สัญญาน ‘ฮึ่ม’ ดังมากจาก 'ศรีวราห์' เมื่อโพล ‘โปรปะกันดา’ ไม่เป็นผล
สัญญาน ‘ฮึ่ม’ ดังมากจาก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มือปราบประชาชน ลิ่วล้อ คสช. พูดถึงการนัดชุมนุมของคนอยากเลือกตั้ง
วันที่ ๒๑-๒๒ พ.ค.นี้
“จากการประเมินสถานการณ์คาดว่า จะมีผู้ร่วมชุมนุมทั่วประเทศประมาณหลักร้อย”
เท่านั้น แต่ตำรวจเตรียมกำลังไว้ถึง ๒๐ กองร้อยสำหรับปราบปราม
เนื่องจากผู้นัดชุมนุมกำหนดจะเดินออกจากสนามธรรมศาสตร์ไปเรียกร้องให้
คสช. สลายตัวและจัดให้มีเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ ไม่ใช่ปีหน้า
คสช.จึงประกาศว่าทำเนียบรัฐบาลเป็นเขตควบคุม ห้ามชุมนุมภายในระยะ ๕๐ เมตร
โทษฝ่าฝืน “จำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับ
๑ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ทั้งยังจะถือว่าการชุมนุมนี้เป็น
การชุมนุมทางการเมือง ต้องห้ามตามคำสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ และผิด
พรบ.ชุมนุมสาธารณะด้วย เพราะกลุ่มขออนุญาตชุมนุมไว้แค่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย
ฟังดูเหมือนเพียงว่าตำรวจเตรียมทำหน้าที่ตามกฎบัตรกฎหมาย
ฝ่ายผู้เตรียมชุมนุมเอง ‘ท้าทาย’
ทั้งที่พวกสนับสนุนเผด็จการทหารก็เตรียมชุมนุมเหมือนกัน กปปส.นัดพบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
๒๗ พ.ค.นี้ ต้านการเลือกตั้ง อ้างว่า “เลี่ยงความวุ่นวาย”
แต่ถ้อยคำของ รอง ผบ.ตร.
ดูจะไม่เลี่ยงความวุ่นวายเหมือน กปปส. พล.ต.อ.ศรีวราห์อ้างการข่าว “พบว่า
มีกลุ่มหัวรุนแรงทางการเมืองหรือ ‘แดง’ ฮ้าร์ดคอร์ เตรียมเคลื่อนย้ายอาวุธหนัก สร้างสถานการณ์” นั่นเลยเชียว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ บอกด้วยว่าได้สั่งการ “ให้ตำรวจทั่วประเทศ
ตั้งด่านความมั่นคงระดมตรวจค้นอาวุธทุกประเภทตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา (๑๙ พ.ค.) ถึงสิ้นเดือนนี้”
(https://www.matichon.co.th/local/crime/news_963064 และ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/802329)
ทำเอาเสื้อแดงไม่ต้องแก่น ไม่มีคอร์
พากันตีความ “แปลเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ว่า จะมีคนปลอมตัวเอาอาวุธสงครามมายัด
แล้วบอกว่าผิดกฎหมายจะได้ยุติการเรียกร้องอยากเลือกตั้ง”
independence @redbamboo16 เก็บข้อความจาก
พงศกร รอดชมภู แปะไว้บนทวิตเตอร์เตือนๆ กันไว้ “ขอให้ช่วยกันระมัดระวัง
วิธีการก็คงแนวๆ เจ้าหน้าที่กับยาเสพติดนั่นล่ะครับ อย่าเผลอเชียว”
จะว่า ‘ไม่อยากเลือกตั้ง’
อย่างที่ กปปส. ต้องการหรือเปล่าไม่แน่ แต่ไม่ต้องการให้เรียกร้อง
และไม่ผูกมัดว่าจะต้องเลือกตั้งเมื่อนั้นเมื่อนี้ แล้วดำเนินการเปิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและปลดล็อคกิจกรรมการเมือง
นั่นละที่ คสช.ต้องการ
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจึงได้เห็นว่าท่าที
คสช. ปากขยับกับต่างประเทศและสหประชาชาติ ว่ากำลังไปได้ดีตามโร้ดแม็พสู่การเลือกตั้งปีหน้า
ขณะที่หางกระดิก พวกลิ่วล้อไล่กำหราบคนอยากเลือกตั้งให้หงอ
ด้วยการส่งทหารไปเยี่ยมบ้านกันถ้วนหน้า
ที่แม้แต่ละรายจะเป็นการไปขอพูดคุยถามไถ่ “จะไปร่วมชุมนุมหรือเปล่า”
อะไรเงี้ย แต่การยกขบวนกันไปเคาะประตูบ้านโดยไม่นัดหมายนี่เป็นวิธีการข่มขู่คุกคามให้ยำเกรงอย่างนุ่มๆ
แต่ไม่เนียน ตามหลักสูตรปฏิบัติการจิตวิทยาทางทหาร
“เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ ‘ฝ่ายเรา’ มีความเหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม
ทั้งในแง่ของการลดทอนประสิทธิภาพ/ขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้าม
และสร้างเสริมประสิทธิภาพ/ขวัญกำลังใจของฝ่ายตนเอง
เพื่อให้เอาชนะในทางการรบในที่สุด”
(ดูรายงานเรื่อง ‘ปฏิบัติการจิตวิทยา’ ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
“ทหาร-ตำรวจตระเวนเยี่ยมบ้านคนอยากเลือกตั้ง” ได้ที่ http://www.tlhr2014.com/th/?p=7249)
ทั้งนักศึกษา ชาวบ้าน นักวิชาการ
นักกิจกรรม ใครก็ตามที่ไปร่วมกิจกรรม ‘อยากเลือกตั้ง’
โดนกันแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านอย่าง ‘อมรัตน์’ และ ‘กุลวดี’ หรืออาจารย์เกษตรฯ เดชรัตน์ สุขกำเนิด กับคนรักทักษิณราชบุรี
นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล หรือครูโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา
กรณีของ กุลวดี นั้น รายงานของ TLHR @TLHR2014 ระบุว่า “ตำรวจประมาณ 50 นาย
นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้าน 1 ในผู้ชุมนุม #คนอยากเลือกตั้ง แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ
ก่อนจัดกำลังติดตาม 24 ชม. จับตาไม่ให้ไปร่วมชุมนุม ตามแม้ขณะไปโรงพยาบาลถ่ายเลือด
เหตุเป็นโรคธาลัสซีเมีย http://www.tlhr2014.com/th/?p=7325”
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นด้วย
คสช.ตระหนักว่ากระบวนการโฆษณาชวนเชื่อ ที่อ้างทหารครองอำนาจสี่ปีทำให้ประเทศดีขึ้น
(นำไปสู่ข้อสรุปของลิ่วล้อ ขออยู่ต่อ) นั้นไม่ได้ผลเสียแล้ว
เพราะปรากฏว่าในหมู่คนรุ่นใหม่ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกคราวหน้า
เป็นคะแนนเสียงสำคัญ ไม่เชื่อว่าการครองอำนาจโดยทหารที่ผ่านมา
ไม่ใช่ความจริงดังโพล ‘โปรปะกันดา’ พยายามชี้แนะ (๕๒% ของ ม.กรุงเทพฯ และ ๓๒% ของนิด้า) อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกหลังการเลือกตั้ง
แต่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง
หรือ คนส. ได้ทำการสำรวจความเห็นของบรรดานักศึกษาจาก ๑๙ สถาบัน จำนวนกว่าสองพันคน
ในสามประเด็นเกี่ยวกับการรัฐประหาร รัฐธรรมนูญใหม่ของ คสช. และการเลือกตั้ง
กลับพบว่า
ร้อยละ ๗๒
ไม่คิดว่าการรัฐประหารเป็นสมการแก้ปัญหาของประเทศได้ดังที่คณะทหารอ้าง และร้อยละ
๘๖ ไม่คิดว่าทหารจะบริหารประเทศได้ดีกว่านักการเมืองจากการเลือกตั้ง อีกทั้งจากการที่ทหารครองอำนาจติดต่อกันมาสี่ปี
ผลการบริหารงานรัฐบาลกลับยิ่งแย่ลง ตรงข้ามกับที่ คสช. และบางโพลชอบอ้าง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar