onsdag 30 januari 2013

"สงครามมวลชน... สงครามศรัทธา... สงครามความเชื่อ "พวกเราจงร่วมจับมือกันอย่างแข็งแกร่งมุ่งมั่นแน่วแน่เดินหน้าสูู่จุดหมาย ด้วยพลังความเชื่อและศรัทธาที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยมีระบอบประชาธิปไตยใช้ในการบริหารปกครองประเทศ ไม่ใช่ระบอบเผด็จการราชาธิปไตยเหมือนปัจุบันนี้....

เสียงจากประชาชนฝากถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

โดย  ปูนนก 

สงครามมวลชน... สงครามศรัทธา... สงครามความเชื่อ

มีคำกล่าวว่า You are what you eat.หรือ You are what you believe.คำที่ว่า You are what you eat. ก็ฟังดูเข้าใจได้ไม่ยากเพราะ ร่างกายจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับอาหารการกินนั้น เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่คำว่า You are what you believe.นั้นอาจจะเข้าใจได้ยากสักหน่อยเพราะถ้าแปลกันตรงตัวก็คือ “ชีวิตของท่านจะเป็นไปตามสิ่งที่ท่านเชื่อ”นั้น ยากที่จะเข้าใจได้ในทางปฏิบัติ

เคยอ่านหนังสือขายดีชื่อ The Secret ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องพลังแห่งความศรัทธา, ความเชื่อและพลังดึงดูดทางความคิดไว้เช่นนี้ ผมอยากจะแปลประโยค You are what you believe. เป็นประโยคในภาษาไทยว่า “ท่านจะสร้างชีวิตได้ด้วยความเชื่อและศรัทธา” เพราะความศรัทธานั้นเป็นความเชื่อที่มั่นคงและฝังแน่..ซึ่งเกิดขึ้นในระดับที่ลึกซึ้​งยิ่งกว่าความเชื่อธรรมดาๆ ความศรัทธา นั้นจะทำให้เกิดการอุทิศชีวิตให้กับสิ่งที่ตนเชื่อมั่น เป็นความเชื่อที่ไม่คลอนแคลนและเปลี่ยนแปลงได้ยาก ผู้ที่มีความศรัทธาจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กับผู้ที่มีความงมงาย เพียงแต่ความศรัทธานั้นจะเกิดอยู่ระดับที่มีเหตุผลกว่า และเป็นเหตุผลที่พิสูจน์ได้จริง เช่นศรัทธาในการทำความดีเพราะเชื่อว่าการทำดีย่อมส่งผลที่ดีให้แก่ตนและคนที่ตนรัก, ศรัทธาในการดำรงชีวิตแบบชีวจิตและไม่ทำร้ายธรรมชาติเพราะเชื่อว่าวิถีชีวิตแบบนี้จะส​่งผลให้มีสุขภาพที่ดี และจะเกิดสิ่งดีๆ ขึ้นแก่สังคมโดยรวม ฯลฯ

พลังแห่งความเชื่อ และศรัทธาสามารถสร้างสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ไม่น่าเชื่อขึ้นในโลกนี้มากมาย ทัชมาฮาล, พระธาตุเจดีย์ หรือพระพุทธรูปองค์ใหญ่มหึมา มากมายที่มี ผู้สร้างเอาไว้บนยอดเขา หรือตามหน้าผา ซึ่งแม้แต่เดินทางด้วยเท้าตัวเปล่าๆ ก็ยากที่จะไปถึง แต่ก็มีผู้ไปสร้างสิ่งอัศจรรย์เช่นนั้นไว้จนได้ เหล่านี้คือความอัศจรรย์ของพลังแห่งความศรัทธาที่ผู้คนมีให้ต่อสิ่งที่เขาศรัทธา


วันอังคารที่ 29 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ผมได้เห็นพลังแห่งความเชื่อและความศรัทธาของประชาชนผู้ศรัทธาประชาธิปไตย ซึ่งต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยอย่างแท้จริงจำนวนมากที่ไปรวมตัวกันจำนวนม​ากที่หมุดคณะราษฎร์ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า รวมตัวกันจะไปยื่นหนังสือข้อเรียกร้องถึงท่านนายกยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนเสื้อแดงที่ถูกจำขัง และถูกออกหมายจับอีกมากมายให้พ้นจากคดีและการจำขังเสียที

กลุ่มประชาชนที่เรียกว่า “กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล” โดย อาจารย์สุดา รุ่งกุพันธ์ (หวาน) ซึ่งถือได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประโยชน์ในทางการเมือง เป็นผู้จุดประกายมารวมตัวกันในครั้งนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงดึก ประชาชนมารวมตัวกันนับหมื่นๆ คน ทั้งๆ ที่ กลุ่มพลังคนเสื้อแดงหลักอย่าง นปช. ก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมด้วย เป็นเหมือนกฐินคนละกอง หมอเหวงถึงขั้นบอกว่า “ก็ไม่มีอะไรเพียงแค่ต้องการแย่งการนำเท่านั้น”ดังนั้นจึงแทบจะเรียกได้ว่ากลุ่มประชาชนที่ไปร่วมการชุมนุมครั้งนี้เป็นพลังประชาธิป​ไตยที่มีความต้องการเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงโดยไม่มีผลประโยชน์ในทางการเมืองเข้ามา​แอบแฝงซ่อนเร้น

ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ. ดร. เฉลิม อยู่บำรุง ออกมารับหนังสือข้อเรียกร้อง และขึ้นประกาศบนรถโมบายว่า “รัฐบาลกับคนเสื้อแดงเป็นพวกเดียวกัน” แต่พอถึงเวลาต่อสู้จริงจังถึงเลือดถึงชีวิต เฉลิม กลับเตรียมตัวหนีอยู่ชายแดนกัมพูชา นักการเมืองก็เป็นเช่นนี้ นักการเมืองเหล่านี้ไม่เคยมีชีวิตที่ผูกพันกับประชาชน ไม่เคยร่วมต่อสู้ ไม่เคยมีชีวิตที่ลำบากยากไร้ร่วมกับประชาชน นักการเมืองเหล่านี้ “ไม่เคยศรัทธาในพลังของประชาชน” พวกเขามองประชาชนเป็นเพียงแค่ฐานที่จะก้าวขึ้นไปสู่การถือครองอำนาจในรัฐบาล

ประเด็นหลักของกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล หรือการเมืองภาคประชาชนในครั้งนี้ก็คือ ต้องการให้พี่น้องคนเสื้อแดงที่ถูกจำขัง หรือที่ถูกออกหมายจับโดยไม่เป็นธรรมเหล่านี้ ได้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทางการเมืองเหล่านี้เสียที ผมเชื่อว่านี่คือทางแยกอันสำคัญที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และท่านนายกยิ่งลักษณ์ จะเลือกสร้างให้เกิดความ “สนิทแนบแน่น”กับพี่น้องคนเสื้อแดง ที่เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับรัฐบาลต่อไป โดยการที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์แสดงท่าทีเอาจริงเอาจังและจริงใจที่จะให้ความช่วยเหลือพ​ี่น้องทีตกอยู่ในสภาวะทียากลำบากเหล่านั้น อะไรที่ทำได้ก็ทำอะไรที่ทำไม่ได้ด้วยเหตุผลใดก็ชี้แจงให้พี่น้องคนเสื้อแดงได้รับรู้​ หรือท่านนายกยิ่งลักษณ์จะเลือกสร้างให้เกิดความ “เหินห่างและหมางเมิน”กับพี่น้องคนเสื้อแดงให้มากยิ่งขึ้นโดยแสดงความเฉยชา และเมินเฉย ต่อข้อเรียกร้องและข้อเสนอนี้ โดยไม่มีการสื่อสารใดๆ กับพี่น้องคนเสื้อแดงให้ได้รับทราบเลยว่า อะไรสามารถทำได้หรืออะไรทำไม่ได้

 




ท่านนายกยิ่งลักษณ์ครับ.. ประเทศไทยมิได้มีปัญหาด้านเศรษฐกิจหรือความเจริญรุ่งเรือง  
ของประเทศเป็นปัญหาหลักนะค​รับ ปัญหาหลักของประเทศไทยที่แท้จริงแล้วอยู่ที่ปัญหาทางการเมือง และอำนาจการปกครองประเทศนี้ ถ้าประเทศไทยมีปัญหาทางเศรษฐกิจจริง ท่านนายกทักษิณ คงไม่สามารถเข้ามาบริหารประเทศแล้วทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นคืนหลังพิษวิกฤติการณ์ “ต้มยำกุ้ง”และสามารถคืนเงินกู้ให้กับ IMF ได้ก่อนกำหนดถึง 2 ปี แต่ตรงข้ามนับตั้งแต่การรัฐประหารกันยายน 2549 เป็นต้นมา ประเทศไทยเสื่อมถอยลงทุกด้าน มิใช่เพราะเศรษฐกิจไทย หรือเศรษฐกิจโลกตกต่ำ แต่เป็นเพราะเสถียรภาพทางการเมืองของไทยเองที่ไม่มั่นคงทำให้ทุกอย่างทรุดตามไปด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกืคือ การแก้ปัญหาทางการเมืองให้ได้ก่อนนะครับ

ผมยังเชื่ออยู่เสมอครับว่าท่านนายกยิ่งลักษณ์ ยังคงเป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องคนเสื้อแดง และท่านก็เป็นคนเสื้อแดงคนหนึ่งด้วยเช่นกัน ผมมีรูปภาพของท่านมากมายที่ท่านใส่เสื้อสีแดงออกไปหาเสียงในคราวเลือกตั้งใหญ่ท่ามกล​างคนเสื้อแดง แล้วท่านก็ได้คะแนนเสียงท่วมท้น ผมถือว่าการที่ท่านนายกกระทำเช่นนั้นคือ คำปฏิญญา ว่า ท่านเองก็มีชีวิตเป็นหนึ่งในคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้กันมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นความทุกข์ยากที่พี่น้องคนเสื้อแดงจำนวนมากกำลังได้รับอยู่นี้ ท่านนายกก็ควรจะมีส่วนร่วมรับความทุกข์ด้วยเช่นเดียวกับพวกเรา

ผมยังไม่เชื่อว่า ท่านนายกยิ่งลักษณ์ จะเป็นเหมือนนักการเมืองจำนวนมากที่อยู่ในสภาเวลานี้ ที่เขาเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนใดๆ ในการร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมความยากลำบาก มากลับประชาชนจำนวนมาก และพวกเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะโดดหนีจากเรือของคนเสื้อแดงเพียงเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้​น......

ผมยังคงเชื่อว่าท่านนายกยิ่งลักษณ์ เจ็บปวดไปกับความทุกข์ยากของประชาชนคนเสื้อแดงที่กำลังถูกกระทำย่ำยีอยู่ในเวลานี้ และรวมถึงผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมด้วย เพราะท่านนายกมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และท่านกำลังหาทางช่วยเหลือพี่น้องผู้ต้องประสบกับความทุกข์ยากเหล่านั้นอยู่


แต่ทว่าท่านนายกยิ่งลักษณ์ครับ... เมื่อท่านมุ่งหน้าพัฒนาเศรษฐกิจของชาติไปนั้น ประชาชนในชาติจำนวนมากก็ได้รับการพัฒนาไปด้วย อยู่ดีกินดี มีเงินใช้มากขึ้นไปด้วย.... และที่สำคัญเศรษฐกิจของกลุ่มทุนที่อยู่ในเครือข่ายญาติพี่น้องของท่านก็อยู่ดีมีสุข มีกำไรเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะที่ปัญหาทางการเมืองไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาพี่น้องของเราก็ยังคงถูกจำขัง ถูกหมายจับ เขาเหล่านั้นไม่ได้รับอานิสงค์ใดๆ จากเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น หรือจากเงินรายได้เข้าประเทศ 2 ล้านล้าน บาท ที่ท่านนายกตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะหาเงินเข้าประเทศให้ได้ในปีนี้เลยนะครับ

ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ครับ ช่วยกรุณาหันมาดูแล เอาใจใส่ต่อพี่น้องของเรา ที่เขาร่วมกันต่อสู้เพื่อให้ท่านได้เป็นรัฐบาลนี้มาด้วยเถอะครับ.. ผมเชื่อว่าพี่น้องคนเสื้อแดงใจกว้างพอที่จะยอมรับว่า “อะไรที่รัฐบาลทำได้ หรืออะไรที่รัฐบาลทำไม่ได้” ในขณะนี้ ถ้ารัฐบาลพยายามสื่อสารกับคนเสื้อแดงไม่ว่าจะในทางลับระดับแกนนำ หรือในทางสาธารณะ เพื่อให้เป็นที่รับรู้และเข้าใจซึ่งกันและกัน และทีสำคัญพี่น้องคนเสื้อแดงได้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลื​อผู้ตัองขังและออกหมายจับในความผิดทางการเมือง พี่น้องคนเสื้อแดงก็จะไม่ทอดทิ้งรัฐบาลหรอกครับ

ถ้าท่านนายกยิ่งลักษณ์เชื่อและศรัทธาในประชาชน อย่ารอให้เนิ่นช้าไปอีกเลยครับ.. “ความยุติธรรมที่ล่าช้า..ก็คือความไม่ยุติธรรม... justice delayed is justice denied” (วิลเลียม เอวาร์ต แกล็ดสโตน).. ผมไม่อยากคิดแล้วนะครับว่า “หนึ่งนารีขี่ม้าขาว..ควงคฑาคว้าดาวสู่ความฝัน”จะเป็นนารีคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ อีก และทั้งหมดนี้ก็คือ การสื่อสารพูดคุยฉันท์เพื่อนมิตรร่วมศึกครับ ถ้าท่านนายกมองพี่น้องคนเสื้อแดงเป็นเพื่อนเช่นเดียวกัน
ปูนนก
 



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar