fredag 29 mars 2013

"สภาโหวตฉลุย 284 ต่อ 152 เสียง "....ขอบคุณรัฐบาลของประชาชนและผู้ร่วมทำงานทุกท่าน...ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนไทยทุกหมู่เหล่าทั่วทุกภาคของประเทศไทย เป็นนิมิตรหมายอันดีที่รัฐบาลของพวกท่านจะนำพาพวกท่านและประเทศชาติเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีความสุขร่วมกันมีการกินดีอยู่ดี คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขไม่มีปัญหา ดังนั้นประชาชนต้องให้ความร่วมมือช่วยกันปกป้องเป็นหูเป็นตาให้รัฐบาลบริหารงานของประเทศชาติได้อย่างราบรื่นเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้......รัฐบาลและประชาชนไทยจงเจริญ.... เดินหน้าต่อไป.....

โดย   ข่าวสด

สภาโหวตฉลุย 284 ต่อ 152 เสียง ผ่านร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท

 เมื่อ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการอภิปรายร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายตำหนิว่าเป็นการกู้เงินที่สร้างหนี้ให้กับประชาชนต้องรับภาระ ซึ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลุกขึ้นชื้แจงว่า ข้อสังเกตต้นทุนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงราคาต่อกิโลเมตร เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ที่จริงเทคโนโลยีมันมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างแบบไหน มีทั้งบนดิน ใต้ดิน ดินอ่อน ดินแข็ง จึงมีปัจจัยหลายอย่าง ของเราที่เสนอต้นทุนอยู่ที่ก.ม.ละ 516 ล้านบาท ซึ่งตนจะชี้แจงรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการต่อไป ส่วนคณะที่ปรึกษา ในโครงการใหญ่ขนาดนี้ต้องมี โดยอัตราที่ใช้ทั่วไปอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่ของเราตัดเหลือแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้อยู่ในเอกสารชัดเจน ส่วนที่บอกว่าของต่างชาติมีราคาต่ำกว่า ก็ให้นำข้อมูลมา ตนจะนำไปพิจารณา 

 นายชัชชาติ กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ต้องมีการเวนคืนที่ดิน มีประชาชนเดือดร้อนแน่นอน รัฐบาลต้องร่วมมือกับส.ส.ทุกพื้นที่ลงไปแก้ปัญหา ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมอาจมีปัญหาด้านการสื่อสาร ซึ่งตนจะลงไปดูปัญหาด้วยตัวเอง จะไม่ให้เกิดการต่อต้านจากประชาชน ต้องให้เข้าใจข้อเท็จจริง มีอะไรขอให้คุยกันทุกพื้นที่ สุดท้ายในฐานะรมว.คมนาคม จะรับฟังทุกความเห็น เราเป็นหน่วยปฏิบัติ เราได้ความเห็นที่ดีหลายอย่าง ตนไม่ใช่ยืนอยู่ต่อหน้าส.ส. แต่ยืนอยู่ต่อหน้าประชาชน 60 กว่าล้านคน ยืนยันว่าจะทำด้วยความรอบคอบ ทุกบาททุกสตางค์เพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง 

 ต่อมาเวลา 21.30 น. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวสรุปว่า เราจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในส่วนของการกู้เงินซึ่งมีดอกเบี้ยเป็นหน้าที่ปกติของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการใช้หนี้ จะไม่มีการสะสมหนี้จนพอกพูน ในการคำนวณการผ่อนชำระหนี้เราทำแบบค่อยเป็นค่อยไป หากรัฐบาลชุดต่อไปมีความสามารถผ่อนชำระหนี้ได้มากกว่าเพื่อลดหนี้ก็ทำได้ ดังนั้น การกู้เงินตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ หนี้จะหมดลง รัฐบาลให้ความสำคัญในการคืนหนี้เงินกู้ เชื่อว่าความเอาใจใส่จะทำให้ข้อห่วงใยของสมาชิกหมดไปที่สุด การไม่ใช้งบประมาณประจำปี เพราะการลงทุนโครงสร้างคมนาคมถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ งบประจำปีไม่สามารถใช้ดำเนินการได้ต่อเนื่อง และหากใช้งบประจำปีอาจไปเบียดบังงบด้านการศึกษา สังคม การที่เราออกกฎหมายเป็นการเฉพาะเพื่อลงทุนโครงการนี้ จะช่วยรักษาวินัยทางการคลัง การพัฒนาไม่ได้เลือกจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเป็นการเฉพาะหรือเลือกปฏิบัติ 

 นายกิตติรัตน์กล่าวว่า การลงทุนมูลค่า 2 ล้านล้านบาท ทำให้เกิดสภาพคล่องในประเทศ การระดมเงินทำได้ไม่ยากเย็น ดอกเบี้ยตกกับผู้ออมในประเทศเป็นสำคัญ ยืนยันว่าการลงทุนจะช่วยให้จีดีพีในประเทศสูงขึ้น รัฐบาลได้คำนวณราคากลางใหม่ เปิดเผยราคากลางตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ส่งผลให้เกิดความโปร่งใส หากไม่มีการอนุมัติกรอบวงเงินก็ไม่สามารถกู้มาได้ นอกจากนี้ยังมีการกำกับติดตามประเมินผลภายใน 120 วันหลังสิ้นปีงบประมาณ ดังนั้น ยืนยันว่ากู้ไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแลโครงการอย่างทั่วถึง หนี้สาธารณะที่จะเกิดขึ้นตามร่างฉบับนี้จะขาดดุลลงเรื่อยๆ โดยหนี้สาธารณะจะไม่เกินร้อยละ 50 อย่างแน่นอน กรอบวินัยการคลังอยู่ที่ร้อยละ 60 การที่เราทำเผื่อขาดเผื่อเหลือร้อยละ 10 เพื่อให้เราใช้ดูแลประเทศได้ ดังนั้นขอให้ ส.ส.ให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ 

 จากนั้นเวลา 21.35 น. นายวิสุทธิ์ ในฐานะประธานที่ประชุม กดออดเรียกสมาชิกร่วมโหวตร่างพ.ร.บ.กู้เงิน และให้ลงมติ ปรากฏว่า มีสมาชิกเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 284 เสียง ไม่เห็นด้วย 152 เสียง งดออกเสียง 21 และไม่ลงคะแนนเสียง 7 คน จากสมาชิกทั้งหมดที่เข้าร่วมลงมติ 464 คน จึงถือว่าสภารับหลักการร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ในวาระที่ 1

  จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 36 คน สัดส่วนรัฐบาล 9 คน พรรคเพื่อไทย 14 คน พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคพลังชลรวมกับพรรคชาติพัฒนา 1 คน ระยะเวลาแปรญัตติ 30 วัน โดยนัดแรกประชุมวันอังคารที่ 2 เม.ย. เวลา 10.00 น. ห้อง 3601 ที่อาคารรัฐสภา จากนั้นประธานสั่งปิดการประชุมในเวลา 21.55 น. ทั้งนี้ การอภิปรายทั้ง 2 วันใช้เวลากว่า 28 ชั่วโมง 
................................................................................................................................

                             ภาพเปรียบเทียบระหว่างยุคไดโนเสาว์กับยุคศิวิไลซ์  (ภาพจากThaiE - News)

ระบบขนส่งและการเดินทางโดยรถไฟช่วยประหยัดพลังงานและรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมช่วยลดโลกร้อนได้

By   ลูกชาวนาไทย

ระบบรางต้นทุนรวมดอก 50 ปี 5.46 TB แต่กำไรจากประหยัดพลังงาน 10 TB
เมื่อเช้าเห็นทวิตของ นายเทพไท เสนเนียม สส.พรรค ปชป. ทวิตบอกว่า ต้นทุนรวมดอกเบี้ยโครงการพัฒนาระบบราง 50 ปี รวม 5.46 ล้านล้านบาท ผมเลยทวิตตอบกลับไปว่า โครงการพัฒนาระบบรางนี้ หากคิดเฉพาะ ต้นทุนหรือผลได้ ที่เกิดขึ้นจากการประหยัดพลังงานจากการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเดียว จะประหยัดได้ถึงปีละ 2 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคม หรือคุณชัชชาติ เคยแถลงไว้ก่อนหน้านี้

50 ปี คิดมูลค่าของการประหยัดพลังงานกว่า 10 ล้านล้านบาท หากคิด "เงินลงทุนรวมดอกเบี้ย" จากที่เทพไท คิด 10 -5.46 =4.54 ล้านล้านบาท นี่เป็นกำไรหรือผลได้จากการประหยัดพลังงานในการขนส่งจากทางรถยนต์อย่างเดียวนะครับ

ไหนจะเป็นการลดโลกร้อนจากการประหยัดพลังงาน ที่ลดการปล่อย C02 ลงเป็นผลต่อโลกมากมาย

และยังไม่คิดผลทางทางเศรษฐกิจจากการประหยัดต้นทุนในการขนส่ง ทำให้สินค้าไทยมีความได้เปรียบสามารถแข่งขันได้มากขึ้นนะครับ ยังไม่รวม ความเจริญต่างๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย

คือ พวก ปชป. นี่ เป็นพวกที่ค่อนข้างโง่ มองปัญหาในมุมเดียว

โครงการพัฒนาระบบรางหรือ รัฐบาลปูเรียกว่า พรบ.ไทยแลนด์ 2020 ที่จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาคอย่างแท้จริง

นับเป็นความอัจฉริยะกล้าตัดสินใจของนายกฯปูโดยแท้

คิดแค่ประหยัดพลังงานในการขนส่งอย่างเดียว ก็คุ้มเกินคุ้ม ได้กำไรแล้ว

เงินที่ประหยัดได้ใน 50 ปี ตั้ง 10 ล้านล้าน สามารถเอาไปสร้างความเจริญได้อีกมากมาย

ดอกเบี้ยที่จ่ายเงินกู้ในประเทศ ก็เป็นรายได้ให้คนในประเทศอีก รัฐบาลสามารถเก็บภาษีกลับได้อีกมากมา

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar