- คู่แฝดของ รมว.คมนาคม
และเกร็ดประวัติเล็กๆน้อยๆ
ก่อนจะมาเป็นพ่องานอภิมหาโปรเจ็คพลิกโฉมประเทศไทย
************************
ดร.ชัชชาติ เคยทำงานเป็นวิศวกรโครงสร้างในบริษัทเอกชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการเป็น รองศาสตราจารย์ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายจัดการทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 นอกจากนั้นยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแหล่ง อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด การรถไฟฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
ดร.ชัชชาติในฐานะนักวิชาการ ได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานและให้คำปรึกษาแก่กระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 และ รัฐบาลสมัคร โดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ จนกระทั่ง พ.ศ. 2555 เขาได้รับการทาบทามทางโทรศัพท์ จากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แม้ทางมารดาจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ตกลงเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555
จากการที่เขาเข้ามารับงานทางการเมืองเป็นครั้งแรก ทำให้ในช่วงแรกในตำแหน่งรัฐมนตรี เขากลายเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จักมากที่สุด และจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อมา เขาก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555
ดร.ชัชชาติ ในฐานะรัฐมนตรีคมนาคม ถือเป็นบุคคลระดับหัวกะทิของรัฐบาลในด้านการวางยุทธศาสตร์ของประเทศ เขาได้รับการกล่าวถึงในฐานะรัฐมนตรี "ดูโอเศรษฐกิจ" ของรัฐบาล คู่กับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นโยบายของ ดร. ชัชชาติให้ความสำคัญกับการขนส่งระบบรางเป็นพิเศษ ซึ่งโครงการในระบบรางสำคัญที่เดินหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาการเป็นรัฐมนตรีของเขา อาทิ รถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย, โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)
ขอบคุณข้อมูลจาก
fb หน่วยงานลับแดงใต้ดิน จัดเต็ม
"ก่อน ที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์เป็นคนโทร.มา ผมไม่รู้จักกับท่านโดยตรงหรอก แต่ก็คงมีคนบอกกับท่านว่า ผมเคยช่วยงานในกระทรวงนี้มาก่อน หากถามว่ามีใครไปเรียนท่านนายกฯ ก็คงมีหลายคนมั้ง เพราะท่านสุกำพล (สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) รู้จักกับผม และท่าน พงษ์ศักดิ์ ก็รู้จักกัน คงมีหลายคนเหมือนกัน และพ่อผมก็เป็นตำรวจ คนในวงการก็คงรู้จักกัน ส่วนระยะเวลาในการตัดสินใจ ผมใช้ไม่นานเลย เพราะว่าอย่างน้อยในชีวิตหนึ่งสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เราก็ควรที่จะต้องทำ"
แต่ใช่ว่าการจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของ "ชัชชาติ" จะง่ายดาย เพราะคนที่เขารักมากที่สุดคนหนึ่ง กลับไม่เห็นด้วย
"ผม ต้องบอกเลยนะว่า แม่ผมไม่แฮปปี้กับพรรคเพื่อไทยเท่าไหร่ ตอนที่แม่ผมรู้ว่าจะมาเป็นรัฐมนตรี แม่ไม่ยอม แม่ผมร้องไห้เลย แม่บอกว่าอย่าไปเป็นเลย กลัวลูกติดคุก คือเขาเห็นตัวอย่างมาเยอะ อย่างท่านทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เห็นอะไรแบบนี้ก็เลยกลัว แต่ตอนหลังพอฟีดแบ๊กกลับมา มันไม่ได้เลวมาก เราก็ไม่ได้มั่ว ไม่ทะเลาะกับใคร แม่ก็คงโอเคขึ้นระดับหนึ่ง
"ถาม ว่าชีวิตเปลี่ยนไหม ผมว่าเปลี่ยนนะ หน้าที่ต่างกัน เป็นรัฐมนตรีก็มีผลกระทบต่อหลายๆ ด้านมาก แต่ก็พยายามทำให้เปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด เพราะตำแหน่งการเมืองมันชั่วคราว แต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติ
รถ นำอาจจะมีบ้างในเวลาราชการ แต่ชีวิตก็เหมือนเดิม การพาลูกไปเที่ยว การไปไหนมาไหนก็เหมือนเดิม ตอนเช้าก็ยังไปวิ่งสวนลุมพินีเหมือนเดิม"
ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อเขาลงชิงในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น "ชัชชาติ"
บอก ว่า "ตอนที่แม่รู้ข่าวนี้ แม่บอกว่าลงไปเถอะผู้ว่าฯ แต่แม่จะเลือกประชาธิปัตย์ (หัวเราะ) คือก็ดีนะ เป็นความน่ารักของประชาธิปไตย เรื่องผู้ว่าฯกทม.ถ้าปฏิเสธได้ก็จะปฏิเสธ สุดท้ายต้องเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก คือเราเตรียมงานไว้เยอะ แต่ยังไม่ได้ทำ เราไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง
ซึ่ง ก็ทำให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะหากมีการติดตำแหน่ง ก็จะกลัว กลัวว่าจะโดนออก ตำแหน่งทางการเมืองคิดว่าชั่วคราว ในพรรคมีคนเก่งๆ อีกเยอะ แต่ก็ต้องทำงานให้หนักขึ้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองให้ได้
หน้า 8,มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2555
คุณแม่เชียร์ประชาธิปัตย์ แต่ไม่เรียกใช้ ส่วนเพื่อไทยเห็นคุณค่า
ให้โอกาสแสดงฝีมือ ดันไม่สนับสนุนลูกชายซะงั้น
söndag 31 mars 2013
..."คลื่นลูกใหม่"..คุณสมบัติเต็มร้อยไม่ด่างพร้อยโปร่งใส..ที่จะนำพาประเทศไทยสู่ความทันสมัยยุคศิวิไลซ์.....
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar