fredag 7 augusti 2015

ข่าวคดี ม.112 ที่มาของสาเหตุ "ไทยคงจะอยู่ Tier สูงสุด" ในแง่ประเทศที่มีบทลงโทษต่อผู้ดูหมิ่นประมุขของประเทศอย่างรุนแรง ".รู้กันไปทั่วโลก" ก็ได้แต่หวังว่าคนไทยในประเทศลืมตาตื่นจากความมืดบอดยอมรับความจริงว่าประเทศไทยกำลังเจ็บป่วยเกินจะเยียวยาเป็นสังคมไร้อนาคตใกล้ล่มสลาย

VÄRLDEN



 
            

Facebookade om kungen – får 30 års fängelse

Majestätsbrott i Thailand Pongsak Sriboonpeng, 48, döms till 30 års fängelse för några kommentarer på Facebook. Problemet? Han ska ha förolämpat Thailands kung Bhumibol Adulyade och hans familj med sina sex inlägg, skriver AFP.
Att förolämpa kungen är förbjudet enligt landets lagar och straffet uppges vara det hårdaste hittills för majestätsbrott.
– Rekordet är slaget, säger mannens advokat Sasinan Thamnithinan.
Pongsak dömdes på fredagen av en militärdomstol till tio års fängelse för vart och ett av inläggen, men straffet halverades eftersom han erkände.
Idag, 18.05





ThaiE - News
ไทยคงจะอยู่ Tier สูงสุด ร่วมกับ เกาหลีเหนือ ฯลฯ ในแง่ประเทศที่มีบทลงโทษต่อผู้ดูหมิ่นประมุขของประเทศอย่างรุนแรง






 


ที่มา FB Ilaw

พงษ์ศักดิ์ หรือ “แซม” เป็นหนุ่มเมืองกาญจน์ วัย 48 ปี มีบุคลิกสนุกสนาน ช่างพูดช่างคุยกับทุกคนที่มาเยี่ยมและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคดีของเขาเป็นอย่างดี
.
“แซม” ถูกจับกุมตัวตามมาตรา 112 ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557 ที่สถานีขนส่งจังหวัดพิษณุโลก โดยการล่อลวงผ่านสายของเจ้าหน้าที่ทางเฟซบุ๊ก เจ้าตัวเล่าว่า มีเพื่อนในเฟซบุ๊กคนหนึ่งซึ่งตนเองก็ไม่เคยตัวจริงมาก่อน เข้ามาพูดคุยและนัดเจอผ่านแชทในเฟซบุ๊ก ด้วยความที่ตนเองเป็นคนเฟรนด์ลี่จึงไปตามนัด ไม่ได้สงสัยอะไร แต่สุดท้ายก็โดนจับกุมในที่สุด
.
เวลา “แซม” ถูกนำตัวมาที่ศาลทหาร เขามักจะทักทายผู้คนที่มาเยี่ยมเขาด้วยอัธยาศัยไมตรี เขาเป็นคนบุคลิกเปิดกว้าง ยิ้มแย้มแจ่มใส แซมมักจะบอกทุกคนว่าสบายดีเสมอๆ โดยไม่เคยทำให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกเป็นห่วงกังวลหรือต้องทุกข์ใจกับคดีของเขา

“พี่อยู่ในคุกพี่สบายดี ว่างๆ พี่ก็เดินแฟชั่นโชว์ หรือไม่ก็สอนภาษาอังกฤษ” เขามักพูดประโยคเหล่านี้เมื่อถูกถามว่าสบายดีไหม
.
“แซม” เป็นคนที่มีความสามารถภาษาอังกฤษ หากใครพูดสนทนาโต้ตอบกับเขาด้วยภาษาอังกฤษได้ เขาจะยิ่งชอบพูดคุยด้วย เขาเล่าว่า เขาเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง โดยเริ่มจากการพูดก่อน เพราะตนเองเป็นคนชอบพูดคุยอยู่แล้ว และเนื่องจากทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต้องพบเจอชาวต่างชาติอยู่แล้ว จึงง่ายมากที่จะพัฒนาทักษะด้านภาษา นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว “แซม” ยังสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วย
.
นับตั้งแต่ถูกฝากขังผลัดแรกในวันที่ 7 มกราคม 2558 จนถึงวันนี้ 7 สิงหาคม 2558 เป็นเวลา 7 เดือนแล้วที่ “แซม” อยู่ในคุก เมื่อถามว่ามีอะไรอยากบอกกับสังคมไทยหรือไม่?

แซมตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “พี่ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กมา 7 เดือนแล้ว พี่จะลงแดงแล้ว จะถือว่าเวลาที่อยู่ในคุกพี่จะใช้เพื่อเลิกเฟซบุ๊กแล้วกัน”

“พี่หวังว่า การติดคุก 30 ปีของพี่ จะสร้างผลกระทบอะไรกับสังคมได้บ้าง”
.
“I’m alright.”

พงษ์ศักดิ์ หรือ “แซม” จำเลยคดี 112 พูดกับคนที่มาให้กำลังใจเขา หลังศาลมีคำพิพากษาคดีให้ลงโทษจำคุก 60 ปี จากการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "Sam parr" 6 ข้อความ อันเป็นความผิด 6 กรรม ศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยกรรมละ 10 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 30 ปี
.
ดูรายละเอียดคดีของ "แซม" ที่
http://freedom.ilaw.or.th/case/650
รู้จัก "แซม" ให้มากขึ้นที่ http://prachatai.org/journal/2015/08/60727
.
โทษจำคุก 60 ปี ของพงษ์ศักดิ์ ถือเป็นสถิติใหม่สำหรับคดีมาตรา 112 คดีที่ศาลพิพากษาโทษหนักรองลงมา คือ คดีของศศิวิมลซึ่งตัดสินในวันเดียวกันให้จำคุก 56 ปี จำเลยรับสารภาพลดเหลือ 28 ปี
http://freedom.ilaw.or.th/case/681 ก่อนหน้านี้ คดีที่ศาลเคยพิพากษาลงโทษหนักที่สุด คือ คดีของเธียรสุธรรม ซึ่งศาลทหารพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 50 ปี แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษเหลือ 25 ปี >>http://freedom.ilaw.or.th/case/649

หลังจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มีคนถูกตั้งข้อหามาตรา 112 แล้วอย่างน้อย 51 คน ซึ่งถูกศาลพิพากษาไปแล้ว 24 คน หลังคสช. ออกประกาศให้คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลทหาร จนถึงปัจจุบันจำเลยคดี 112 ที่เป็นพลเรือนถูกพิจารณาคดีที่ศาลทหารอย่างน้อย 36 คน http://freedom.ilaw.or.th/politically-charged ในจำนวนนี้ศาลทหารให้ประกันตัว 3 คน มี 11 คนที่ศาลทหารลงโทษจำคุก 10 ปีต่อการกระทำหนึ่งกรรม

‪#‎ทุกอย่างดูซอฟท์เมื่อเป็นพาสเทล‬
ooo


7 สิงหาคม 2558 ศาลทหารเชียงใหม่ นัดสืบพยานปากแรกคดี 112 ของศศิวิมล แต่เเล้วศศิวิมลยื่นขอกลับคำให้การ เป็นรับสารภาพตามที่โจทก์ฟ้อง 7 กรรม

ศาลจึงอ่านคำพิพากษาในทันที โดยพิพากษาจำคุกกรรมละ 8 ปี รวมเป็น 56 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 28 ปี

ศศิวิมลอายุ 29 ปี เป็นชาวเชียงใหม่ มีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ มีบุตรสาว 2 คน อายุ 5 และ7 ปี เมื่อ ศศิวิมล ถูกคุมขังหว่างพิจารณาคดี มารดาของเธอเป็นผู้ดูแลลูกสาวทั้ง 2

ศศิวิมลถูกกล่าวหาว่าใช้เฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งนภา คำภิชัย” โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ รวม 7 ข้อความ

คดีเริ่มจาก ปลายกันยายน 2557 ประชาชนในเชียงใหม่ อีก 8 คน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งนภา คำภิชัย” ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่

ในเวลาต่อมาพนักงานควบคุมตัวรุ่งนภามาทำการสอบสวน แต่จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่พบว่ารุ่งนภาน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงขยายผลและพบว่า เป็นไปได้ที่รุ่งนภาอาจถูกกลั่นแกล้งโดย ศศิวิมลซึ่งมีความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวอยู่

13 กุมภาพันธ์ 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกตัวศศิวิมลไปที่สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยแจ้งว่า ให้มาเซ็นหมายศาล แต่เมื่อไปถึงปรากฎว่า ถูกนำตัวไปที่ศาลมณฑลทหารบากที่ 33 ค่ายกาวิละ เพื่อขออำนาจฝากขัง ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ รวม 7 กรรรม และถูกส่งตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ทันที

1 พฤษภาคม 2558 เจ้าหน้าที่จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าเยี่ยมศศิวิมล และสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่

ศศิวิมลเล่าว่า ที่ตนถูกจับนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า “รุ่งนภา คำภิชัย” เนื่องจากบุคคลชื่อรุ่งนภา เป็น “ภรรยาน้อยของแฟนเก่า” และมีปัญหากัน เพื่อนของตนเป็นผู้ปลอมเฟซบุ๊ก ชื่อ “รุ่งนภา คำภิชัย” ขึ้นมาเพื่อโจมตีบุคคลดังกล่าว และใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนสมัครเฟซบุ๊กปลอม
แต่ไม่ทราบว่าเพื่อนโพสต์ข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และตนไม่ได้เป็นผู้โพสต์ ในชั้นสอบสวน ที่ตนให้การรับสารภาพ ว่าเป็นผู้โพสต์ เป็น เพราะถูกกดดันและเจ้าหน้าที่หว่านล้อมว่าจะปล่อยตัว

ในส่วนของคดี บิดามารดาของศศิวิมล ว่าจ้างทนายความจากสำนักทนายความที่มีเพื่อนแนะนำให้ ในส่วนของการขอปล่อยตัวชั่วคราว ใช้ประกันอิสระภาพมูลค่า 400,000 บาทจากบริษัทประกัน ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวรวม 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต

ก่อนที่จะครบฝากขัง 7 ผลัด ในต้นเดือนพฤษภาคม 2558

จากนั้น ศาลทหารเชียงใหม่ นัดสอบคำให้การวันที่ 9 มิถุนายน 2558 โดยอ่านคำฟ้องให้ศศิวิมลฟังศศิวิมลถูกฟ้องในมาตรา 112 รวม 7 กรรม และให้การปฏิเสธ

8 กรกฎาคม 2558 นัดตรวจพยานหลักฐาน ฝ่ายศศิวิมลไม่มีพยานเอกสาร ศาลจึงให้งดตรวจพยานหลักฐานในนัดนี้ เพราะอ้างว่าตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ทนายยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีในกฎหมายแต่อย่างใด จึงไม่ได้มีการงดตรวจพยานหลักฐาน จากนั้นศาลได้สอบถามแนวทางการนำสืบของฝ่ายโจทก์และจำเลย
อัยการโจทก์แถลงจะนำพยานโจทก์ปากที่ 1 ตามบัญชี มาเบิกความในนัดหน้า จึงนัดหมายวันสืบพยานนัดแรก วันที่ 7 สิงหาคม 2558 .

ก่อนที่ วันนี้ ( 7 สค.58 ) ศศิวิมล จะยื่นขอกลับคำให้การในนัดสืบพยานโจทก์ เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ 7 กรรม ศาลทหารเชียงใหม่ จึงอ่านคำพิพากษาทันที ใหจำคุกกรรมละ 8 ปี รวมเป็น 56 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 28 ปี

"ส่วนคำร้องที่ศศิวิมลขอให้ศาลลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษ ศาลเห็นว่าความผิดของศศิวิมลเป็นความผิดร้ายแรง และศาลได้ลงโทษจำเลยในสถานเบาอยู่แล้ว จึงให้ยกคำร้องนี้"

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแจ้งว่า ภายหลังทราบคำพิพากษา ศศิวิมลได้ร้องไห้โฮออกมาในบริเวณศาล ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยลูกสาวทั้งสองคนได้เดินทางมาที่ศาลในวันนี้ด้วย

โดยศศิวิมล เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ มีโทษจำคุก ถึง 56 ปี รองจากพงษ์ศักดิ์ (
http://freedom.ilaw.or.th/case/650) ที่ศาลทหารกรุงเทพตัดสินในวันเดียวกัน ให้ลงโทษจำคุกถึง 60 ปี ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของโทษคดีนี้

โดยก่อนหน้านี้เมื่อปลายมีนาคม 2557 สถิติโทษสูงสุดคือเธียรสุธรรม หรือใหญ่ แดงเดือด ถูกพิพากษาจำคุก 50 ปี จากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 5 ข้อความ (
http://freedom.ilaw.or.th/case/649)

ทั้งนี้ อ่านคดีศศิวิมลทั้งหมดได้ที่ --->
http://freedom.ilaw.or.th/case/681

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar