต้องตั้งจุดพักสายตรวจและด่านตรวจเป็นพิเศษ

"ไม่เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เพราะท่านผู้หญิงขณะนี้ถือเป็นสามัญชนการปฏิบัติตัวจึงเหมือนประชาชนทั่วไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ"

ภายในบ้านพักพื้นที่กว่า 3 ไร่ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์พักอาศัยอยู่กับนายอภิรุจ และ นางวันทนีย์ สุวะดี ผู้เป็นบิดาและมารดาเพียงลำพัง

เนื่องจากปัจจุบันญาติพี่น้องครอบครัว "สุวะดี" อย่างน้อย 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมเครือข่ายทุจริตของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์

รวมถึงคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112


บุคคลในครอบครัว "สุวะดี" ที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมเครือข่ายการทุจริตของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และคดีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 ประกอบด้วย

นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล พี่สาวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ นอกจากคดีบุกรุกแผ้วถางป่า ยังถูกดำเนินคดีแอบอ้างเบื้องสูงประมูลกิจการขายผักสด ผักต้ม น้ำพริกและเครื่องเสวย

นายณรงค์ สุวะดี นายณัฐพล สุวะดี น้องชายท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ และ นายสิทธิศักดิ์ สุวะดี ลูกชายนางสุดาทิพย์ ถูกดำเนินคดีฐานแอบอ้างเบื้องสูง

กรณีรับจ้างข่มขู่ลดหนี้ และทวงหนี้ รวมถึงข่มขู่บีบบังคับให้เจ้าของโรงน้ำแข็งย่านตลาดไท เลิกดำเนินกิจการ เพื่อให้พรรคพวกตนเองเข้าไปทำแทน

นายณัฐพล สุวะดี ยังถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมฐานแอบอ้างเบื้องสูง ช่วยเหลือ นายชากานต์ ภาคภูมิ หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมเครือข่าย ให้เรียนจบปริญญาโท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ทั้งหมดอยู่ระหว่างถูกคุมตัวในเรือนจำ ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ประกันตัว

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยากรณ์ ระบุว่า

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด ร้อยเอกณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา สังกัดหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งปลดออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ผิดกฎหมายบ้านเมือง

และ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเรื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน

ย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้ได้มีเอกสารจากกองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักงานราชเลขาธิการในพระองค์ฯ ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557

ยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา"

ทำให้นายณัฐพล และครอบครัว ต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิมคือ "สุวะดี"

ขณะเดียวกันคดีเครือข่าย "นายพลช็อกโลก" ภายใต้วลีเด็ดแห่งปี "ยุคสมัยของผม ใหญ่แค่ไหนก็จับ" ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.

ยังคงเดินหน้าเข้มข้น

มีการออกหมายจับเพิ่มเติมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และอดีตนายตำรวจ 3 นาย คือ

พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก., พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล อดีต ผกก.1 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี อดีตรอง ผกก.6 บก.ป.

ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีพยานหลักฐานว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) และพวก

ร่วมกันทุจริตเรียกรับผลประโยชน์สินบน จากการทลายบ่อนพนันออนไลน์เครือข่าย "อาบูบาก้า" หรือ นายอาบูบาก้า บิน สุไลมาน ชาวมาเลเซีย เมื่อปี 2552

ข่าวแจ้งว่า คดีดังกล่าวตำรวจเตรียมขออนุมัติออกหมายจับนายตำรวจเพิ่มเติมอีก 4 นาย เป็นระดับ ผกก. 2 นาย สารวัตร 1 นาย และรองสารวัตร 1 นาย

ระหว่างนี้เอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมติเห็นชอบตามความเห็นคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ให้ไล่ตำรวจ 6 นาย ออกจากราชการ คือ

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์, พล.ต.ท.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์, พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.ตำรวจน้ำ, พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผกก.4 บก.ปคบ., ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป.

ความเชื่อมโยงระหว่างเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับบุคคลสำคัญในครอบครัว "สุวะดี" ส่งผลให้ถูกจัดอันดับให้เป็นคดีใหญ่แห่งปีที่มีคนสนใจติดตามมากที่สุด

เปรียบเป็นแผ่นดินไหวก็ระดับ9ริกเตอร์

ที่ต้องจับตาคือยังจะมี "อาฟเตอร์ช็อก" ตามมาอีกหรือไม่




Inga kommentarer:

Skicka en kommentar