จากทอม ดันดี ถึงสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
ผมเจอ ทอม ดันดี ศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดังที่แดน 1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
สำหรับผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและเคยมีชีวิตมั่งคั่งอันรุ่งโรจน์มาก่อน
การมาเป็นนักโทษการเมืองจึงเป็นความทุกข์ทรมานมากเป็นพิเศษ
เช่นเดียวกันกับหลายคนที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปในชีวิตทั้งในด้านการเงิน
การงาน และชีวิตครอบครัว
มีสิ่งเดียวที่เขาไม่ได้สูญเสียไปนั่นคือ ความเป็นศิลปิน นักร้อง นักแสดง
อารมณ์ขันและความบันเทิง เมื่อหลุดพ้นจากกรงขัง
เขาจึงเข้าสู่เวทีศิลปินเพื่อที่จะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์กลับมาอีกครั้ง
การกลับไปสู่วงดนตรีซูซู
จึงเป็นการกลับไปสู่รากฐานเดิมของอดีตที่เคยรุ่งโรจน์มาก่อน
ไม่ใช่เรื่องของจุดยืนทางการเมืองแบบเลือกข้าง
มีแต่พวกที่รับใช้เผด็จการแบบไม่ลืมหูลืมตาที่ไปขยายความแบบฉกฉวยที่จะสื่อความหมายว่า
ทอม ดันดี ย้ายข้างไปสนับสนุนเผด็จการ
ส่วนเรื่องการขอยุติการเมืองก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งสำหรับนักโทษการเมืองที่จะได้รับการอภัยโทษจากกษัตริย์
เพราะรัฐธรรมนูญไปให้กษัตริย์มีอำนาจเป็นเจ้าชีวิตเหนือราษฎรที่จะให้ได้รับโทษหรือพ้นโทษไป
นักโทษที่ปรารถนาจะได้รับอิสรภาพก่อนกำหนดโทษตามกฎหมายจะต้องทำเรื่องเขียนจดหมายขอการอภัยโทษจากษัตริย์โดยต้องแสดงถึงการสำนึกผิด
ในท้ายจดหมายเป็นการยืนยันว่าเมื่อพ้นโทษไปแล้วก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำความผิดอีกและจะขอเป็นพสกนิกรผู้จงรักภักดีหรือ
เป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ได้รับการอภัยโทษ แล้วต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
สุดท้ายก็กลายเป็นศพ ใบหน้าถูกทุบเละ ท้องถูกผ่ายัดด้วยเสาปูน
มัดห่อด้วยกระสอบป่านและตาข่าย จมดิ่งอยู่ใต้ท้องน้ำลึกลุ่มน้ำโขง
แม้ศพนี้จะโผล่ขึ้นมาเหนือท้องน้ำให้เห็นแต่ศพนี้ก็อันตรธานหายไปไร้ร่องรอย
ไม่มีการสอบสวน สืบสวน ใดๆ และไม่มีใครให้ความสนใจแม้แต่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
Somyot Pruksakasemsuk
(https://www.facebook.com/photo?fbid=642040526665322&set=a.121739258695454)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar