lördag 5 maj 2018

ตู่ไม่ใช่แม้ว คอลัมน์:ใบตองแห้ง


ตู่ไม่ใช่แม้ว : คอลัมน์ ใบตองแห้ง

“วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ การที่มีแต่พรรคการเมืองเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆ แล้วได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่”
ใครเอ่ย ตั้งคำถามประชาชนไว้ ยังไม่ถึง 6 เดือนเลย ก็สำลักในลำคอ กลายเป็น “ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอเพียงจับหนูได้” นักการเมืองเก่าเคยด่าเขาเน่าเหม็นวันนี้ไม่เป็นไร ขอเพียงยอมเข้าค่ายฟอกสีเขียวซักหน่อย ก็แปลงกายเป็นแมวสะอาดปราศจากเชื้อโรค เอามารับใช้ยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจแห่งชาติได้
ดูรายชื่อนักการเมืองในเครือข่ายพลังดูดแล้วก็ขำกลิ้ง พฤษภาทมิฬ พรรคสามัคคีธรรม กำลังจะครบ 26 ปี ไม่รู้วันนี้คนชั้นกลางม็อบมือถือไปก้มหน้าเล่นสมาร์ตโฟนอยู่ที่ไหน
เรื่องดูดเป็นเรื่องธรรมชาติ “มันก็มีทุกพรรคการเมืองมายาวนานแล้ว มันเป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา…” ใช่เลย ตั้งแต่พรรคสหประชาไทย จนถึงพรรคสามัคคีธรรม ที่เอาคดียึดทรัพย์จับนักการเมืองเป็นตัวประกัน แต่คนไทยความจำสั้น เลยชอบอ้างพรรคไทยรักไทย ทีทักษิณยังดูดได้ แล้วทำไมลุงตู่จะดูดไม่ได้ นี่ไง ความชอบธรรม
ตลกดี เกลียดทักษิณกันจังแต่อ้างสิ่งที่ทักษิณเคยทำมาค้ำลุงตู่ แบบนโยบายเศรษฐกิจ “ทักษิณคิด ประยุทธ์ทำ” แต่ห้ามประชานิยม แปลงร่างเป็นประชารัฐ+ไทยนิยม ละลายแม่น้ำ
ใช่เลย ทักษิณดูดนักการเมืองมาตั้งพรรคไทยรักไทย แม้ความเป็นจริงมีปัจจัยหลายอย่างนอกจากความเป็น tycoon เช่น ความเสื่อมของพรรคเก่าที่ชาวบ้านเอือมระอา การหาเสียงโดยใช้นโยบาย การตลาด “คิดใหม่ทำใหม่” ปลุกให้คนมีความหวัง นักการเมืองเล็งเห็นว่าเป็นรัฐบาลแหงๆ จึงแห่เข้าพรรคล้นหลาม
แต่ต่อให้สรุปว่าเพราะเงินตัวเดียว ก็ยังต่างกับพลังดูดจนแก้มตอบในปัจจุบัน เพราะวันนั้นทักษิณไม่ได้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ เหนือกติกาเลือกตั้ง ทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาลด้วยซ้ำ แถมการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ก็กำกับดูแลโดย กกต.ชุดที่ยกย่องกันว่าเที่ยงตรง
ไม่เหมือนใครบางคน มีอำนาจปลดกระทั่ง กกต. ให้ออก ให้อยู่ต่อ หรือสรรหาแต่งตั้งใหม่โดย สนช.จากแต่งตั้ง ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างกฎหมายลูก ชงกันเองในแม่น้ำ 5 สาย ไม่ถูกใจใช้ ม.44 แก้ได้ โดยยังมีอำนาจพิเศษยาวๆ ไปจนหลังเลือกตั้ง
ชงเอง แล้วจะมาตั้งพรรคเอง ดูดนักการเมือง โดยบอกว่าเป็นครรลองประชาธิปไตย มันใช่หรือ ถ้าเดินตามพรรคสหประชาไทย พรรคสามัคคีธรรม ต้องเรียกว่าครรลองเผด็จการต่างหาก

ระยะหลังๆ พันธมิตร แมลงสาบ ที่หันมาขัดใจ คสช. มักเปรียบเทียบ “ระบอบประยุทธ์” ว่าไม่ต่างกับ “ระบอบทักษิณ” ซึ่งน่าสมเพชยิ่ง คงกะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เหลือแต่พวกตัวดีอยู่แต่ผู้เดียว ปัดเป่าความผิดที่ปูเสื่อปูทางให้เกิดรัฐประหารล้มประชาธิปไตย
ไม่ได้บอกว่าวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณไม่ได้ ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องดีที่วิพากษ์ คสช.เสียบ้าง แต่พวกที่อ้างอย่างนี้คือพวกบิดเบือนหลักการประชาธิปไตย สามานย์ได้กระทั่งอ้างว่าเผด็จการทหารกับเผด็จการรัฐสภาไม่ต่างกัน
คุณอาจพูดได้ว่า รัฐบาลทักษิณเป็นรัฐบาลจากเลือกตั้งที่แย่ที่สุด ในทัศนะคุณ หรืออาจพูดได้ว่ารัฐบาลลุงตู่เป็นรัฐบาลทหารที่แย่ที่สุด ในทัศนะของคุณ แต่เมื่อไหร่ที่บอกว่าไม่ต่างกัน ก็บิดเบือนอย่างสามานย์ จงใจไม่เห็นความสำคัญของกติกา
คุณอาจด่าทักษิณว่าอำนาจนิยม ใช่เลย แต่ทักษิณไม่เคยมีอำนาจห้ามชุมนุมเกิน 4 คน ไม่มีอำนาจอุ้มคนไปปรับทัศนคติ อุ้มเพนกวิน เอกชัย ไปเฉยๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และไม่สามารถออกคำสั่งเป็นกฎหมาย
คุณอาจว่าทักษิณแทรกแซงสื่อ องค์กรอิสระ แต่ทักษิณไม่มีอำนาจปิดสื่อ ปลดองค์กรอิสระ
คุณอาจว่าทักษิณทำความผิดไว้มากมาย ทำอะไรก็ผิด แต่ทักษิณนิรโทษตัวเองไม่ได้ นิรโทษสุดซอยพาฉิบหาย แต่รัฐประหารทุกยุคทุกสมัยนิรโทษตัวเองได้ เกิดนองเลือด คนตายเป็นเบือ ถนอม ประภาส ยังกลับประเทศได้ รสช.ก็ไม่ต้องรับผิด
นักการเมืองที่มาจากเลือกตั้ง จากคะแนนนิยมของคนชั้นล่าง ไม่เหมือนนักการเมืองที่มาจากการยึดอำนาจก็ตรงนี้ ตรงที่ชาวบ้านปกป้องคนของตนไม่ได้ แต่ผู้นำที่มาจากทหาร มั่นใจได้ว่าจะมีลูกน้องปกป้องไปตลอดชีวิต
อันที่จริงถ้าเทียบตัวบุคคล ลุงตู่อาจดีกว่าทักษิณตั้งเยอะก็ได้ แต่สังคมต้องอยู่ด้วยกติกา อำนาจต้องมีความชอบธรรม ถ้าไม่มีทั้งกติกาและความชอบธรรม แล้วอ้างว่าคนอื่นก็ทำ มันไม่ใช่ไม่แตกต่าง แต่ห่างไกลกันเยอะเลย

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar