Somsak Jeamteerasakul
พุทธอิสระไม่ได้ถูกตั้งข้อหา 112 แต่เรื่องนี้ค่อนข้างแน่ว่าเกี่ยวกับ 112 (วัง "ไฟเขียว" ให้เล่นงาน แต่ไม่ใช่ด้วย 112)
https://goo.gl/fzZ6sp
พุทธอิสระไม่ได้ถูกตั้งข้อหา 112 แต่เรื่องนี้ค่อนข้างแน่ว่าเกี่ยวกับ 112 (วัง "ไฟเขียว" ให้เล่นงาน แต่ไม่ใช่ด้วย 112)
วันนี้ ผมอยู่นอกบ้านทั้งวัน ก็พยายามตามข่าว "พุทธอิสระ" โดนจับและโดนสึก ปรากฏว่า ข่าวสับสนอยู่หลายชั่วโมงว่า ตกลงโดน 112 หรือไม่
สรุปคือ ไม่ได้โดน 112 แน่นอนครับ #แต่ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ 112 (วัง) ค่อนข้างแน่
ขอให้ดูรายงานไทยรัฐ ซึ่งดูเหมือนเป็นฉบับเดียว ทีมีการคัดเอาคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนมาแบบคำต่อคำ
https://www.thairath.co.th/content/1290749
ข้ามไปดูตอนท้ายก่อนก็ได้ เพื่อยืนยันว่า ไม่ได้โดน 112
"พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาฐาน “ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250, 252 ...."
แต่ความน่าสนใจของคำร้องฝากขัง และคิดว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้สื่อหลายฉบับรายงานสับสนอยู่หลายชั่วโมง คือดังนี้
ตอนต้น พนักงานสอบสวน เริ่มบรรยายว่า มีคนแจ้งความต่อพุทธอิสระ ในข้อหา 112
"ทั้งนี้ คดีมีการ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.60 นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่นำอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9...จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ, ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 250, 252"
มิหนำซ้ำ หลังจากบรรยายความเป็นมายืดยาวแบบนี้ และระบุด้วยว่า การแจ้งความมีข้อหา 112 ด้วย คำร้องฯยังบรรยายต่อว่า
"จากการสอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ #กรมราชเลขานุการในพระองค์ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่ได้ขออนุญาตใช้พระปรมาภิไธยย่อ และอักษรย่อพระนามาภิไธย ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐาน จึงยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้สร้างพระนาคปรก อุดปรอท รุ่นหนึ่งในปฐพี ที่เป็นปัญหาในคดีนี้จริง #โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระปรมาภิไธย และอักษรพระนามาภิไธยย่อ ไปประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องดังกล่าว..."
ใครที่คุ้นเคยกับคดี 112 ที่ผ่านมา คงรู้ว่า ถ้ามีการบรรยายพฤติกรรมในลักษณะนี้ มามากมายถึงขนาดนี้ จะต้องลงเลยด้วยการที่ตำรวจตั้งข้อหา 112 เข้าไปในการจับและฝากขังต่อศาลแน่
(และนี่เองทำให้สื่อหลายฉบับสับสน รายงานว่าโดน 112 เพราะในคำร้องฝากขัง มีบรรยายเรื่องที่ปกติถือเป็นความผิด 112 เสียมากมาย แต่กลับลงเอย ไม่มีการฝากขังด้วยข้อหานี้)
....................
คดีนี้ ยังอยู่ในขั้นพนักงานสอบสวน (ตำรวจ) ยังไม่ถึงอัยการ ดังนั้น คำสั่งเร็วๆนี้ ที่ให้รวมคดี 112 ในขั้นอัยการ ไปที่อัยการสูงสุดผู้เดียว เพื่อให้ทางวังสามารถประสานพิจารณาชี้นำได้โดยตรงและสะดวก โดยทางการจึงยังไม่เกี่ยวกับคำสั่งนั้น แต่คดีสำคัญระดับนี้ มิหนำซ้ำ ยังมีการอ้างการ "สอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ กรมราชเลขานุการในพระองค์" คดีนี้ ต้องมีการประสานกับทางวังแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ปกติ คดีในลักษณะนี้ อย่างน้อยที่สุด ตำรวจจะต้องตั้งข้อหา 112 ไว้ก่อนและ "เตะโด่ง" ไปให้ขั้นอัยการเป็นคนตัดสินใจอีกที คดีที่มีการบรรยายพฤติกรรมในลักษณะนี้ ไม่เคยมีที่ขั้นพนักงานสอบสวน จะมีการ "ดร็อป" ข้อหา 112 (ซึ่งคนแจ้งความได้แจ้งไว้แล้วด้วย) เสียเองแบบนี้
การที่ตำรวจ "ดร็อป" 112 นี่แหละ ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่า การเล่นงานของพุทธอิสระครั้งนี้ ได้รับการชี้นำจากวัง
นั่นคือ #เช่นเดียวกับคดีหญิงตาบอดมุสลิม ที่ผมเล่าให้ฟังเร็วๆนี้ (ใครยังไม่เคยอ่าน ดูที่นี่ https://t.co/giSVaeffRv) ทางวังไม่ต้องการให้ใช้ 112 ให้หาทางเลี่ยงไปใช้ข้อหาอื่นแทน
#แต่สาเหตุของการที่พุทธอิสระโดนเล่นงานในที่สุด #ก็น่าจะมาจากเรื่องที่เกี่ยวกับ112นี้เอง (การอ้างพระปรมาภิไธย) คือ "เสี่ย" เขาไม่ชอบเรื่องการ "อ้างชื่อ" จริง และดังนั้น จึงให้เล่นงานพุทธอิสระในครั้งนี้
วันนี้ ผมอยู่นอกบ้านทั้งวัน ก็พยายามตามข่าว "พุทธอิสระ" โดนจับและโดนสึก ปรากฏว่า ข่าวสับสนอยู่หลายชั่วโมงว่า ตกลงโดน 112 หรือไม่
สรุปคือ ไม่ได้โดน 112 แน่นอนครับ #แต่ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ 112 (วัง) ค่อนข้างแน่
ขอให้ดูรายงานไทยรัฐ ซึ่งดูเหมือนเป็นฉบับเดียว ทีมีการคัดเอาคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนมาแบบคำต่อคำ
https://www.thairath.co.th/content/1290749
ข้ามไปดูตอนท้ายก่อนก็ได้ เพื่อยืนยันว่า ไม่ได้โดน 112
"พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาฐาน “ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250, 252 ...."
แต่ความน่าสนใจของคำร้องฝากขัง และคิดว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้สื่อหลายฉบับรายงานสับสนอยู่หลายชั่วโมง คือดังนี้
ตอนต้น พนักงานสอบสวน เริ่มบรรยายว่า มีคนแจ้งความต่อพุทธอิสระ ในข้อหา 112
"ทั้งนี้ คดีมีการ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.60 นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่นำอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9...จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ, ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 250, 252"
มิหนำซ้ำ หลังจากบรรยายความเป็นมายืดยาวแบบนี้ และระบุด้วยว่า การแจ้งความมีข้อหา 112 ด้วย คำร้องฯยังบรรยายต่อว่า
"จากการสอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ #กรมราชเลขานุการในพระองค์ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่ได้ขออนุญาตใช้พระปรมาภิไธยย่อ และอักษรย่อพระนามาภิไธย ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐาน จึงยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้สร้างพระนาคปรก อุดปรอท รุ่นหนึ่งในปฐพี ที่เป็นปัญหาในคดีนี้จริง #โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระปรมาภิไธย และอักษรพระนามาภิไธยย่อ ไปประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องดังกล่าว..."
ใครที่คุ้นเคยกับคดี 112 ที่ผ่านมา คงรู้ว่า ถ้ามีการบรรยายพฤติกรรมในลักษณะนี้ มามากมายถึงขนาดนี้ จะต้องลงเลยด้วยการที่ตำรวจตั้งข้อหา 112 เข้าไปในการจับและฝากขังต่อศาลแน่
(และนี่เองทำให้สื่อหลายฉบับสับสน รายงานว่าโดน 112 เพราะในคำร้องฝากขัง มีบรรยายเรื่องที่ปกติถือเป็นความผิด 112 เสียมากมาย แต่กลับลงเอย ไม่มีการฝากขังด้วยข้อหานี้)
....................
คดีนี้ ยังอยู่ในขั้นพนักงานสอบสวน (ตำรวจ) ยังไม่ถึงอัยการ ดังนั้น คำสั่งเร็วๆนี้ ที่ให้รวมคดี 112 ในขั้นอัยการ ไปที่อัยการสูงสุดผู้เดียว เพื่อให้ทางวังสามารถประสานพิจารณาชี้นำได้โดยตรงและสะดวก โดยทางการจึงยังไม่เกี่ยวกับคำสั่งนั้น แต่คดีสำคัญระดับนี้ มิหนำซ้ำ ยังมีการอ้างการ "สอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ กรมราชเลขานุการในพระองค์" คดีนี้ ต้องมีการประสานกับทางวังแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ปกติ คดีในลักษณะนี้ อย่างน้อยที่สุด ตำรวจจะต้องตั้งข้อหา 112 ไว้ก่อนและ "เตะโด่ง" ไปให้ขั้นอัยการเป็นคนตัดสินใจอีกที คดีที่มีการบรรยายพฤติกรรมในลักษณะนี้ ไม่เคยมีที่ขั้นพนักงานสอบสวน จะมีการ "ดร็อป" ข้อหา 112 (ซึ่งคนแจ้งความได้แจ้งไว้แล้วด้วย) เสียเองแบบนี้
การที่ตำรวจ "ดร็อป" 112 นี่แหละ ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่า การเล่นงานของพุทธอิสระครั้งนี้ ได้รับการชี้นำจากวัง
นั่นคือ #เช่นเดียวกับคดีหญิงตาบอดมุสลิม ที่ผมเล่าให้ฟังเร็วๆนี้ (ใครยังไม่เคยอ่าน ดูที่นี่ https://t.co/giSVaeffRv) ทางวังไม่ต้องการให้ใช้ 112 ให้หาทางเลี่ยงไปใช้ข้อหาอื่นแทน
#แต่สาเหตุของการที่พุทธอิสระโดนเล่นงานในที่สุด #ก็น่าจะมาจากเรื่องที่เกี่ยวกับ112นี้เอง (การอ้างพระปรมาภิไธย) คือ "เสี่ย" เขาไม่ชอบเรื่องการ "อ้างชื่อ" จริง และดังนั้น จึงให้เล่นงานพุทธอิสระในครั้งนี้
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar