torsdag 2 augusti 2012

เสื้อแดงที่นายอภิสิทธิ์ใส่ครั้งนี้อาจถึงตาย......มีหรือที่หัวหน้าอมาตย์ใหญ่จะเก็บนายอภิสิทธิ์ไว้ ฉายา “นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” มิใช่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เป็นสรรพนามที่ได้มาโดยความเป็นจริงในชีวิต.......

โดย  ปูนนก

ภาพที่ไม่เคยคิดจะได้เห็นก็คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีปราศัย ถ้าย้อนเวลากลับไป 3 – 4 ปีย้อนหลังไป แทบจะเป็นไปไม่ได้แม้แต่ความฝันว่าจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะคิดเช่นไรก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า ปัจจุบันนี้ประชาชนในประเทศได้แบ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ อย่างชัดเจน คือ ฝ่ายเสื้อเหลือง และฝ่ายเสื้อแดง แม้ว่าจะมีผู้กล่าวอ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นทั้งเหลืองและแดง แต่ถ้าพูดคุยและวิเคราะห์การสนทนาให้ดีๆ ก็จะทราบได้เองว่า คนผู้นั้นก็จะมีทัศนคติดที่เลือกอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ระหว่างเหลืองหรือแดง

อันที่จริงการที่นายอภิสิทธิ์ หรือแม้แต่นายหงา (สุรชัย) ออกมาพูดเหมือนตัดพ้อ หรืออ้างสิทธิ์การใช้สีแดงว่า เป็นของคนทั้งชาติมิใช่เป็นเพียงคนเสื้อแดงเท่านั้น ถึงกับมีวลีเด็ดจากหงาว่า “เอาสีแดงคืนมา” เหล่านี้เป็นเพียงการออกมากล่าวร้อง “แก้เกี้ยว” เพียงเพื่อไม่ให้ตนเองอยู่ในฐานะผู้ที่อยู่ฝ่ายแพ้เท่านั้น เพราะหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า “คนเสื้อแดง” ได้ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งทางความคิดในแนวทางประชาธิปไตยอย่างท่วมท้น

และถ้าจะว่าไปแล้วการแยกสีเสื้อก็เกิดจากฝ่ายเสื้อเหลืองเป็นผู้เริ่มต้น โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ใช้เสื้อสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี และใช้ความเป็นสีเหลืองโจมตีผู้ที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยตลอดมาโดยกล่าวหาว่าถ้าใครไม่เข้าร่วมขบวนการสีเหลือง (ซึ่งบ่อยครั้งก็เอามาอ้างอิงกับเบื้องสูง) ก็จะกลายเป็นผู้จะล้มล้างสถาบันไป
อย่างไรก็ดี การที่นายอภิสิทธิ์ ขึ้นเวทีปราศัยที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในครั้งนี้โดยการกล่าวอ้างเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ 98 ศพที่ถูกสังหารไป และในตอนท้ายนายอภิสิทธิ์ ถึงกับเผยให้เห็นเสื้อสีแดงที่ตนเองสวมใส่อยู่ภายใน
ในการต่อสู้ทางการเมืองนั้นทุกย่างก้าวล้วนมีนัยยะทั้งสิ้น ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใส่เสื้อสีแดงขึ้นเวที และพูดเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ 98 ศพเช่นนี้ถ้าวิเคราะห์พิจารณาอย่างรอบคอบก็น่าจะเห็นถึงนัยยะอะไรบางอย่างได้ไม่มากก็น้อย
ก่อนอื่นต้องพิจารณาก่อนว่านายอภิสิทธิ์ มีลักษณะบุคคลิกนิสัยเช่นไร
  • นายอภิสิทธิ์ เป็นคนที่ชอบโอ้อวดในความสามารถทางการพูดของตนโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่พูดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม
  • นายอภิสืทธิ์ เป็นผู้นำที่ไม่มีความรับผิดชอบทั้งต่อสิ่งที่ตนเองพูด หรือต่อสิ่งที่ตนเองได้กระทำ
  • นายอภิสิทธิ์ เป็นคนที่ขาดกลัวไม่มีความกล้าหาญที่จะเผชิญต่อความจริง หรือรับผิดชอบในที่ตนเองได้กระทำไว้
  • นายอภิสิทธิ์ พร้อมที่จะโยนความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ตนกระทำให้กับผู้อื่นเป็นคนรับผิดชอบได้โดยทันที ที่รู้สึกว่าผลแห่งความผิดนั้นกำลังเข้ามาใกล้ตนเอง
  • นายอภิสิทธิ์ เป็นคนที่ดีแต่พูด และไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองได้พูดไปก่อนหน้านั้น
ความผิดต่างๆ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทำเอาไว้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเลวร้ายที่ทำให้นายในนายอภิสิทธิ์ ตกที่นั่ง “ล้มละลายทางการเมือง” อย่างสิ้นเชิงก็คือ การหลบเลี่ยงการเข้ารับราชการทหาร การพูดสนับสนุนแก้ไข รัฐธรรมนูญ แต่ภายหลังกลับมาคัดค้าน การล้อมปราบประชาชนเสียชีวิตไป 98 ศพ รวมถึงการปฏิเสธรายวันโดยปัดความรับผิดชอบในความผิดของตนเองและโยนความผิดให้ผู้อื่น
เหล่านี้ล้วนแต่ทำให้นายอภิสิทธิ์ ที่มีอุปนิสัยขาดกลัว และไม่กล้าเผชิญกับความจริง ต้องตกที่นั่งลำบากหาทางออกไม่ได้ และเมื่อความผิดยิ่งเข้าใกล้ตัวเองมากเท่าไร ความกดดันต่อความรู้สึกของคนประเภทนี้ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อกลางดึกวันที่ 24 กรกฏาคม ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ได้เข้าไปพบกับ พล.อ. เปรม ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศน์เพื่อขอคำปรึกษา ไม่มีใครทราบว่าป๋าเปรม กับนายอภิสิทธิ์ พูดอะไรต่อกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือนายอภิสิทธิ์ เข้าพบกับ พล.อ. เปรม ภายหลังจากมีเรื่องมากมายเข้ามากระทบกับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนีทหาร, เรื่องการคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ, เรื่องการปราบปรามประชาชน ฯลฯ แม้ว่านายอภิสิทธิ์ จะบอกว่าการเข้าพบเพียง 5 – 10 นาที และไม่มีเรื่องอะไร นอกจาก พล.อ. เปรม อวยพรและให้กำลังใจในการทำงานก็ตาม แต่ในความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ไม่มีใครทราบ
ที่สำคัญหลังจากนายอภิสิทธิ์ได้เข้าพบกับ พล.อ.เปรมได้ไม่กี่วัน ก็ออกมาใส่เสื้อแดงทวงถามความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกสังหาร 98 ศพ แม้ว่าในเนื้อหาการปราศัยจะโจมตีพรรคเพื่อไทย และนายกทักษิณ เช่นเดิม แต่โดยนัยยะ การใส่เสื้อแดงขึ้ยเวทีปราศัยบอกว่า สีแดงเป็นสีของทุกคน และทวงถามความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกสังหาร โดยนัยยะนี้มีความหมายว่าอะไร
ใครเป็นผู้สั่งการให้มีการ “สังหารประชาชนที่ราชประสงค์”
ใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังในวันที่มีการล้อมปราบประชาชน
ใครเป็นผู้อุ้มชู และคอยปกป้องการกระทำผิดให้กับนายอภิสิทธิ์ ตลอดมา
กองทัพที่เคยเป็นกำลังให้กับนายอภิสิทธิ์ เริ่มแสดงออกมาอย่างชัดแจ้งว่าจะไม่ช่วยเหลืออีกต่อไป
องค์กรอิสระ เริ่มจะไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลก. ต้องกลับลำในการวินิจฉัย คดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปปช. ชี้มูลว่า นายสุเทพ มีความผิดฐานแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ
แต่ละคนเริ่มแสดงให้เห็นว่าต่างเอาตัวรอดให้พ้นจากท่ามกลางวิกฤติศรัทธาที่กำลังเกิดขึ้นโดยทั่ว่ไปนี้ แล้วคนอย่างนายอภิสิทธิ์ มีหรือจะยอมที่จะกลายเป็นแพะ ที่จะต้องถูกบูชายันต์แต่เพียงผู้เดียว

การใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในครั้งนี้ เป็นการบอกโดยนัยให้ไปถึงผู้ที่อำนาจอยู่สูงกว่าเขาว่า “ถ้าไม่ยอมปกป้องนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ รับรองได้พังทั้งระบบแน่” โดยนิสัยขี้ขลาดตาขาว และความเห็นแก่ตัวที่มีอยู่อย่างเต็มที่ในชีวิตของนายอภิสิทธิ์ นั้น เชื่อแน่ว่า นายอภิสิทธิ๋ จะไม่ยอมที่จะให้ตนเองต้องกลายเป็นเหยื่ออยู่เพียงผู้เดียวแน่นอน นับจากนี้ไปคงจะได้เห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของนายอภิสิทธิ์ มากขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนเสื้อแดง แต่ทว่าในสายตาของผู้มีอำนาจฝ่ายอมาตย์ สิ่งที่นายอภิสิทธิ์กระทำไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอน แต่นายอภิสิทธิ์ กำลังกลายเป็นตัวร้ายที่จะทำลายระบบโครงสร้างของฝ่ายอำนาจเผด็จการอย่างร้ายแรง
และมีหรือที่หัวหน้าอมาตย์ใหญ่จะเก็บนายอภิสิทธิ์ไว้ ฉายา “นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” มิใช่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เป็นสรรพนามที่ได้มาโดยความเป็นจริงในชีวิต

เฮ้อออ... มองดูอนาคตของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้ว น่าเห็นใจจริงๆ ต่อไปนายอภิสิทธิ์ อาจจะต้องเลิกทานขนมจีนแกงเขียวหวานไก่.. หรือข้าวเหนียวมะม่วง เสียแล้ว มิฉะนั้นอาจจะเป็นของแสลงสำหรับเสื้อแดงที่ใส่ขึ้นเวทีปราศัยในครั้งนี้

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar