......เหลือบศักดินาผู้ไม่รู้จักพอเพียง .......จงมาช่วยกันประณามตัวเหลือบศักดินา.....ที่โลภมากไม่รู้จักพอเพียงกินบ้านโกงเมืองอย่างหน้าด้านไม่รู้จักอาย.....

   
          (สมุนตัวเหลือบ)

โดย   หนานเมือง

ภายหลังโครงการนำร่องแลกหุ้น ปตท. กับที่ดินสำเร็จ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เดินหน้าต่อ คราวนี้...ตั้งเป้าขอหุ้นไทยพานิชย์คืน โดยใช้ที่ดินที่เรียกว่า ทุ่งพญาไท (ที่ตั้งองค์การเภสัชกรรมปัจจุบัน) ขอแลกคืนหุ้นไทยพาณิชย์ที่กระทรวงการคลังถืออยู่

ในช่วงวิกฤตการณ์ (2540-2543) สถาบันการเงินทุกแห่งของไทยประสบปัญหาเหมือนกันนั่นคือ ปัญหาความเสียหายจากหนี้เสียจำนวนมหาศาล ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ไม่แตกต่างกัน

จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา นำธนาคารไทยพาณิชย์เข้าโครงการ 14 สิงหา ของกระทรวงการคลัง คือเปิดให้ธนาคารขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลังในการเพิ่มทุนกระทรวงฯ ให้ธนาคารเพิ่มทุนให้ได้ 32,500 ล้าน และรัฐบาลก็เพิ่มเงินเข้าไปอีก 32,500 ล้าน

การเพิ่มทุนประสบความสำเร็จแต่ธนาคารใส่เงินเข้าไป 7,000 เท่านั้น ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ สนง. ทรัพย์สินฯ เหลือเพียงประมาณ 12.53% (จาก 25% ของหุ้นทั้งหมด) ขณะที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 38%
กระทรวงการคลังใส่เงินเข้าไปจำนวน 32,500 ล้านบาท ออก WARRANT ให้เอกชนซื้อหุ้นของกระทรวงการคลังได้ภายใน 3 ปี ด้วยราคาเงินต้นบวกดอกเบี้ยเมื่อต้นปี 2545

ภายหลังสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้คลี่คลายลง ธนาคารไทยพาณิชย์เริ่มมีผลกำไรดีขึ้นอย่างงดงาม ความพยายามในการขอซื้อคืนหุ้นจากกระทรวงการคลังก็เริ่มต้นอีกครั้ง จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สนง.ทรัพย์สินฯ และประธานกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ข้อเขียนปี 2547 : [จิรายุ เป็นนายกกรรมการ(2541-2550)ปัจจุบันลาออกไปเป็นประธานกรรมการ เครือซีเมนต์ไทย,อานันท์ ปันยารชุน เป็น นายกกรรมการ ธ.ไทยพานิชย์ แทนตั้งแต่ปี 2550.. ] ฉลาดพอที่จะไม่นำเงินของสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นคืนจากกระทรวงการคลัง

เขาให้ สนง.ทรัพย์สินฯ เสนอต่อกระทรวงการคลัง แลกเปลี่ยนทรัพย์สิน เช่นเดียวกับที่ทำกันหุ้น ปตท.คราวนี้เขา ขอซื้อหุ้นคืน 410 ล้านหุ้น โดยอ้างว่า เพื่อให้จำนวนหุ้นของสำนักงานทรัพย์สินฯ ครบ 25% ของปริมาณหุ้นทั้งหมด ใช้ราคาซื้อขาย 29 บาท/หุ้น ตามราคา ณ วันที่ครบ WARRANT เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2545 รวมแล้วเป็นเงินประมาณทั้งสิ้น 12,000 บาท โดยใช้ที่ทุ่งพญาไท จำนวน 484.5 ไร่

ที่ดิน คิดราคาประเมิน 16,500 ล้านบาท อย่าดีใจว่า กระทรวงการคลังจะมีกำไร จากมูลค่าที่ดินมากกว่ามูลค่าหุ้นดังกล่าว... ส่วนต่าง 4,500 ล้านบาท กระทรวงการคลัง ต้องโอนทรัพย์สิน ในธนาคารไทยพาณิชย์ ประมาณอีก 153 ล้านหุ้นเพิ่มให้สำนักงานทรัพย์สินฯ

เรียกได้ว่ากระทรวงการคลังยุค ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น รมต.กระทรวงการคลัง..ยอมเสียเปรียบ..ยอมเสียประโยชน์ทุกกระบวนท่า กลายเป็นทำธุรกิจที่เรียกว่าแล้วแต่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะเลือกเอาทั้งๆที่ทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง....มาจากเงินภาษีของประชาชนทั้งสิ้น

ไม่เพียงแค่นั้นเงินจำนวนที่มาเพิ่มทุนในธนาคารไทยพาณิชย์เมื่อปี 2542 ระดมทุนมาจากประชาชนด้วยการออกพันธบัตร ที่มีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ย 4.25 ต่อปี (ชำระค่าดอกเบี้ยทุก 6 เดือน) ยังมีภาระต้องไถ่ถอนพันธบัตรจำนวนนี้ในปี 2552

ประการต่อมาโครงการ 14 สิงหา เขียนไว้ชัดเจนว่า เมื่อจำหน่ายหุ้นออกไปรัฐบาลจะต้องนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปไถ่ถอนพันธบัตรทันที แต่ขายครั้งนี้รัฐไม่ได้เงินสดกลับมาเลยสักบาทเดียว แล้วจะเอาเงินตัวไหนไปไถ่ถอนพันธบัตรหาทางออกกันอยู่นาน พันธ์ทิพ สุรทินท์ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เสนอทางออกต่อ สมหมาย ภาษี รองปลัดกระทรวงการคลัง

หนึ่ง ทำข้อตกลงโอนหุ้น 563 ล้านหุ้น(มูลค่า 16,500 ล้านบาท) ให้ สนง.ทรัพย์สินฯ ภายใน 3 ปี ช่วงที่ยังโอนไม่ครบคลังขอใช้สิทธิรับเงินปันผลจากหุ้นดังกล่าว

สอง ให้ รมต. กระทรวงการคลังแต่งตั้งกองทุนจากการขายหุ้นหรือทรัพย์สินที่กระทรวงเป็นเจ้าของเพื่อชำระค่าไถ่ถอนพันธบัตรของหุ้นที่จะนำไปแลกกับสนง.ทรัพย์สินฯ กำกับโดยคณะกรรมการมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจทำหน้าที่เลขานุการ เป็นทางออกที่ ดูจะเป็นภาระกับกระทรวงการคลังมาก....แต่ ก็ยังยอมทำตาม

เรื่องนี้เป็นที่นินทากันมากในสังคมคนทำธุรกิจและคนในกระทรวงการคลังที่รับรู้เหตุการณ์

....เมื่อครั้งไทยพาณิชย์ลำบากกระทรวงการคลังก็ทุ่มสุดตัวในขณะที่สนง.ทรัพย์สินฯในฐานะหุ้นใหญ่กลับใส่เงินเข้าไปช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย... แต่วันนี้เศรษฐกิจดีขึ้นก็จะมาทวงสัดส่วนการถือหุ้นคืน แล้วก็ทวงแบบไม่ต้องจ่ายเงินให้เปลือง ... คิดโครงการอย่างนี้ได้อย่างไรและกระทรวงการคลังโดยสมคิดก็ยอมเสียด้วย...ภายหลังโครงการนำร่องแลกหุ้น ปตท. กับที่ดินสำเร็จ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เดินหน้าต่อ คราวนี้...ตั้งเป้าขอหุ้นไทยพานิชย์คืน โดยใช้ที่ดินที่เรียกว่า ทุ่งพญาไท (ที่ตั้งองค์การเภสัชกรรมปัจจุบัน) ขอแลกคืนหุ้นไทยพาณิชย์ที่กระทรวงการคลังถืออยู่

ในช่วงวิกฤตการณ์ (2540-2543) สถาบันการเงินทุกแห่งของไทยประสบปัญหาเหมือนกันนั่นคือ ปัญหาความเสียหายจากหนี้เสียจำนวนมหาศาล ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ไม่แตกต่างกัน

จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา นำธนาคารไทยพาณิชย์เข้าโครงการ 14 สิงหา ของกระทรวงการคลัง คือเปิดให้ธนาคารขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลังในการเพิ่มทุนกระทรวงฯ ให้ธนาคารเพิ่มทุนให้ได้ 32,500 ล้าน และรัฐบาลก็เพิ่มเงินเข้าไปอีก 32,500 ล้าน

การเพิ่มทุนประสบความสำเร็จแต่ธนาคารใส่เงินเข้าไป 7,000 เท่านั้น ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ สนง. ทรัพย์สินฯ เหลือเพียงประมาณ 12.53% (จาก 25% ของหุ้นทั้งหมด) ขณะที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 38%
กระทรวงการคลังใส่เงินเข้าไปจำนวน 32,500 ล้านบาท ออก WARRANT ให้เอกชน