บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอียิปต์และ เอธิโอเปีย......

โดย แสงตะวัน

ก่อนปี พ.ศ ๒๔๙๕ หรือ ปี ค.ศ. 1952 ย้อนหลังไปเมื่อ สมัย กษัตริย์ฟารุกยังมีอำนาจปกครองประเทศอียิปต์  ซึ่งสภาพการณ์บ้านเมืองระบอบการปกครองไม่ต่างกับของประเทศไทยในเวลานี้
อียิปต์ในเวลานั้น มีกษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ หรือเรียกว่าประเทศปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการกษัตริย์   โดยใช้อำนาจ กดขี่ข่มเหง ขูดรีดประชาชน ทรยศคตโกงประเทศชาติ ทำตัวเหลวแหลก ทำตัวเป็นเพล์บอย มีเมีย มากมาย จนประชาชนทนไม่ได้ในที่สุด ก็ถูกคณะทหารนำโดย พันเอก Gamal Abdel Nasser และ Muhammad Naquip โค่นลง เมื่อวันที่ ๒๖ เดือน กรกฎาคม พศ. ๒๔๙๕ แล้วกษัตริย์ฟารุค ก็ถูกเนรเทศออกไปจากประเทศอียิปต์ ระบอบกษัตริย์ของอียิปต์ก็สิ้นสุดลง อียิปต์ได้เปลี่ยนมาเป็นระบอบสาธารณรัฐจนถึงเวลาปัจจุบัน โดย พันเอก นัสเซอร์ได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกปกครองประเทศอียิปต์มาจนตายและมีการปกครองโดย ระบอบสาธารณรัฐมาจนถึงปัจจุบัน...

อีกหนึ่งตัวอย่างให้ย้อนมองไปดูการเปลี่ยนแปลงในประเทศ เอธิโอเปีย สมัยที่จักรพรรดิ Haile Selassie ถูกโค่นล้มลงในวันที่ ๒๗ สค. ๒๕๑๘ โดย พันเอก Mengistu Haile Mariam จักรพรรดิ ไฮลีเซลาสซี่ ปกครองประเทศเอธิโอเปียโดยระบอบเผด็จการโดยปล่อยให้ ประชาชนอดอยากทุกข์ยาก เดือดร้อนไปทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันจักรพรรดิมีชีวิตอยู่อย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา  แม้แต่หมาของจักรพรรดิต้องกินอาหารจากจานทองคำเท่านั้น  คดโกงโดยลักลอบเอาเงินของชาติไปฝากไว้ที่ธนาคารต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล
ในเมื่อประชาชนเอธิโอเปียยากจนอดอยากไม่มีจะกิน ได้รับความเดือดร้อนหนักเข้าทนความอดอยากแร้นแค้นไม่ไหว   พัน เอก Mengistu Haile Mariam ก็ได้โค่นล้มจักรพรรดิ ไฮลี เซลาสซี่ลง แล้วเปลี่ยนการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นระบอบ สาธารณรัฐ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

ฉะนั้น  ประเทศไทยก็ควรได้ศึกษาค้นคว้าดูบทเรียนจากประวัติศาสตร์ของประเทศอียิปต์และเอธิโอเปียเพราะสภาพการณ์ของระบอบการปกครองของไทยใน เวลานี้ก็ไม่ต่างไปจากในประเทศอียิปต์ในอดีตสมัยกษัตริย์ฟารุค....
ถ้าต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย เหมือนกับสองประเทศที่ยกตัวอย่างมา  .....