ความประพฤติอันบัดสีของ ร. 10

Andrew MacGregor Marshall

🍕🇹🇭สาเหตุจากความประพฤติบัดสี และการที่ปราศจากความใยดีในทุกข์สุขของทวยราษฎร์ ทั้งยังเย้ยหยามกฎที่มีไว้เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคร้าย โควิด-19 ทำให้ในขณะนี้ กษัตริย์วชิราลงกรณ์ ได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียและเป็นที่ดูหมิ่นเยาะเย้ยไปทั่วโลก - ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น

ดอนัลด์ ทรัมพ์ คุณมีคู่แข่งเสียแล้ว - และเขารวยกว่าคุณเยอะมาก
หนังสือพิมพ์ทั่วโลก เต็มไปด้วยเรื่องราวเล่าขาน เกี่ยวกับวชิราลงกรณ์ ไปนอนกกนางบำเรอ 20 สาว ที่เขาตั้งให้เป็นหน่วยทหารเรียกว่า “เอสเอเอส” ในโรงแรมหรูหราที่บาวาเรีย พวกหล่อนได้รับยศนายทหารสัญญาบัตร และได้ใช้สโลแกนของหน่วยทหารเอสเอเอสที่ก็อปมาว่า “ใครกล้าดี ก็จะชนะ”
มีบทความใหม่ๆทั่วโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน รายงานถึงเรื่องตลกร้ายนี้ หนังสือพิมพ์ในสหราชอาณาจักร เดอะ ไทมส์ ก็ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ด้วยข้อมูลบางอย่างจากผม
บทความเต็มๆอยู่นี่ครับ โปรดสังเกตด้วยว่า บทความออนไลน์ กับในฉบับหนังสือพิมพ์มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
............................
อภิสิทธิ์ของราชา : กษัตริย์ไทย มหาวชิราลงกรณ์ “เย้ยกฎกักตัวกันเชื้อโคโรนาไวรัส”
เป็นที่วิพากย์วิจารณ์กันว่า กฎการกักตัวป้องกันการระบาด ไม่ต้องเอามาใช้กับมหาเศรษฐีวีไอพีพันล้าน ในประเทศเยอรมัน

ความที่แคว้นบาวาเรีย เคยอยู่ภายใต้การปกครองของ กษัตริย์ลุดวิกผู้บ้าคลั่ง คงเตรียมใจให้ชาวบาวาเรียคุ้นเคยเป็นอันดีกับพระราชาบ้าๆบอๆ ถึงได้แค่มีปฏิกิริยาอ่อนๆขำๆไปกับลูกเล่นของ กษัตริย์ มหาวชิราลงกรณ์ ผู้อาศัยพำนักอยู่ในท้องที่เทือกเขาแอลป์ แบบกึ่งถาวร พร้อมด้วยกองทัพลิ่วล้อบริวาร มานานนับทศวรรษ

แต่ราชาผู้ได้รับสถานะเทียบเท่ากึ่งเทวดาในประเทศไทย ได้เริ่มทำตัวเป็นที่น่ารำคาญต่อเจ้าบ้าน เพราะเขาบินเข้าๆออกๆยุโรป ตามอำเภอใจ ไม่เห็นหัวกฎเกณฑ์ของเขา ที่กำหนดให้คนทั่วไปกักตัวอยู่กับบ้าน เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของโรคระบาดร้ายแรงของไวรัสโคโรนา

มีรายงานข่าวมาว่า ในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้พักอยู่โรงแรม ที่ปิดบริการต่อสาธารณชน ในเมืองที่มีทิวทัศน์งดงาม แห่งแคว้นบาวาเรียชื่อ การ์มิช พาร์เทงเคอเช่น แล้วบินเล่นไปๆมาๆเหนือฟ้าในเครื่องบินส่วนตัวโบอิ้ง 737 ไปเที่ยวเมืองเดรสเดน ลิปซิก และฮาโนเว่อร์ และยังได้บินมาเมืองไทย แบบไปเช้าเย็นกลับ ในวันที่ 6 เม.ย. เพื่อมาร่วมสมโภชในวันสถาปนาราชวงศ์ที่เขาเองเป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้

กล่าวกันว่า เขาใช้เครื่องบินของสายการบินไทย ที่สงวนไว้ให้เขาใช้โดยเฉพาะ สายการบินไทยได้ระงับเที่ยวบินบริการในยุโรปทั้งหมดไปแล้ว และสนามบินสุวรรณภูมิก็ถูกสั่งปิดไปหลายวันก่อนเขาจะกลับ ตามแถลงการณ์ของทางการว่า เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 100 คน ได้ก่อความวุ่นวาย ไม่ยอมเข้าสถานที่กักตัวป้องกันโรค แต่ข่าวเล่าลือว่าไปอีกอย่างว่า สนามบินถูกปิดเพื่อจะได้ทำการฆ่าเชื้อโรค เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงที่จะติดเชื้อตอนกลับมา

กษัตริย์วชิราลงกรณ์ (วัย 67) ผู้มีข่าวเล่าลือว่า เคยแต่งตั้งหมาพูเดิ้ล ฟูฟู ของเขา ให้ดำรงยศเป็นจอมพลแห่งกองทัพอากาศไทย และยังมีรายงานว่า เขาเก็บสาวๆ 20 คนไว้เป็นนางบำเรอ หลังจากเขากลับเมืองไทยมาได้ในเวลาที่สั้นที่สุด ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวไม่ถึงวัน ก็เดินทางกลับไปที่พักที่ แกรนด์โฮเต็ล ซอนเนนบิลค์ ในแคว้นบาวาเรีย ซึ่งเป็นที่สร้างปฏิกิริยากล่าวหาว่า เขาเย้ยหยามกฎข้อบังคับที่มีในภาวะวิกฤตทางสาธารณสุข และฝ่ายเจ้าหน้าที่เอง ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อการละเมิดกฎ เพราะเขารวยและเป็นวีไอพีผู้มีอภิสิทธิ์ล้นฟ้า

หนังสือพิมพ์บิลด์ ซึ่งเป็น นสพ ที่ขายดีที่สุดในเยอรมนี ได้ตีพิมพ์บทความว่า “เป็นที่น่าข้องใจว่า การเดินทางเข้าๆออกๆเมืองการ์มิชของเขา จะเป็นไปตามกฎการกักตัวกันโรคระบาดหรือไม่” ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งของ นสพ บิลด์ ถูกตำรวจสวิสจับกุมคุมตัว ในขณะที่เขาพยายามจะถ่ายรูป กษัตริย์ที่เดินทางกลับเข้ามาที่สนามบินซูริค

“อีกครั้งที่เรารู้สึกว่า ทางการสวิสได้ให้ความสำคัญของแขกของรัฐ เหนือผลประโยชน์ส่วนรวม ในความมีเสรีภาพในการเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา” โฆษาขององค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชนกล่าว
กฎการป้องการการแพร่ระบาดของเยอรมันกล่าวไว้ว่า พลเมืองที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป ผู้ไร้สถานะผู้อพยพเข้าเมืองอย่างถาวร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ นอกจากว่าเขาจะมีเหตุฉุกเฉินให้ปฏิบัติดังนั้น และจะไม่มีการอนุญาตให้เข้าเมืองเพื่อเหตุผลในการท่องเที่ยวเป็นหลัก ในขณะที่ กษัตริย์วชิราลงกรณ์ เป็นประมุขของประเทศ คงเป็นไปได้ว่าจะถือวีซ่าทางการทูต แต่ก็ไม่เป็นที่ปรากฏว่า การเข้าๆออกๆ บินไปทั่วประเทศเยอรมนี จะเรียกได้ว่าเป็นการทำงานอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่การสำราญสุข
ทางการตำรวจ และกระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐบาวาเรีย ได้แถลงว่า ไม่ได้พบหลักฐานอะไรว่า บริวารของกษัตริย์ได้ละเมิดกฎเกณฑ์การกักตัวอะไร ทั้งๆที่มีรายงานว่า บริวารของเขา ได้ขี่จักรยานเล่นไปทั่วเมือง การ์มิชเทงเคอเช่น ฝ่ายปกครองท้องถิ่นได้ให้ใบอนุญาตพิเศษต่อทางโรงแรม ให้เปิดบริการพักรับรองของกษัตริย์และบริวาร เพราะพวกเขา “เป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นหนึ่งเดียวกัน”

ตัวแทนของทางการแคว้น ได้อธิบายต่อ นสพ ไทมส์ ในเรื่องที่ว่า ทำไมกษัตริย์ ถึงได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ต้องทำตามกฎ ในอาทิตย์นี้ว่า “พวกเราเป็นแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆของฝ่ายปกครองท้องถิ่น เหมือนตัวท้ายๆในห่วงโซ่ของการปกครอง” เขากล่าว “พวกเราไม่ได้รับรายงานข้อมูลอะไรจากเบื้องบนเลยว่า พวกพระราชามากันกี่คน และมาทำอะไรที่เป็นทางการที่นี่หรือเปล่า ว่ากันให้ถึงที่สุดแล้ว รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อประมุขของต่างประเทศ กฎสำหรับราชาจึงแตกต่างออกไปจากสาธารณชน ในความเห็นของพวกเราแล้ว พวกเขาได้รับอนุญาตให้พักอยู่ได้ เพราะเชื่อได้ว่า เขามาปฏิบัติราชกิจที่เป็นทางการที่นั่นด้วย

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมัน โบ้ยคำถามเกี่ยวกับการที่กษัตริย์ได้อภิสิทธิไม่ต้องปฏิบัติตามกฎจำกัดการเคลื่อนย้ายด้วยสาเหตุจากไวรัสโคโรนา ให้ไปถาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทน เราอีเมล์ไปที่กระทรวงมหาดไทยเยอรมัน แต่ไม่มีใครตอบมา

สื่อต่างๆประเมินทรัพย์สินของพระราชาไว้ในราว 30 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ผู้สื่อข่าวบริติชและผู้เขียนที่วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ของไทยที่สำคัญคนหนึ่ง คือ แอนดรูว์ แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชล แย้งว่าตัวเลขนั้นต่ำกว่าความเป็นจริงไปมาก “การปฏิบัติของทางการเยอรมันและสวิสเป็นที่น่าฉงนมาก แต่หากคุณเป็นกษัตริย์ แถมเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินหลายพันล้าน ก็แน่นอนว่า คุณจะได้รับการปฏิบัติพิเศษ” เขากล่าว
นาย มาร์แชล ผู้เขียนหนังสือที่ถูกแบนโดยรัฐบาลไทย กล่าวว่า กษัตริย์ไทยได้ใช้เวลาส่วนใหญ่พำนักอาศัยในประเทศเยอรมัน มาตั้งแต่ ปี 2550 เพื่อการรักษาตัวทางแพทย์ แถมยังได้ใช้เวลาอยู่กับเมียน้อย สุทิดา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินไทย ซึ่งในขณะนี้ ได้เป็นภรรยาคนที่สี่ของเขา
มาร์แชลได้กล่าวต่อไปอีกว่า โรงแรมนี้ ได้กลายเป็น “วังหลักใช้เป็นที่สำราญสุข” ซึ่งเขามีบริวารรับใช้กลุ่มใหญ่ พร้อมไปด้วยฮาเร็มที่มีผู้หญิงเอามาจากกองทหารประมาณ 20 คนคอยปรนเปรอ “วชิราลงกรณ์มีความวิตถารสำราญทางเพศกับผู้หญิงในเครื่องแบบยศสัญญาบัตร เขายังจัดกระบวนสาวๆในฮาเร็มเหล่านั้น ให้เป็นเหมือนหน่วยทหารที่เขาเรียกว่า หน่วย เอสเอเอส ก๊อปเอามาจากหน่วยปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ ของกองกำลังรบพิเศษของสหราชอาณาจักร”