ศาลตัดสินจำคุก “นคร วงษ์สีทอง” 13 ปี ปลอมโฉนดอุทยานฯสิรินาถ ปรับ 9.8 ล้าน
tisdag 31 maj 2016
ข่าวสะท้อนสังคมไทย กับหลากหลายเรื่องราวที่มาของสาเหตุนำไปสู่การล่มสลายของสังคมไทย ? ถามใครรับผิดชอบ? มันคือหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคน ต้องตื่นตัวยอมรับความจริงว่าสังคมไทยมีปัญหากำลังเสื่อมสุดๆ...จึงจำเป็นที่ประชาชนไทยทุกชนชั้นทุกสาขาอาชีพ...ช่วยกันฟื้นฟูเยียวยารักษานำสังคมกลับสู่ภาวะปกติ ก่อนที่จะสายกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่มาของสงครามกลางเมือง......
Chaturon Chaisang.....คำว่า "รับ ไม่รับ ...." จะผิดกฎหมายอะไรในโลกนี้ได้อย่างไร?
ทำไม
ใส่เสื้อมีข้อความว่า "รับ ไม่รับเป็นสิทธ์ ไม่ผิดกฎหมาย"
เป็นเรื่องที่กกต.ต้องไปพิจารณาว่าผิดกฎหมายประชามติหรือไม่
ไม่เพี้ยนหนักไปหรือ ?
คำว่า "รับ ไม่รับ ...." จะผิดกฎหมายอะไรในโลกนี้ได้อย่างไร
บอกว่ารับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ผิดกฎหมายตรงไหน ก็ที่จะให้ลงประชามติไม่ได้ให้คนไปลงมติ "รับ" อย่างเดียวไม่ใช่หรือ
คำว่า "รับ ไม่รับ ...." จะผิดกฎหมายอะไรในโลกนี้ได้อย่างไร
บอกว่ารับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ผิดกฎหมายตรงไหน ก็ที่จะให้ลงประชามติไม่ได้ให้คนไปลงมติ "รับ" อย่างเดียวไม่ใช่หรือ
คำว่า ‘ชี้นำ’ ไม่ปรากฎในกฎหมายประชามติ แต่กลับเอาคำนี้มาใช้กันส่งเดช ชาวบ้านจะไปชี้นำผู้มีอำนาจได้ยังไง ผู้มีอำนาจต่างหากควรวางตัวเป็นกลาง ไม่ชี้นำ
การที่ผู้มีอำนาจใช้อำนาจให้คุณให้โทษคนได้ไปชี้นำเรื่องทางการเมืองโดยไม่ เป็นกลาง อาจผิดกฎหมายเรื่องความไม่เป็นกลางทางการเมือง แต่กกต.ไม่สนใจ
ใส่(เสื้อ)ว่าไม่รับรัฐธรรมนูญก็ไม่ผิดครับ
เรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในการลงประชามติคงเป็นเรื่องที่ต้องพูดเรียกร้องกันไปจนถึงวันลงประชามติ
ผู้มีอำนาจทั้งหลายไม่เคารพเชื่อถือหลักเสรีภาพในการแสดงความเห็น เราจึงต้องมาพูดกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น คนไทยจะพูดคำว่า ‘ไม่รับ’ได้หรือไม่
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน : ปลุกระดม ก. เร้าใจและยุยงให้ประชาชนลุกฮือขึ้น. แล้วใส่เสื้อหรือพูดว่าควรรับ ไม่ควรรับจะเป็นปลุกระดมได้ยังไง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน : เผยแพร่ ก. โฆษณาให้แพร่หลาย เช่น เผยแพร่ความรู้. แล้วการแจกเอกสารให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะผิดกฎหมายได้ไง ?
ที่กกต.และผู้มีอำนาจมักตีความกฎหมายผิดเพี้ยน จึงเหมือนไม่เข้าใจภาษาไทยและไม่เคยเปิดพจนานุกรม แนะนำให้ลองเปิดดูกันเสียบ้าง
”พระราชสาส์นทองคำ” ร. 4....ที่ฝรั่งเศส..
ฝรั่งเศสระดมทุนอนุรักษ์ ”พระราชสาส์นทองคำ” ร. 4 ถึงนโปเลียนที่ 3 เตรียมแสดงนิทรรศการในปารีส
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้หอจดหมายกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส…
.........................................................................................................
รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม.
.........................................................................................................
รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม.
ภาพคณะราชทูตสยามภายใต้การนำของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี
(แพ บุนนาค) ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาส์นเจริญพระราชไมตรี พร้อมเครื่องมงคลราชบรรณาการ ของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งประกอบด้วยพระมหาพิชัยมงกุฎ พระราชสุพรรณบัฏ และ
เครื่องประกอบราชอิสริยยศ เช่น พระราชยาน พระกลด แด่จักรพรรดินโปเลองที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ณ พระราชวังฟงแตนโบล
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2404 (1861) ฝีมือของ ฌอง เลอง เฌอโครม เช่นกัน
ฝรั่งเศสได้ทำภาพสีน้ำมันบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ 2 ภาพ ๆ หนึ่งปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์สถาน
พระราชวังฟงแตนโบล ส่วนอีกภาพจัดแสดงอยู่ที่ผนังด้านตะวันออกของพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์
ที่ท้องพระโรงกลาง ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพระบรมมหาราชวัง
(แพ บุนนาค) ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาส์นเจริญพระราชไมตรี พร้อมเครื่องมงคลราชบรรณาการ ของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งประกอบด้วยพระมหาพิชัยมงกุฎ พระราชสุพรรณบัฏ และ
เครื่องประกอบราชอิสริยยศ เช่น พระราชยาน พระกลด แด่จักรพรรดินโปเลองที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ณ พระราชวังฟงแตนโบล
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2404 (1861) ฝีมือของ ฌอง เลอง เฌอโครม เช่นกัน
ฝรั่งเศสได้ทำภาพสีน้ำมันบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ 2 ภาพ ๆ หนึ่งปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์สถาน
พระราชวังฟงแตนโบล ส่วนอีกภาพจัดแสดงอยู่ที่ผนังด้านตะวันออกของพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์
ที่ท้องพระโรงกลาง ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพระบรมมหาราชวัง
"แย่งชิงอะไรกัน?.".คดีที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนพิศดารพันลึก แบ่งแยกทำลายสถาบันพุทธศาสนา..นับเป็นคดีความเกินกว่าพุทธศาสนิกชนประชาชนไทยคนธรรมดาจะเข้าใจ เพราะเรื่องทุกอย่างทำตามใบสั่งของวัง ไม่งั้นประยุทธ์ ไม่กล้าสั่งให้ ดี เอส ไอ เข้าไปยุ่งกับเรื่องพระสงค์เช่นนี้ เป้าหมายของทางวังคือต้องการใช้ประยุทธ์ทำลาย พระธัมมชโย ที่เป็นผู้นำของวัดธรรมกาย ที่ทางวังถือว่าเป็นศรัตรูของตน....
prachachat
"ดีเอสไอ" ยังรอคำตอบเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ประสาน "พระธัมมชโย" ตาม พ.ร.บ.สงฆ์
'บิ๊กตู่' ยันคดีธัมมชโย "ชาตินี้ จับได้เเน่" ล้อจะให้ทำประชามติถามว่าให้จับหรือไม่
ถามกลับสื่อ ถ้าใช้กำลังบุกวัดธรรมกายจะเกิดอะไรขึ้น เเบบปี'53ที่ใครยิงมา เจ้าหน้าที่ต้องยิงป้องกันตัว-ถ้าโดนคนสวดมนต์อยู่จะทำยังไง
www.prachachat.net
ถามกลับสื่อ ถ้าใช้กำลังบุกวัดธรรมกายจะเกิดอะไรขึ้น เเบบปี'53ที่ใครยิงมา เจ้าหน้าที่ต้องยิงป้องกันตัว-ถ้าโดนคนสวดมนต์อยู่จะทำยังไง
www.prachachat.net
ข่าวความเคื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาล"คสช.ม.44"
prachachat
(หัวหน้าคณะคสช.กับภาวะผู้นำ?????)
คลิกอ่าน-"บิ๊กตู่" รับฟังหมอดูเตือน เหตุดาวอังคารใกล้โลก ย้ำที่โมโหบ่อยเพราะเรื่องงาน ให้อภั
คลิกอ่าน-"บิ๊กตู่" เผยเชิญ "ซูจี" เยือนไทยเอง ยันปธน.เมียนมาร่วมด้วย-ไม่ถกปมโรฮิงญา
คลิกอ่าน-"บิ๊กตู่" ยันไม่ขุด "คอคอดกระ" ในรบ.นี้ เผยไม่หวังศก.จะโตขึ้นเพราะมีคอคอดกระ
คลิกอ่าน-"บิ๊กตู่" ขอทุกคนร่วมรับผิดชอบหากปลดล็อกนักการเมือง-ชี้แผนปรับทัศนคติต้องดู
måndag 30 maj 2016
บทกวีที่สั่นสะเทือนที่สุดในจักรวาล "สถาปนาสถาบันประชาชน"..
สถาปนาสถาบันประชาชน
เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์
สายลมปฏปักษ์จึงพัดหวน
การรื้อสร้างไม่อาจทำอย่างนุ่มนวล
ทุกชิ้นส่วนต้องกล้านับ 1 ใหม่
เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์
กระบวนทรรศน์เสรีไม่ขยาย
2475 พริบตาเป็นอาชาไนย
แล้วก็กลับเป็นงัวควายเหมือนๆ เดิม
เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์
สิทธิ หน้าที่ แจ่มชัดไม่ทันเริ่ม
ลงหมุดแล้วไม่ตอกต่อเสาเติม
เอาเครื่องเรือนไปปลูกเสริมสร้างเวียงวัง
เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์
อำนาจรัฐ เศรษฐกิจ จึงล้าหลัง
เงินในบ้านชาวนามีน้อยจัง
แต่สะพรั่งแน่นวองขาวในพานทอง
คณะราษฎร์คือเด็กสาว
มีความรัก เยาว์วัยได้ตั้งท้อง
ถ้าพวกคุณเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง
เลือกทำแท้งหรือจะบำรุงครรภ์
เด็กในท้องอาจคลอดเป็นผู้แทนถ่อย
ชั่วหรือดีอยู่ที่เลี้ยงสร้างสรรค์
อดทนคอยให้เขาพัฒนาการ
ย่อมเติบใหญ่สมบูรณ์งามตามเวลา
แต่...
บางคนสร้างยุทธศาสตร์ "ราษฎร์ไม่พร้อม"
คุณไม่เคยยินยอมให้เราก้าวหน้า
เฝ้าแทรกแซงแบ่งแซะเสมอมา
เป็นประชาธิปไตยใจพิการ
ใจพิการเพราะประชาไร้อำนาจ
ความเป็นชาติอยู่ในกำมือทหาร
การตัดสินของหมู่ตุลาการ
ไม่พิพากษาในนามมหาชน
วางระเบิดระบบการศึกษา
ถึงเวลามืดบอดไม่เห็นหน
ทัศนวิสัยใบ้จำนน
ปัญญาชนบื้อพันหลักสนตะพาย
ชนชั้นกลางกลวงว่างเปล่าสมอง
บกพร่องทำปัญญาเสื่อมสูญหาย
ชีวิตไหวเบาหวิวปลิวสยาย
แย่กว่าควายไม่มีใครยอมไถนา!
คลิป ไม้หนึ่ง ก.กุนที อ่านบทกวี
https://www.youtube.com/watch?v=nvCrhY48cGs&feature=player_embedded
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=KbdLBuGUpro
https://www.youtube.com/watch?v=Vx4XGzfsDco&feature=player_embedded
ไม้ห นึ่ง ก.กุนที อ่านบทกวีชิ้นนี้ในงาน Thai Poet Forum เมื่อ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา (ปี 2009) ใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทรงพลังและเรียกอารมณ์คล้อยตามได้มาก ที่สุด
โดยเฉพาะในงานนี้กวีอย่าง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ร่วมอยู่ด้วย (เป็นที่รู้กันว่าอยู่ฝ่ายเสื้อเหลืองชัดเจน) ทว่าบทกวีของกวีรัตนโกสินทร์กลับไม่อาจสะกดคนฟังได้เลย ตรงข้ามกับไม้หนึ่งที่ใครบางคนต้องขอไปจับไม้จับมือเมื่อเขาเดินลงมา
ทั้งหมดนี้มีคนอื่นเล่ามา จึงขออนุญาตเล่าต่อ จริงเท็จประการใดขอให้ทำใจว่านี่คือข้อมูลชั้นสอง
ฉันไม่ได้เห็นด้วยตา ไม่ได้ยินกับหู ว่าพี่ไม้หนึ่งอ่านบทกวีด้วยน้ำเสียงอย่างไร
แต่เพียงแค่ได้อ่านบทกวีชิ้นนี้ ก็ขนลุกแล้ว
ขอค้อมหัวคารวะพี่ท่านมา ณ โอกาสนี้
บทกวีที่สั่นสะเทือนที่สุดในจักรวาล "สถาปนาสถาบันประชาชน".......ขอคำนับนบกรานท่านคนกล้า กวีจารต่อกรฟ้าผู้บาตรใหญ่ ร่ายอักษรสวนกระสุนรุนรุกไป เป็นไม้หนึ่งในใจตลอดกาล...ด้วยจิตคาราวะ
บีบีซีไทย - BBC Tha
บีบีซีไทย - BBC Thai added 5 new photos.
กรมอุทยานฯ ขนย้ายเสือวัดหลวงตาบัวออกมาได้อีก 3 ตัวแล้วเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เข้าดำเนินการขนย้ายเสือโคร่งของกลาง ณ วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากที่ช่วงเช้าของวันนี้ (30 พ.ค.) ไม่สามารถเข้าไปในบริเวณวัดได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของวัดไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯได้นำหมายตรวจยึดของกลางมาแสดง และเข้าสามารถเข้าไปในวัดได้ ในช่วงเวลาประมาณ 13.30 น.
ภารกิจขนย้ายเสือเริ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่จัดการล่อเสือจำนวน 10...คลิกอ่านต่อ-See More
Somsak Jeamteerasakul .....ชวน-เสนีย์- 6 ตุลา19 และข้อคิดเรื่องการอ้างหลักการกฎหมายสมัยนี้ ทำให้แก้ปัญหาการเมืองยากขึ้น
Somsak Jeamteerasakul
ชวน-เสนีย์- 6 ตุลา19 และข้อคิดเรื่องการอ้างหลักการกฎหมายสมัยนี้ ทำให้แก้ปัญหาการเมืองยากขึ้น
https://goo.gl/yq1S6F
และข้อคิดสั้นๆเรื่อง "ตลกร้าย" เกี่ยวกับการอ้าง "หลักการกฎหมาย" ในหลายปีนี้ ที่ทำให้แก้ปัญหาการเมืองยากขึ้น
......................
กระทู้นี้ความจริงก็เป็นเพียงข้อมูลประวัติศาสตร์ คือไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจุบันโดยตรง แต่ในฐานะคนสนใจประวัติศาสตร์ เวลาเห็นใครมาพูดมั่วๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงให้ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร
เมื่อวันก่อน คุณชวน หลีกภัย ได้ไปพูดที่ธรรมศาสตร์ เนื่องในโอกาสงานระลึกวันเกิดเสนีย์ ปราโมช (ดูรายงานข่าวที่นี่ http://goo.gl/8dzblF)
(ขอบคุณคุณ "ใบตองแห้ง" Atukkit Sawangsuk ที่โพสต์เรื่องนี้ ทำให้ผมรู้ว่าชวนไปพูด กระทู้คุณ "ใบตองแห้ง" เรื่องนี้อยู่ที่นี่ https://goo.gl/KJuItj)
ตอนหนึ่งคุณชวนได้พูดถึง เสนีย์กับกรณี 6 ตุลา อ่านดูก็รู้ว่า จุดประสงค์จริงๆ เพื่อจะแขวะทักษิณ-เพื่อไทย โดยยกเรื่องเมื่อ 40 ปีก่อนมาแขวะ - ผมไม่มีปัญหาเรื่องใครอยากแขวะทักษิณ-เพื่อไทย ปัญหาคือที่คุณชวนยกเรื่อง 40 ปีก่อนมาน่ะ ยกมาผิดๆ
โชคร้ายของคุณชวน ผมไม่เพียงแต่จำเรื่อง 40 ปีก่อนได้ดีกว่าคุณชวน ผมบังเอิญมีหลักฐานมายืนยันด้วยว่าคุณชวน "จำผิด" อย่างไร
คุณชวนพูดว่า
.........................
"แบบอย่างของการยึดถือ“หลักการ”ของ ม.ร.ว.เสนีย์
อดีตนายกฯชวน เล่าต่อไปว่า ในช่วงของ “เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ” ขณะนั้นมีการชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีกระแสการกดดันของกลุ่มผู้ชุมนุม คือ การไล่จอมพลถนอม ออกนอกประเทศ
แต่ม.ร.ว.เสนีย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ระบุว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้ทำได้ จึงไม่สามารถอพยพให้คนไทยออกนอกประเทศและไม่ได้ห้ามคนไทยที่หนีไปต่างประเทศ กลับเข้ามา แม้จะเป็นอาชญากรก็ตาม โดยสิ่งที่ห้ามได้อย่างเดียว คือ ห้ามคนไทยไม่ให้ออกไปต่างประเทศได้เท่านั้น ถ้าวันนั้นม.ร.ว.เสนีย์ ทำตามกระแสสังคมก็อาจจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็ได้ แต่ว่าท่านไม่ทำเพราะต้องยึดตามหลักรัฐธรรมนูญซึ่งเรื่องการยึด“หลักการ”แบบ นี้ในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“พูดได้ว่าบ้านเมืองเราจะมีปัญหาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญคือ ผู้บริหารบ้านเมืองได้ยึดหลักนิติธรรมหรือไม่ ซึ่งปัญหาการยึดอำนาจ2ครั้งที่ผ่านมาก็เกิดจากการที่ผู้บริหารไม่ยึดหลัก นิติธรรมตามแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย แม้จะมีที่มาจากระบอบนี้ก็ตามแต่ก็เดินออกนอกเส้นทางประชาธิปไตย แก้ปัญหาด้วยวิธีที่ไม่ใช่หลักนิติธรรม ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาตลอดมา”อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
นายชวน ยังย้ำว่า ด้วยแนวทางการยึดหลักการเป็นที่มั่น ก็ได้ถ่ายทอดสู่นักการเมืองรุ่นของเรา จะเป็นยุคของตนหรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็ยึดหลักการนี้ซึ่งตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยพูดไว้ว่าทุกคน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหลักการนี้ก็เป็นสิ่งที่น่ายึดถือไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตาม"
.................
สรุปคือ คุณชวนอ้างว่าเสนีย์เป็นคนเคารพหลักการมาก ในเมื่อตามหลักการรัฐธรรมนูญไม่สามารถไล่คนไทยออกนอกประเทศได้ เสนีย์จึงไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องที่ให้ไล่ถนอมกลับออกนอกประเทศ
ขอให้ดูภาพถ่ายหนังสือพิมพ์ต่างๆที่ผมโพสต์ประกอบนี้
ไทยรัฐ หน้า 1 ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2519 "#เสนีย์ยืนยัน #ถนอมต้องออกไป...."
ไทยรัฐ ฉบับเดียวกัน ตรงเนื้อข่าว "....ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี #ยืนยันพระถนอมต้องออกไป..."
ไม่เพียงแต่กรณีถนอม กรณีประภาสลักลอบกลับไทยที่เกิดก่อนหน้านั้นประมาณเดือนเดียว (สิงหาคม 2519) เสนีย์และรัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการพยายามเจรจาต่อรองบีบให้ประภาสกลับออกนอกประเทศไทย
ขอให้ดู นสพ ที่ผมโพสต์
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 20 สิงหาคม 2519 พาดหัว "ประภาสกลับ ออกใน 7 วัน #รัฐบาลเจรจาสำเร็จ"
ที่เหลือผมตัดมาจากเนื้อข่าว ทั้งไทยรัฐ และประชาชาติ ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2519 ซึ่งรายงานเรื่องตัวแทนรัฐบาลและกองทัพ - สุรินทร์ มาศดิษถ์ รมต.สำนักนายกฯ (หัวหน้า "ปีกซ้าย ปชป" ที่ ชวน เป็นสมาชิกด้วยคนหนึ่ง) พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ผบ.สส. และ ผู้บัญชาทั้ง 3 ทัพ - ไปเจรจาขอให้ประภาสรีบออกไป คือเดิมทีเดียวประภาสยอมออกนอกประเทศ "ใน 7 วัน" แต่วันที่ 21 สิงหาคม เกิดการปาระเบิดใส่ที่ชุมนุมประท้วงที่ธรรมศาสตร์ รัฐบาลประชาธิปัตย์เลยรีบไปเจรจาให้ประภาสออกไปโดยเร็ว ในที่สุด ประภาสก็ยอมเดินทางออกไปในวันที่ 22 สิงหาคม (หลังเจรจา 10 ชั่วโมง ตามข่าวที่โพสต์) โดยที่ก่อนจะเดินทางออก ยังได้ "พระมหากรุณาธิคุณ" ให้เข้าเฝ้าในหลวง
.......................
ที่จริง นี่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ แต่คุณชวนเองเอามาเพื่ออ้างสำหรับสนับสนุนเรื่อง "ต้องยึดหลักกฎหมาย" อะไรนั่น แต่ว่าในการอ้างผิดๆนั้น มันมีประเด็นน่าสนใจอย่างหนึ่ง ที่คงต้องไว้อภิปรายคราวหลังเพราะจะยาว
แต่ผมเคยตั้งข้อสังเกตกับเพื่อนๆหลายคน โดยเฉพาะกับคนที่เป็นนักวิชาการด้านกฎหมายว่า
เป็น irony หรือ "ตลกร้าย" อย่างหนึ่งว่า ในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังกระบวนการ "ตุลาภิวัฒน์" ที่ริเริ่มโดยในหลวง (ครบ 10 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว) ที่มีการ "อ้างกฎหมาย" เต็มไปหมด (กรณีการพูดของชวนที่ธรรมศาสร์นี้ เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุด) เลยกลายเป็นว่า การแก้วิกฤติการเมืองยากกว่าสมัยก่อน
กรณีถนอมหรือประภาสที่ยกมานี้ ในแง่หนึ่ง ใช่แน่นอนว่า การไล่ถนอม-ประภาสกลับออกไป ไม่เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ (ห้ามคนไทยอยู่ในประเทศไทยไม่ได้) แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาวิกฤติที่ได้ผล (เพราะอีกวิธีหนึ่งคือดำเนินคดี รัฐบาลเสนีย์เองก็ไม่มีปัญญาจะทำได้ และไม่กล้าเสี่ยงจะทำด้วย)
หลายคนอาจจะจำได้ ที่พิชัย รัตนกุล ออกมาเปิดเผยไม่นานนี้ว่า เคยพยายามจะเป็นตัวกลางเจรจากับทักษิณ ด้วยการจะนำทักษิณเข้าเฝ้า ฯลฯ - นี่คือวิธีแก้วิกฤติแบบ "โอลด์สคูล" (แบบ "โบราณ") คือคิดในเชิงการเมืองเป็นหลัก และเห็นว่า จะแก้วิกฤติได้ ต้องใช้การเจรจา ต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว ... ในขณะที่ปัจจุบัน รวมทั้งประชาธิปัตย์ภายใต้อภิสิทธิ์กับชวน(ยุคนี้) หันมาเน้นเรื่อง "ต้องถือตามกฎหมายๆๆ" ในความหมายที่จะต้องใช้กฎหมายเล่นงานศัตรูการเมืองของตนให้ได้ (กระบวนการ "ตุลาการภิวัฒน์" ก็คือเรื่องนี้) .... ไปๆมาๆ เลยกลายเป็นว่า ยิ่งทำให้วิกฤติยืดเยื้อหาทางลงไม่ได้
......................
กระทู้นี้ความจริงก็เป็นเพียงข้อมูลประวัติศาสตร์ คือไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจุบันโดยตรง แต่ในฐานะคนสนใจประวัติศาสตร์ เวลาเห็นใครมาพูดมั่วๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงให้ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร
เมื่อวันก่อน คุณชวน หลีกภัย ได้ไปพูดที่ธรรมศาสตร์ เนื่องในโอกาสงานระลึกวันเกิดเสนีย์ ปราโมช (ดูรายงานข่าวที่นี่ http://goo.gl/8dzblF)
(ขอบคุณคุณ "ใบตองแห้ง" Atukkit Sawangsuk ที่โพสต์เรื่องนี้ ทำให้ผมรู้ว่าชวนไปพูด กระทู้คุณ "ใบตองแห้ง" เรื่องนี้อยู่ที่นี่ https://goo.gl/KJuItj)
ตอนหนึ่งคุณชวนได้พูดถึง เสนีย์กับกรณี 6 ตุลา อ่านดูก็รู้ว่า จุดประสงค์จริงๆ เพื่อจะแขวะทักษิณ-เพื่อไทย โดยยกเรื่องเมื่อ 40 ปีก่อนมาแขวะ - ผมไม่มีปัญหาเรื่องใครอยากแขวะทักษิณ-เพื่อไทย ปัญหาคือที่คุณชวนยกเรื่อง 40 ปีก่อนมาน่ะ ยกมาผิดๆ
โชคร้ายของคุณชวน ผมไม่เพียงแต่จำเรื่อง 40 ปีก่อนได้ดีกว่าคุณชวน ผมบังเอิญมีหลักฐานมายืนยันด้วยว่าคุณชวน "จำผิด" อย่างไร
คุณชวนพูดว่า
.........................
"แบบอย่างของการยึดถือ“หลักการ”ของ ม.ร.ว.เสนีย์
อดีตนายกฯชวน เล่าต่อไปว่า ในช่วงของ “เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ” ขณะนั้นมีการชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีกระแสการกดดันของกลุ่มผู้ชุมนุม คือ การไล่จอมพลถนอม ออกนอกประเทศ
แต่ม.ร.ว.เสนีย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ระบุว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้ทำได้ จึงไม่สามารถอพยพให้คนไทยออกนอกประเทศและไม่ได้ห้ามคนไทยที่หนีไปต่างประเทศ กลับเข้ามา แม้จะเป็นอาชญากรก็ตาม โดยสิ่งที่ห้ามได้อย่างเดียว คือ ห้ามคนไทยไม่ให้ออกไปต่างประเทศได้เท่านั้น ถ้าวันนั้นม.ร.ว.เสนีย์ ทำตามกระแสสังคมก็อาจจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็ได้ แต่ว่าท่านไม่ทำเพราะต้องยึดตามหลักรัฐธรรมนูญซึ่งเรื่องการยึด“หลักการ”แบบ นี้ในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“พูดได้ว่าบ้านเมืองเราจะมีปัญหาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญคือ ผู้บริหารบ้านเมืองได้ยึดหลักนิติธรรมหรือไม่ ซึ่งปัญหาการยึดอำนาจ2ครั้งที่ผ่านมาก็เกิดจากการที่ผู้บริหารไม่ยึดหลัก นิติธรรมตามแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย แม้จะมีที่มาจากระบอบนี้ก็ตามแต่ก็เดินออกนอกเส้นทางประชาธิปไตย แก้ปัญหาด้วยวิธีที่ไม่ใช่หลักนิติธรรม ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาตลอดมา”อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
นายชวน ยังย้ำว่า ด้วยแนวทางการยึดหลักการเป็นที่มั่น ก็ได้ถ่ายทอดสู่นักการเมืองรุ่นของเรา จะเป็นยุคของตนหรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็ยึดหลักการนี้ซึ่งตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยพูดไว้ว่าทุกคน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหลักการนี้ก็เป็นสิ่งที่น่ายึดถือไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตาม"
.................
สรุปคือ คุณชวนอ้างว่าเสนีย์เป็นคนเคารพหลักการมาก ในเมื่อตามหลักการรัฐธรรมนูญไม่สามารถไล่คนไทยออกนอกประเทศได้ เสนีย์จึงไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องที่ให้ไล่ถนอมกลับออกนอกประเทศ
ขอให้ดูภาพถ่ายหนังสือพิมพ์ต่างๆที่ผมโพสต์ประกอบนี้
ไทยรัฐ หน้า 1 ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2519 "#เสนีย์ยืนยัน #ถนอมต้องออกไป...."
ไทยรัฐ ฉบับเดียวกัน ตรงเนื้อข่าว "....ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี #ยืนยันพระถนอมต้องออกไป..."
ไม่เพียงแต่กรณีถนอม กรณีประภาสลักลอบกลับไทยที่เกิดก่อนหน้านั้นประมาณเดือนเดียว (สิงหาคม 2519) เสนีย์และรัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการพยายามเจรจาต่อรองบีบให้ประภาสกลับออกนอกประเทศไทย
ขอให้ดู นสพ ที่ผมโพสต์
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 20 สิงหาคม 2519 พาดหัว "ประภาสกลับ ออกใน 7 วัน #รัฐบาลเจรจาสำเร็จ"
ที่เหลือผมตัดมาจากเนื้อข่าว ทั้งไทยรัฐ และประชาชาติ ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2519 ซึ่งรายงานเรื่องตัวแทนรัฐบาลและกองทัพ - สุรินทร์ มาศดิษถ์ รมต.สำนักนายกฯ (หัวหน้า "ปีกซ้าย ปชป" ที่ ชวน เป็นสมาชิกด้วยคนหนึ่ง) พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ผบ.สส. และ ผู้บัญชาทั้ง 3 ทัพ - ไปเจรจาขอให้ประภาสรีบออกไป คือเดิมทีเดียวประภาสยอมออกนอกประเทศ "ใน 7 วัน" แต่วันที่ 21 สิงหาคม เกิดการปาระเบิดใส่ที่ชุมนุมประท้วงที่ธรรมศาสตร์ รัฐบาลประชาธิปัตย์เลยรีบไปเจรจาให้ประภาสออกไปโดยเร็ว ในที่สุด ประภาสก็ยอมเดินทางออกไปในวันที่ 22 สิงหาคม (หลังเจรจา 10 ชั่วโมง ตามข่าวที่โพสต์) โดยที่ก่อนจะเดินทางออก ยังได้ "พระมหากรุณาธิคุณ" ให้เข้าเฝ้าในหลวง
.......................
ที่จริง นี่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ แต่คุณชวนเองเอามาเพื่ออ้างสำหรับสนับสนุนเรื่อง "ต้องยึดหลักกฎหมาย" อะไรนั่น แต่ว่าในการอ้างผิดๆนั้น มันมีประเด็นน่าสนใจอย่างหนึ่ง ที่คงต้องไว้อภิปรายคราวหลังเพราะจะยาว
แต่ผมเคยตั้งข้อสังเกตกับเพื่อนๆหลายคน โดยเฉพาะกับคนที่เป็นนักวิชาการด้านกฎหมายว่า
เป็น irony หรือ "ตลกร้าย" อย่างหนึ่งว่า ในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังกระบวนการ "ตุลาภิวัฒน์" ที่ริเริ่มโดยในหลวง (ครบ 10 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว) ที่มีการ "อ้างกฎหมาย" เต็มไปหมด (กรณีการพูดของชวนที่ธรรมศาสร์นี้ เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุด) เลยกลายเป็นว่า การแก้วิกฤติการเมืองยากกว่าสมัยก่อน
กรณีถนอมหรือประภาสที่ยกมานี้ ในแง่หนึ่ง ใช่แน่นอนว่า การไล่ถนอม-ประภาสกลับออกไป ไม่เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ (ห้ามคนไทยอยู่ในประเทศไทยไม่ได้) แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาวิกฤติที่ได้ผล (เพราะอีกวิธีหนึ่งคือดำเนินคดี รัฐบาลเสนีย์เองก็ไม่มีปัญญาจะทำได้ และไม่กล้าเสี่ยงจะทำด้วย)
หลายคนอาจจะจำได้ ที่พิชัย รัตนกุล ออกมาเปิดเผยไม่นานนี้ว่า เคยพยายามจะเป็นตัวกลางเจรจากับทักษิณ ด้วยการจะนำทักษิณเข้าเฝ้า ฯลฯ - นี่คือวิธีแก้วิกฤติแบบ "โอลด์สคูล" (แบบ "โบราณ") คือคิดในเชิงการเมืองเป็นหลัก และเห็นว่า จะแก้วิกฤติได้ ต้องใช้การเจรจา ต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว ... ในขณะที่ปัจจุบัน รวมทั้งประชาธิปัตย์ภายใต้อภิสิทธิ์กับชวน(ยุคนี้) หันมาเน้นเรื่อง "ต้องถือตามกฎหมายๆๆ" ในความหมายที่จะต้องใช้กฎหมายเล่นงานศัตรูการเมืองของตนให้ได้ (กระบวนการ "ตุลาการภิวัฒน์" ก็คือเรื่องนี้) .... ไปๆมาๆ เลยกลายเป็นว่า ยิ่งทำให้วิกฤติยืดเยื้อหาทางลงไม่ได้
คลิกดูเพิ่ม- 7 new photos.
Somsak Jeamteerasakul....คดีนี้น่าทุเรศดีแท้ - ๑๑๒ ขยายความไปถึงพระเทพ
#ถ้าเป็นไปตามรายละเอียดของคดีที่รายงานนี้
ไม่มีตรงไหนที่เกี่ยวกับเจ้าองค์อื่นเลยนอกจากพระเทพ -
ไม่เกี่ยวกับกษัตริย์, ราชินี, รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการ
ตามที่ระบุคุ้มครองไว้ใน ๑๑๒
".....กลุ่มจำเลยสี่คนถูกกล่าวหาว่าได้ร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือราชการของสำนักราชเลขานุการ กองราชเลขานุการใน #พระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้นำไปอ้างแสดงต่อเจ้าอาวาสวัดไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมกับผู้เสียหายอีกหลายคน และยังมีการกล่าวอ้างว่าสามารถที่จะทูลเชิญ #สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาร่วมในพิธีของวัดได้ โดยมีการกล่าวอ้างแสดงตนว่าเป็นหม่อมหลวง ...."
https://tlhr2014.wordpress.com/2016/05/30/112kampangpetch_5/
ในการอ่านคำพิพากษา ศาลไม่ได้อ่านส่วนที่ให้เหตุผลข้อวินิจฉัยทางกฎหมาย เลยไม่รู้ว่าศาลจะยกอะไรมาอ้าง แต่หลายคนคงจำได้ ขนาดการพูดถึงยุคสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ตายเป็นร้อยปีแล้ว และ #ไม่ได้พูดถึงตัวรัชกาลที่๔เองด้วยซ้ำ พูดถึงยุคสมัยมากกว่า ยังถูกอ้างว่าเป็นการผิด ๑๑๒ มาแล้ว
ผมเคยยกเอกสารมาให้ดูชัดๆว่า ทั้งสำนักพระราชวัง และสำนักงานกฤษฎีกา เคยยืนยันมาแล้วทั้งคู่ว่า พระเทพฯ ไม่ได้อยู่ในคุ้มครองของ ๑๑๒ - ดูที่นี่ https://www.facebook.com/note.php?note_id=515541615155739
.................
หมายเหตุ: คดีนี้มีจำเลย ๔ คน "รับสารภาพ" และถูกตัดสินไป ๒ คนตามที่รายงานข้างต้น อีกคนขอให้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นตัวแทน เขายืนยันว่า เขาเพียงแต่รู้จักจำเลยที่โดนตัดสินคนหนึ่งในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องมหาลัย เดียวกัน แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องปลอมเอกสารที่ว่าเลย เคยเพียงแต่ได้รับการชวนจากจำเลยคนนั้นให้ร่วมทำบุญ
".....กลุ่มจำเลยสี่คนถูกกล่าวหาว่าได้ร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือราชการของสำนักราชเลขานุการ กองราชเลขานุการใน #พระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้นำไปอ้างแสดงต่อเจ้าอาวาสวัดไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมกับผู้เสียหายอีกหลายคน และยังมีการกล่าวอ้างว่าสามารถที่จะทูลเชิญ #สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาร่วมในพิธีของวัดได้ โดยมีการกล่าวอ้างแสดงตนว่าเป็นหม่อมหลวง ...."
https://tlhr2014.wordpress.com/2016/05/30/112kampangpetch_5/
ในการอ่านคำพิพากษา ศาลไม่ได้อ่านส่วนที่ให้เหตุผลข้อวินิจฉัยทางกฎหมาย เลยไม่รู้ว่าศาลจะยกอะไรมาอ้าง แต่หลายคนคงจำได้ ขนาดการพูดถึงยุคสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ตายเป็นร้อยปีแล้ว และ #ไม่ได้พูดถึงตัวรัชกาลที่๔เองด้วยซ้ำ พูดถึงยุคสมัยมากกว่า ยังถูกอ้างว่าเป็นการผิด ๑๑๒ มาแล้ว
ผมเคยยกเอกสารมาให้ดูชัดๆว่า ทั้งสำนักพระราชวัง และสำนักงานกฤษฎีกา เคยยืนยันมาแล้วทั้งคู่ว่า พระเทพฯ ไม่ได้อยู่ในคุ้มครองของ ๑๑๒ - ดูที่นี่ https://www.facebook.com/note.php?note_id=515541615155739
.................
หมายเหตุ: คดีนี้มีจำเลย ๔ คน "รับสารภาพ" และถูกตัดสินไป ๒ คนตามที่รายงานข้างต้น อีกคนขอให้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นตัวแทน เขายืนยันว่า เขาเพียงแต่รู้จักจำเลยที่โดนตัดสินคนหนึ่งในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องมหาลัย เดียวกัน แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องปลอมเอกสารที่ว่าเลย เคยเพียงแต่ได้รับการชวนจากจำเลยคนนั้นให้ร่วมทำบุญ
ขุนเขาบอก:
ครองธรณี "ซบบาทเทวา".......
เขียวเอยเขียวรวงข้าว. มือใครยาว สาวได้สาวเอา
เป็นขุนศึกไยหูเบา. ขุนนางเร้า ขุนศึกหาญ
เผด็จศึก วันขายข้าว. ชาวนาเศร้า พวกเจ้าสำราญ
นคราลั่น สั่นสะท้าน. หนุมานถล่มลงกา
สลดโศกนรกหมาง. นคราร้าง นราหมอง
แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง. แยกเป็นสองต้องปัญหา
แบ่งเป็นข้าแบ่งเป็นนาย. รอชีพวาย ศักดินา
หนุมานถล่มลงกา. อ้างเทวดา ประทานพร
หนึ่งอนงค์ ทรงเครื่องยศ. เทียมบรรพต ถูกปลดยศ
คนข้างกายทรยศ. ทุรยศ เกลือเป็นหนอน
อนุพงศ์อนงค์นาถ. มหาอำมาตย์ ขับนคร
ต้องร่อนเร่พเนจร. อรชรอรชุน
เมื่อขุนนางอ้างขุนศึก. ถลำลึกประเทศล่ม
หน้าระรื่นแต่อกตรม เศรฐกิจล่ม ยากจะขุน
กิเลสหนาปัญญาด้าน. รัฐบาลทาสนายทุน
รบเถิดหนออรชุน. เคียงข้างคุณคือนรา
เขาหน้าซื่อถืออาวุธ. รอประยุทธ์ชุดนักรบ
อรชุน.ท่านต้องรบ. ไยเลี่ยงหลบหนีปัญหา
ข้าวหายากหมากแสนแพง. ความขัดแย้งแบ่งนครา
รอศรแดงท่านแผลงมา. ปลดนราสู่เสรี
วีรชนถูกกร่นด่า. อำมาตยาเรืองอำนาจ
มีผู้นำวิปลาส. ประเทศชาติถูกแบ่งสี
สีธงชาติราดน้ำมัน. ไฟบรรลัยกัลป์เผาปฐพี
ย่างสามขุมกฎุมพี. ครองธรณี "ซบบาทเทวา".......
จำเลยคดีม.๑๑๒....คดี๑๑๒แอบอ้างสถาบัน....และ คดี๑๑๒หมิ่นสถาบัน....
ศาลกำแพงเพชรพิพากษา 2 จำเลยคดี 112 แอบอ้างสมเด็จพระเทพฯ กับวัดไทรงาม จำคุก 7 ปี 4 เดือน สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 3 ปี 8 เดือน
ขณะที่อีก 2 คนยังสู้คดีต่อ ทนายเผยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้น ในประเด็นสถานะพระเทพฯว่าเป็นบุคคลตาม ม.112 หรือไม่ แต่ศาลได้ให้ยกคำร้องฉบับนี้ ขณะที่จำเลยยื่นประกันตัวแล้ว 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต
ขณะที่อีก 2 คนยังสู้คดีต่อ ทนายเผยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้น ในประเด็นสถานะพระเทพฯว่าเป็นบุคคลตาม ม.112 หรือไม่ แต่ศาลได้ให้ยกคำร้องฉบับนี้ ขณะที่จำเลยยื่นประกันตัวแล้ว 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต
‘ทอม ดันดี’ กลับคำให้การรับสารภาพคดี112 ที่ขึ้นศาลอาญา
ทอม ดันดี เปลี่ยนใจรับสารภาพคดี 112 คดีที่พิจารณาในศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษา 1 มิ.ย. / ขณะที่อีกคดีอยู่ในศาลทหาร นัดอีกที 21 มิ.ย.คาดรับสารภาพเช่นกัน
วันที่ 30 พ.ค.2559 ที่ห้องพิจารณาคดี 912 ศาลอาญารัชดา นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี นักร้องดังวัย 58 ปีมาศาลในนัดตรวจความพร้อมของคู่ความ ในคดีหมายเลข อ.3575/2558 ก่อนจะถึงนัดสืบพยานในวันที่ 26-29 ก.ค.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ในนัดนี้ทอม ดันดี ได้กลับคำให้การจากที่ปฏิเส...คลิกอ่านต่อ-See More
ทอม ดันดี เปลี่ยนใจรับสารภาพคดี 112 คดีที่พิจารณาในศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษา 1 มิ.ย. / ขณะที่อีกคดีอยู่ในศาลทหาร นัดอีกที 21 มิ.ย.คาดรับสารภาพเช่นกัน
วันที่ 30 พ.ค.2559 ที่ห้องพิจารณาคดี 912 ศาลอาญารัชดา นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี นักร้องดังวัย 58 ปีมาศาลในนัดตรวจความพร้อมของคู่ความ ในคดีหมายเลข อ.3575/2558 ก่อนจะถึงนัดสืบพยานในวันที่ 26-29 ก.ค.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ในนัดนี้ทอม ดันดี ได้กลับคำให้การจากที่ปฏิเส...คลิกอ่านต่อ-See More
"คำสั่งคือกฎหมาย" อำนาจที่บังคับใช้ในสังคมภายใต้รัฐเผด็จการทหาร.....
เรียกอดีต ส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทยพร้อมลูกชาย-ลูกสะใภ้รายงานตัวที่ค่าย หลังถูกกล่าวหาเป็นผู้มีอิทธิพล
ทช.เอา
จริง ลุยแผนทวงคืนผืนป่าชายเลน เผยสมุทรสาคร ชลบุรี เพชรบุรี พังงา
จันทบุรี ระยอง แชมป์รุกป่าชายเลน ชุดฉลามขาวบุกสอบเอกสารสิทธิ สนามกอล์ฟ
ส่อออกโฉนดทับป่าสงวนฯ
söndag 29 maj 2016
ไฟกองใหญ่..ยังไหม้เมือง..เหลืองยังเข็ม ธรรมนูญเล่ม..ทรราช..สร้างปัญหา ธรรมนูญไทย..ยังใส่นวม..สรวมชฎา ข้อกล่าวหา..ยังรุนแรง..ยังแบ่งคน
ขุนเขาบอก
สังคมทราม..ลามด้วยจิต..ริษยา
แอบอ้างฟ้า..มาปลอบปลุก..ทุกสมัย
ไพร่ขี้ข้า..หน้าอดสู..อยู่ร่ำไป
เป็นขี้ไคล..อยู่ใต้ตีน..แผ่นดินมาร
กาลเลื่อนไหล..ไม่เคยสร้าง..หนทางไพร่
ถูกอีไอ้..ไล่เยี่ยงสัตว์..ประหัตประหาร
ถูกยัดเยียด..ความเกลียดชัง..ประดั่งมาร
จากคนพาล..ศักดินา..ฟ้าเป็นใจ
ก้มหน้าแนบ..แทบติดดิน..เจียนสิ้นชาติ
แส้อำมาตย์..ฟาดกลางหลัง..ตั้งแต่ไหน
แอบมองฟ้า..ฟ้ามีรับ..กลับเป็นไป
อธิปไตย..ไทยล้ำลึก..ดึกดำบรรพ์
กลียุค..ทุกสมัย..ใครผู้เริ่ม
ใครฮึกเหิม..เติมเชื้อไฟ..ให้ความฝัน
ป้องไอ้อี..ให้มีฤทธิ์..สิทธิ์เหนือกัน
ทุกเมื่อวัน..มันกำเริบ..มันเติบโต
ยุติธรรม..ยิ่งซ้ำร้าย..กลายเป็นทาส
ทำลายชาติ..ตัดสินความ..ตามโมโห
คุกเข่าราบ..กราบอำมาตย์..ตวาดโว
หยิ่งยโส..เป็นโคควาย..ทำลายคน
ขุนศึกเล่า..เจ้าแค่ลา..เข่นฆ่าไพร่
แทนมือไม้..ใครคนสั่ง..ยังล่องหน
คณาจารย์..นักวิชา..ปัญญาชน
ยังเหยียดคน..ยังปล้นไทย..ใครบัญชา
ไฟกองใหญ่..ยังไหม้เมือง..เหลืองยังเข็ม
ธรรมนูญเล่ม..ทรราช..สร้างปัญหา
ธรรมนูญไทย..ยังใส่นวม..สรวมชฎา
ข้อกล่าวหา..ยังรุนแรง..ยังแบ่งคน
บทสุดท้าย..ตายคือชาติ..อำมาตย์เอ๋ย
สุขเสบย..คือเทวา..น่าฉงน
อภิสิทธิ์..ผิดมนุษย์..ปุถุชน
อิทธิพล..หรือศรัทธา..ฤางมงาย…
สังคมทราม..ลามด้วยจิต..ริษยา
แอบอ้างฟ้า..มาปลอบปลุก..ทุกสมัย
ไพร่ขี้ข้า..หน้าอดสู..อยู่ร่ำไป
เป็นขี้ไคล..อยู่ใต้ตีน..แผ่นดินมาร
กาลเลื่อนไหล..ไม่เคยสร้าง..หนทางไพร่
ถูกอีไอ้..ไล่เยี่ยงสัตว์..ประหัตประหาร
ถูกยัดเยียด..ความเกลียดชัง..ประดั่งมาร
จากคนพาล..ศักดินา..ฟ้าเป็นใจ
ก้มหน้าแนบ..แทบติดดิน..เจียนสิ้นชาติ
แส้อำมาตย์..ฟาดกลางหลัง..ตั้งแต่ไหน
แอบมองฟ้า..ฟ้ามีรับ..กลับเป็นไป
อธิปไตย..ไทยล้ำลึก..ดึกดำบรรพ์
กลียุค..ทุกสมัย..ใครผู้เริ่ม
ใครฮึกเหิม..เติมเชื้อไฟ..ให้ความฝัน
ป้องไอ้อี..ให้มีฤทธิ์..สิทธิ์เหนือกัน
ทุกเมื่อวัน..มันกำเริบ..มันเติบโต
ยุติธรรม..ยิ่งซ้ำร้าย..กลายเป็นทาส
ทำลายชาติ..ตัดสินความ..ตามโมโห
คุกเข่าราบ..กราบอำมาตย์..ตวาดโว
หยิ่งยโส..เป็นโคควาย..ทำลายคน
ขุนศึกเล่า..เจ้าแค่ลา..เข่นฆ่าไพร่
แทนมือไม้..ใครคนสั่ง..ยังล่องหน
คณาจารย์..นักวิชา..ปัญญาชน
ยังเหยียดคน..ยังปล้นไทย..ใครบัญชา
ไฟกองใหญ่..ยังไหม้เมือง..เหลืองยังเข็ม
ธรรมนูญเล่ม..ทรราช..สร้างปัญหา
ธรรมนูญไทย..ยังใส่นวม..สรวมชฎา
ข้อกล่าวหา..ยังรุนแรง..ยังแบ่งคน
บทสุดท้าย..ตายคือชาติ..อำมาตย์เอ๋ย
สุขเสบย..คือเทวา..น่าฉงน
อภิสิทธิ์..ผิดมนุษย์..ปุถุชน
อิทธิพล..หรือศรัทธา..ฤางมงาย…
อีกนิดเดียว.อีกนิดเดียว.......
ขุนเขาบอก :
อีกนิดเดียว.อีกนิดเดียว.......
อนิจจัง...วัฏสังขารา
ไม่ว่าเจ้า.หรือขี้ข้า...สิ้นวิญญา.กายถูกเผา
ความศรัทธา...หมดสิ้นค่า...เพราะตัวเรา
บนกองฟอน.กายถูกเผา...เป็นขี้เถ้า.เจ้าคือใคร
ยามเจ้ายัง...เจ้าเคยนั่ง...บัลลังก์สูง
ข้าใช้สอย.คอยพยุง...เป็นป้าลุง.รุ่งสมัย
ดั่งเจ้าเมือง...รวยฟุ้งเฟื่อง...เรืองวิไล
คำร่ำลือ.ระบือไกล...ท่านยิ่งใหญ่.เหนือนครา
ยามอ่าองค์...ทรงเครื่องหรู...ดูวิจิตร
ดุจดั่งเทพ.เนรมิต...เอียงคอนิด.น่าอิจฉา
ตาชม้อย...ยิ้มน้อยๆ...ดูงามตา
เก้าสิบสี่.ยังปรีดา...เหยียบขี้ข้า.เสนาบดี
บัดนี้เล่า...ไยดูเจ้า...จึ่งมัวหมอง
ดำเนินไหน.ให้ประคอง...กรรมสนอง. เสื่อมราศี
เข้าโรงหมอ...พึ่งมีดหมอ...ต่อชีวี
ผ่าตัดใหญ่. ใกล้เป็นผี...ยื้อชีวี.ขันที..ปอ
ตาหลับลง...อัศดง...คงเยือนเจ้า
พินิจดู.จึงรู้เรา...ไยโง่เขลา. เพียงนี้หนอ
ศิโรราบ...กราบรูปเขา...เฝ้าพะนอ
ยามใกล้ตาย. ไม่กรายหนอ...ให้เพียงพอ.เพียงผู้เดียว
คนสาบแช่...แรงกรรมสร้าง...ร่างเป็นแผล
เสื่อมความขลัง.ดั่งจอกแหน...พ่อไม่แล.แม่ไม่เหลียว
นอนเดียวดาย...ร่างกายเดี้ยง...เพียงผู้เดียว
ขันทีชาย.กายเริ่มเขียว...อีกนิดเดียว.อีกนิดเดียว.......
อัพเดท " ลูกทาสกับลูกไท".....ลูก ทาส.กับ..ลูกไท...".ลูกทาส" ก็คือคนครึ่งสัตว์ ที่เห็นว่ากรงคือที่พักอันอบอุ่นมั่นคงของตน..." ลูกไท" ก็คือมนุษย์ที่ตระหนักในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น้อยไปกว่าใครและไม่มากไปกว่าใคร..
ลูกทาสกับลูกไท
ต้อง ยอมรับว่า สถานการณ์การเมืองไทยทุกวันนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกระคนปนกันระหว่างความทุกข์กับความสุข จนเกิดรสชาติที่ปนกันรสขมและรสหวาน แบบที่ฝรั่งเรียกว่า bittersweet ด้านความทุกข์ดูจะชัดเจนว่า เป็นความเศร้าใจที่ได้เห็นชาติบ้านเมืองตกต่ำลง ในขณะที่รัฐไทยเราได้เดินนำรัฐอื่นๆ ในอนุภูมิภาคมาเป็นเวลานานหลายปี แต่เมื่อเขตเศรษฐกิจอาเซียนจะมาถึงเข้าจริงๆ เรากลับสะดุดขาตัวเองล้มตึงและได้รับบาดเจ็บยิ่งกว่าเท้าของนายกรัฐมนตรีและ ไหปลาร้าของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มากนัก
เหตุผลก็ชัดเจนเรียบง่าย นั่นคือการเปิดรัฐไทยสู่เศรษฐกิจโลกครั้งนี้ อาจเป็นการเปิดถาวร และปิดโอกาสที่ธุรกิจไทยแนวเก่าๆ ที่ได้ดีมาด้วยการหลับหูหลับตาท่องคาถา ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีคำว่า ประชาชนและประสิทธิภาพ รวมอยู่ในนั้นด้วยเลย เราไม่แปลกใจที่เห็นภาพคนทำธุรกิจเอากำไรเข้าตัวมาตลอดชีวิตอันยาวนานอย่าง นายประมนต์ สุธีวงศ์ จะออกมาทำตัวประหนึ่งเป็นองคมนตรีฝ่ายธุรกิจและเทศนาสังคมให้รู้จักการให้ หรือ นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้เป็นเสมือนองคมนตรีฝ่ายเอ็นจีโอ นายอานันท์ ปันยารชุน ผู้เป็นเสมือนองคมนตรีฝ่ายต่างประเทศและสหรัฐอเมริกาสายเก่า หรือนายพลากร สุวรรณรัฐ ที่ทำให้คำว่า ลูกทาส จากละครช่อง ๓ มีความหมายในชีวิตจริงขึ้นมา ด้วยความเป็นเสมือนองคมนตรี “นายใน” เราเลิกแปลกใจที่คนดังๆ จากสายพันธุ์นี้รวมตัวกันต่อต้านขบวนประชาธิปไตยอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก เพราะเรารู้ว่า สงครามกลางเมืองของรัฐไทยได้ระเบิดขึ้นแล้วในระดับความคิด เขาไม่ยอมสละเรือขุดเงินขุดทองที่ระบอบของเขาดูดกินและปอกลอกไปจากรัฐไทยนี้ เราเองก็ยืนยันในสิทธิของความเป็นพลเมืองไทยที่ประชาชนเป็นเจ้าของรัฐพอๆ กับอำมาตย์ศักดินา นี่เป็นจุดยืนที่แต่ละฝ่ายไม่อาจหาพื้นที่ที่เป็นกลางได้ ก็ถึงขนาดที่อดีตคนกลางคนเดียวของประเทศ ยังมีแนวคิดให้หันหน้ามาฆ่ากันเองเพราะคิดว่าฝ่ายใดชนะก็คงวิ่งกลับมาหาตัว เองอย่างนี้แล้ว จะไปหวังพึ่งเจว็ดที่ไหนอย่างลมๆ แล้งๆ ได้
แต่ด้าน ความสุขก็ไม่ควรลืมและควรนำมายินดีกันเช่นกัน ไม่มียุคไหนที่พลเมืองจะตาสว่างและรู้เท่าทันเท่ายุคนี้อีก ความตาสว่างและความรู้เท่าทัน เป็นเหตุให้เกิดการย้อนกลับไปวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ในยุคเดิมและสถานการณ์ ในยุคปัจจุบันใหม่หมด ความเข้าใจใหม่จึงกำลังเกิดขึ้นในฐานข้อมูลเก่า พวกที่หากินเป็นนายหน้าทางภูมิปัญญาทั้งหลายโดยเฉพาะนักวิชาการและอาจารย์ มหาวิทยาลัยฝ่ายที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับขบวนประชาธิปไตย เริ่มหมดทางหากินไปตามๆ กัน ผู้คนอย่าง นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ ที่เคยนำมวลชนสู้กับระบอบเผด็จการ แล้วคงกลับมาถามตัวเองอยู่ว่าฉันได้ประโยชน์ส่วนตัวอะไร ก่อนจะเปลี่ยนข้างมาสนับสนุนเผด็จการรัฐไทย นายเสรี วงศ์มณฑา ที่เคยฉลาดหลักแหลมอยู่ในสังคมแบบเก่าๆ ที่นั่งอ้าปากหวอฟังคำเจื้อยแจ้วเสมือนว่าเป็นภูมิปัญญา แต่ความจริงก็คือการตีฝีปากของคนที่มีช่องทางหากินอยู่กับคนที่โง่กว่า
เหล่า นี้เป็นเพียงตัวอย่างของสังคมแบบเก่าซึ่งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากรัฐไทยมิให้ ก้าวไปสู่อนาคต เพราะอนาคตหมายความว่าตนเองจะอาภัพอัปภาคย์ ตกเวที ตกงาน คนที่เคยยกมือไหว้จะหันมาเหยียดหยามใส่หน้า และหมดอาชีพตลอดจนช่องทางทำมาหากินแบบเก่า ข่าวดีก็คือ คนเหล่านี้มีเจ้านาย และเจ้านายของเขาทั้งหลายก็อยู่ในภาวะกรรมสนองกรรมอยู่ในขณะนี้ ทุกอย่างที่เคยซ่อนเร้น ไม่ว่าจะมือหรือเท้าที่มองไม่เห็น ก็ปรากฏแก่สายตาเหมือนละครบนเวที ใครที่เคยนึกว่าสังคมไทยหลอกง่าย เดี๋ยวก็แต่งชุดพลเรือน เดี๋ยวแต่งชุดทหารบก เรือ อากาศเพื่อลากเขามารับใช้ตนต่อไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้จึงเป็นได้เพียงตัวละครบนเวที ที่คนทั้งรัฐนั่งดูอย่างรื่นรมย์ และไม่หลงเพริศไปว่าเป็นสัจธรรมความจริง ความสำคัญของยุคนี้จึงได้แก่ความเข้าใจในสภาพของตนเอง เหมือนหมอแจ้งข่าวร้ายว่าเป็นมะเร็ง แต่เป็นห้วงที่ยังรักษาได้ ก็รีบละความลุ่มหลงในตัวเองแต่เดิมและหันมาปรับสมดุลในร่างกายเสียให้ทันโรค ข่าวร้ายก็จะเป็นข่าวดีไปได้ในที่สุด
ถามว่าเรากำลังเผชิญหน้าด้วย เรื่องอะไรกัน ก็ต้องตอบว่า นี่เป็นเผชิญหน้ากันระหว่าง ลูกทาส กับ ลูกไท ลูกทาสก็คือคนครึ่งสัตว์ ที่เห็นว่ากรงคือที่พักอันอบอุ่นมั่นคงของตน ลูกไทก็คือมนุษย์ที่ตระหนักในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น้อยไปกว่าใครและไม่มากไปกว่าใคร.
*********************************************
ที่มา: http://bit.ly/1geXSJp
ยุคปฎิรูปอะไร? เอาศาสนากับการเมืองมาเป็นเรื่องเดียวกัน โดยมี”ดีเอสไอ”เป็นตัว”ขับเคลื่อน”
09.00 INDEX กรณี คดีความ วัดพระธรรมกาย ผลพวงรัฐประหารพฤษภาคม 57
เห็น
การปรากฏตัวของ “ตัวละคร”ในกรณีอันเกี่ยวกับ “วัดพระธรรมกาย”
แล้ว ก็เริ่ม “เข้าใจ”
ไม่ว่าจะเป็นรายของ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม แห่งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ไม่ว่าจะเป็นรายของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ยิ่งการเคลื่อนไหวของ นพ.มโน เลาหวณิช ยิ่งทำให้”เข้าใจ”ได้มากยิ่งขึ้น
ว่าทำไมต้องมีการส่ง”โดรน”ออก”บิน”
ว่าทำไมต้องมีการสนธิกำลังทั้งตำรวจและทหารจำนวนไม่ต่ำ กว่า 2,000 คน
ทำไมต้องมีการตรวจสอบ”ธุรกรรม”การเงิน
กรณีอันเกี่ยวกับ”วัดพระธรรมกาย”จึงมิได้เป็นเรื่องของการฟอกเงินหรือรับของโจรอย่างธรรมดา
หากแต่กำลังขยายกลายเป็น “มหาโจร”
หากแต่กำลังขยายจากเรื่องในทาง”ศาสนา” กลายเป็นเรื่องในทาง “การเมือง”
การเมืองในกระบวนการ”ปฏิรูป”ก่อน”เลือกตั้ง”
ถามว่า พระสุวิทย์ ธีรธัมโม มีรากฐานความเป็นมาอย่างไร เคยมีบทบาทอย่างไร
คำตอบ “แจ่มชัด”
ถามว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน มีรากฐานความเป็นมาอย่างไร เคยมีบทบาทอย่างไร
คำตอบ “แจ่มชัด”
แจ่มชัดว่า 1 สัมพันธ์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิป
ไตย
และ 1 สัมพันธ์กับ”กปปส.”
นายไพบูลย์ นิติตะวัน คือ สมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม 40 ส.ว.
มีบทบาทหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็มีบทบาท
พระสุวิทย์ ธีรธัมโม แนบชิดกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประ ชาธิปไตย
แต่แสดงบทบาทโดดเด่นร่วมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการ”ชัตดาวน์”
เมื่อได้ น.พ.มโน เลาหวณิช มาร่วมก็”ไปโลด”
กรณีอันเกี่ยวกับคดีความต่อ พระเทพญาณมหามุนี(ธัมมชโย)จึงเท่ากับเป็นการขยายผล
ขยายผลจาก “กปปส.”
ขยายผลจากความสำเร็จในรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
“ปฏิรูป”ในด้าน”พุทธศาสนา”
ถือเอากรณีของวัดพระธรรมกาย คดีความของ พระเทพญาณ มหามุนี(ธัมมชโย)เป็นตัวอย่าง
โดยมี”ดีเอสไอ”เป็นตัว”ขับเคลื่อน”
รุกเข้าไปยัง “คลองหลวง” รุกเข้าไปยัง”ธรรมกาย”
Prenumerera på:
Inlägg (Atom)