måndag 21 maj 2018

บทเรียนที่ชาวไทยทุกคนควรจะเข้าใจเก็บชีวิตอันมีค่าไว้ใช้ประโยชน์ที่ดีกว่าแทนที่จะมาเป็นเหยื่อให้แก่พวกนักการเมืองชั้นเลวที่เห็นแก่ตัวไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชน.

สัญญาน ‘ฮึ่ม’ ดังมากจาก 'ศรีวราห์' เมื่อโพล ‘โปรปะกันดา’ ไม่เป็นผล


สัญญาน ฮึ่ม ดังมากจาก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มือปราบประชาชน ลิ่วล้อ คสช. พูดถึงการนัดชุมนุมของคนอยากเลือกตั้ง วันที่ ๒๑-๒๒ พ.ค.นี้
“จากการประเมินสถานการณ์คาดว่า จะมีผู้ร่วมชุมนุมทั่วประเทศประมาณหลักร้อย” เท่านั้น แต่ตำรวจเตรียมกำลังไว้ถึง ๒๐ กองร้อยสำหรับปราบปราม
เนื่องจากผู้นัดชุมนุมกำหนดจะเดินออกจากสนามธรรมศาสตร์ไปเรียกร้องให้ คสช. สลายตัวและจัดให้มีเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ ไม่ใช่ปีหน้า คสช.จึงประกาศว่าทำเนียบรัฐบาลเป็นเขตควบคุม ห้ามชุมนุมภายในระยะ ๕๐ เมตร
โทษฝ่าฝืน “จำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับ ๑ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ทั้งยังจะถือว่าการชุมนุมนี้เป็น การชุมนุมทางการเมือง ต้องห้ามตามคำสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ และผิด พรบ.ชุมนุมสาธารณะด้วย เพราะกลุ่มขออนุญาตชุมนุมไว้แค่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย
ฟังดูเหมือนเพียงว่าตำรวจเตรียมทำหน้าที่ตามกฎบัตรกฎหมาย ฝ่ายผู้เตรียมชุมนุมเอง ท้าทายทั้งที่พวกสนับสนุนเผด็จการทหารก็เตรียมชุมนุมเหมือนกัน กปปส.นัดพบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ๒๗ พ.ค.นี้ ต้านการเลือกตั้ง อ้างว่า “เลี่ยงความวุ่นวาย”
 
แต่ถ้อยคำของ รอง ผบ.ตร. ดูจะไม่เลี่ยงความวุ่นวายเหมือน กปปส. พล.ต.อ.ศรีวราห์อ้างการข่าว “พบว่า มีกลุ่มหัวรุนแรงทางการเมืองหรือ แดง ฮ้าร์ดคอร์ เตรียมเคลื่อนย้ายอาวุธหนัก สร้างสถานการณ์” นั่นเลยเชียว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ บอกด้วยว่าได้สั่งการ “ให้ตำรวจทั่วประเทศ ตั้งด่านความมั่นคงระดมตรวจค้นอาวุธทุกประเภทตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา (๑๙ พ.ค.) ถึงสิ้นเดือนนี้”
ทำเอาเสื้อแดงไม่ต้องแก่น ไม่มีคอร์ พากันตีความ “แปลเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ว่า จะมีคนปลอมตัวเอาอาวุธสงครามมายัด แล้วบอกว่าผิดกฎหมายจะได้ยุติการเรียกร้องอยากเลือกตั้ง”
independence @redbamboo16 เก็บข้อความจาก พงศกร รอดชมภู แปะไว้บนทวิตเตอร์เตือนๆ กันไว้ “ขอให้ช่วยกันระมัดระวัง วิธีการก็คงแนวๆ เจ้าหน้าที่กับยาเสพติดนั่นล่ะครับ อย่าเผลอเชียว”
จะว่า ไม่อยากเลือกตั้งอย่างที่ กปปส. ต้องการหรือเปล่าไม่แน่ แต่ไม่ต้องการให้เรียกร้อง และไม่ผูกมัดว่าจะต้องเลือกตั้งเมื่อนั้นเมื่อนี้ แล้วดำเนินการเปิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและปลดล็อคกิจกรรมการเมือง นั่นละที่ คสช.ต้องการ
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจึงได้เห็นว่าท่าที คสช. ปากขยับกับต่างประเทศและสหประชาชาติ ว่ากำลังไปได้ดีตามโร้ดแม็พสู่การเลือกตั้งปีหน้า ขณะที่หางกระดิก พวกลิ่วล้อไล่กำหราบคนอยากเลือกตั้งให้หงอ ด้วยการส่งทหารไปเยี่ยมบ้านกันถ้วนหน้า
ที่แม้แต่ละรายจะเป็นการไปขอพูดคุยถามไถ่ “จะไปร่วมชุมนุมหรือเปล่า” อะไรเงี้ย แต่การยกขบวนกันไปเคาะประตูบ้านโดยไม่นัดหมายนี่เป็นวิธีการข่มขู่คุกคามให้ยำเกรงอย่างนุ่มๆ แต่ไม่เนียน ตามหลักสูตรปฏิบัติการจิตวิทยาทางทหาร
“เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ ฝ่ายเรา มีความเหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม ทั้งในแง่ของการลดทอนประสิทธิภาพ/ขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้าม และสร้างเสริมประสิทธิภาพ/ขวัญกำลังใจของฝ่ายตนเอง เพื่อให้เอาชนะในทางการรบในที่สุด
(ดูรายงานเรื่อง ปฏิบัติการจิตวิทยาของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน “ทหาร-ตำรวจตระเวนเยี่ยมบ้านคนอยากเลือกตั้ง” ได้ที่ http://www.tlhr2014.com/th/?p=7249)
ทั้งนักศึกษา ชาวบ้าน นักวิชาการ นักกิจกรรม ใครก็ตามที่ไปร่วมกิจกรรม อยากเลือกตั้งโดนกันแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านอย่าง อมรัตน์ และ กุลวดี หรืออาจารย์เกษตรฯ เดชรัตน์ สุขกำเนิด กับคนรักทักษิณราชบุรี นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล หรือครูโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา
 
กรณีของ กุลวดี นั้น รายงานของ TLHR @TLHR2014 ระบุว่า “ตำรวจประมาณ 50 นาย นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้าน 1 ในผู้ชุมนุม #คนอยากเลือกตั้ง แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ก่อนจัดกำลังติดตาม 24 ชม. จับตาไม่ให้ไปร่วมชุมนุม ตามแม้ขณะไปโรงพยาบาลถ่ายเลือด เหตุเป็นโรคธาลัสซีเมีย http://www.tlhr2014.com/th/?p=7325 
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นด้วย คสช.ตระหนักว่ากระบวนการโฆษณาชวนเชื่อ ที่อ้างทหารครองอำนาจสี่ปีทำให้ประเทศดีขึ้น (นำไปสู่ข้อสรุปของลิ่วล้อ ขออยู่ต่อ) นั้นไม่ได้ผลเสียแล้ว
เพราะปรากฏว่าในหมู่คนรุ่นใหม่ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกคราวหน้า เป็นคะแนนเสียงสำคัญ ไม่เชื่อว่าการครองอำนาจโดยทหารที่ผ่านมา ไม่ใช่ความจริงดังโพล โปรปะกันดา พยายามชี้แนะ (๕๒% ของ ม.กรุงเทพฯ และ ๓๒% ของนิด้า) อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกหลังการเลือกตั้ง
แต่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ คนส. ได้ทำการสำรวจความเห็นของบรรดานักศึกษาจาก ๑๙ สถาบัน จำนวนกว่าสองพันคน ในสามประเด็นเกี่ยวกับการรัฐประหาร รัฐธรรมนูญใหม่ของ คสช. และการเลือกตั้ง กลับพบว่า
ร้อยละ ๗๒ ไม่คิดว่าการรัฐประหารเป็นสมการแก้ปัญหาของประเทศได้ดังที่คณะทหารอ้าง และร้อยละ ๘๖ ไม่คิดว่าทหารจะบริหารประเทศได้ดีกว่านักการเมืองจากการเลือกตั้ง อีกทั้งจากการที่ทหารครองอำนาจติดต่อกันมาสี่ปี ผลการบริหารงานรัฐบาลกลับยิ่งแย่ลง ตรงข้ามกับที่ คสช. และบางโพลชอบอ้าง

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar