เลื่อนเลือกตั้ง 3-4 เดือนมีใครตายไหม ปัดโธ่ ไม่มีหรอก คนไทยไม่ว่าอะไร “ขอเวลาอีกไม่นาน” อยู่มา 3-4 ปี ยื้อเป็น 4-5 ปี สีทนได้
เลื่อนแค่นี้ บอกกันตรงๆ ก็ได้ คนไทยเหนือชาติใดในโลก สามารถทนอดต่อไป เพียงไม่น่าให้คำมั่น ให้คำพูดเป็นนาย ให้ฝรั่งมันทวงเอาได้
ไม่อยากเลือกตั้งก็บอก ไม่น่าออกมาเป็น “อภินิหารทางกฎหมาย” จนพรรคเพื่อไทยด่าเอาได้ว่า “โกงกฎหมาย”
รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ให้ กรธ.ร่างกฎหมายลูก 240 วัน สนช.พิจารณา 60 วัน เลือกตั้งใน 150 วันหลังกฎหมาย 4 ฉบับบังคับใช้ รัฐธรรมนูญก็พวกท่านร่างกันเอง ผลักดันกันเอง ในแม่น้ำ 5 สาย ที่ไหนได้ พอกฎหมายพรรคการเมืองบังคับใช้ กำหนดให้ต้องทำโน่นทำนี่ใน 90 วัน 180 วัน กลับไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง
ครั้นลุงกำนัน กับไพบูลย์ นิติตะวัน ที่จะตั้งพรรคหนุนท่านผู้นำ ไปร้องขอแก้ไขเพื่อความเท่าเทียม ท่านผู้นำก็จัดให้ ใช้ ม.44 ออกคำสั่งรีเซ็ตสมาชิกพรรคเก่า และให้รอทำกิจกรรมหลัง คสช.สั่งปลดล็อก ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่
พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ดักคอไว้ว่า การกำหนดเวลาให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้หลังยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช.นั้น “…เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า มีเจตนาซ่อนเร้นว่าจะมีการเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ออกไป เพราะเมื่อถึงเวลาดังกล่าว พรรคการเมืองไม่อาจดำเนินการหรือส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทัน ก็จะเป็นเหตุผลและข้ออ้างของ คสช.ให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งได้”
พรรคเพื่อไทยมันโง่ คาดผิดถนัด คิดว่ารอไว้ตอนพรรคการเมืองโวยวาย คสช.ก็จะใช้เป็นข้ออ้างเลื่อนเลือกตั้ง ที่ไหนได้ สนช.ชิงใจกว้าง ตักบาตรไม่ต้องถามพระ ยกคำสั่ง คสช.ไปอ้างว่าจะทำให้พรรคการเมืองเตรียมตัวไม่ทัน อย่ากระนั้นเลย ยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปอีก 90 วันดีกว่า กลายเป็นต้องเลือกตั้งใน 90+150 วัน ถ้าเตรียมไม่ทันก็มีเวลาเผื่อ แต่ถ้าไม่มีปัญหาก็อาจเลื่อนแค่ 1 เดือน ขยายเงื่อนเวลาไว้ให้ คสช.
ทั้งหมดนี้ไม่มีใบสั่ง เข้าใจตรงกันนะ สนช.เป็นอิสระ เรามีรัฐธรรมนูญ มีการแยกอำนาจ 3 ฝ่าย ฝ่ายบริหารสั่งฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ ลุงตู่ก็บอกแล้วไง “เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา” ต้องทำให้สภาเข้มแข็ง ต้องเชื่อมั่น ลุงตู่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง ไม่ก้าวล่วงกระบวนการของรัฐสภา
อันนั้นเป็นอำนาจ คสช. ส่วนที่บอกว่า “เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา” อันนี้คือลุงตู่ที่เป็นนายกฯ คนไทยต้องรู้จักแยกแยะ รัฐบาลกับ คสช.แยกจากกัน มีเงินเพิ่มเงินประจำตำแหน่งแยกต่างหาก
ทั้งหมดนี้เราเรียกว่ากระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งปู่ดอน ปรมัตถ์วินัย บอกว่าอียูน่าจะเข้าใจ เพราะเขาก็มีระบอบรัฐสภา มีฝ่ายนิติบัญญัติแยกเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร
ใช่เลย ฝรั่งแยกอำนาจ 3 ฝ่ายจากกัน ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้แต่งตั้งจากฝ่ายบริหารหรือฝ่ายทหาร ฝ่ายทหารไม่ได้ออกประกาศ คำสั่งเป็นกฎหมาย ให้ฝ่ายตุลาการตัดสินลงโทษชาวบ้าน แบบใครฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้สิทธิชุมนุม แม้มีรัฐธรรมนูญก็ให้ถือว่าผิดกฎหมาย ตรวจค้นจับกุมได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล
เราอยู่ในระบอบที่บอกว่ามีรัฐธรรมนูญ มีการแบ่งแยกอำนาจ มีการปกครองด้วยกฎหมาย ประชาชนต้องเคารพกฎหมาย รัฐบาลก็ทำตามกฎหมาย อยู่ในหลักนิติรัฐนิติธรรม แต่ คสช.ออกประกาศคำสั่งเป็นกฎหมาย โดยนักกฎหมายใหญ่อดีตอธิการฯ ธรรมศาสตร์ยืนยัน ใครก็ฟ้อง ม.44 ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญรับรอง ม.44 ไว้แล้ว
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราอยู่ใต้ระบอบอะไร “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว” ก็ไม่เชิง เพราะใช้ ม.44 ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร นิติรัฐนิติธรรม Rule of Law ก็ไม่ใช่ เพราะกลายเป็น Rule of One Man Show แต่อ้างว่ามีหิริโอตตัปปะ มีธรรมาภิบาล จนสามารถแยกกฎหมายออกจากเหตุผลและความยุติธรรม
นี่กระมัง ไทยนิยม วิเศษนิยม ไม่เอามาตรฐานสากล กระทั่งองค์กรเพื่อความโปร่งใสต้องถอนตัวจากนานาชาติ แต่ขณะเดียวกันก็พยายามบอกฝรั่งว่าเรามีกติกา ให้ประชาชนเคารพกฎกติกา ที่ออกมาโดยอำนาจวิเศษนิยม เดี๋ยวๆ ก็บอกว่าเรามีอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ เดี๋ยวๆ ก็ใช้ ม.44 อยู่เหนือทุกอย่าง
เลื่อนเลือกตั้งไม่มีใครตายหรอก ใช่เลย เว้ากันซื่อๆ ก็ได้ แต่ใช้อภินิหารแบบนี้ตายหมดทั้งกฎหมาย กติกา เหตุผล หลักการ เหลือแต่ระบอบอุปโลกน์ ที่ขึ้นอยู่กับผู้นำเท่านั้น
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar