måndag 30 maj 2016

Somsak Jeamteerasakul .....ชวน-เสนีย์- 6 ตุลา19 และข้อคิดเรื่องการอ้างหลักการกฎหมายสมัยนี้ ทำให้แก้ปัญหาการเมืองยากขึ้น



 

Somsak Jeamteerasakul
ชวน-เสนีย์- 6 ตุลา19 และข้อคิดเรื่องการอ้างหลักการกฎหมายสมัยนี้ ทำให้แก้ปัญหาการเมืองยากขึ้น
  
ชวน - เสนีย์ - กรณีถนอมกลับไทยก่อน 6 ตุลา 19 (แถมกรณีประภาสกลับไทย สิงหา 19)
และข้อคิดสั้นๆเรื่อง "ตลกร้าย" เกี่ยวกับการอ้าง "หลักการกฎหมาย" ในหลายปีนี้ ที่ทำให้แก้ปัญหาการเมืองยากขึ้น
......................
กระทู้นี้ความจริงก็เป็นเพียงข้อมูลประวัติศาสตร์ คือไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจุบันโดยตรง แต่ในฐานะคนสนใจประวัติศาสตร์ เวลาเห็นใครมาพูดมั่วๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงให้ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร
เมื่อวันก่อน คุณชวน หลีกภัย ได้ไปพูดที่ธรรมศาสตร์ เนื่องในโอกาสงานระลึกวันเกิดเสนีย์ ปราโมช (ดูรายงานข่าวที่นี่ http://goo.gl/8dzblF)
(ขอบคุณคุณ "ใบตองแห้ง" Atukkit Sawangsuk ที่โพสต์เรื่องนี้ ทำให้ผมรู้ว่าชวนไปพูด กระทู้คุณ "ใบตองแห้ง" เรื่องนี้อยู่ที่นี่ https://goo.gl/KJuItj)
ตอนหนึ่งคุณชวนได้พูดถึง เสนีย์กับกรณี 6 ตุลา อ่านดูก็รู้ว่า จุดประสงค์จริงๆ เพื่อจะแขวะทักษิณ-เพื่อไทย โดยยกเรื่องเมื่อ 40 ปีก่อนมาแขวะ - ผมไม่มีปัญหาเรื่องใครอยากแขวะทักษิณ-เพื่อไทย ปัญหาคือที่คุณชวนยกเรื่อง 40 ปีก่อนมาน่ะ ยกมาผิดๆ
โชคร้ายของคุณชวน ผมไม่เพียงแต่จำเรื่อง 40 ปีก่อนได้ดีกว่าคุณชวน ผมบังเอิญมีหลักฐานมายืนยันด้วยว่าคุณชวน "จำผิด" อย่างไร
คุณชวนพูดว่า
.........................
"แบบอย่างของการยึดถือ“หลักการ”ของ ม.ร.ว.เสนีย์
อดีตนายกฯชวน เล่าต่อไปว่า ในช่วงของ “เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ” ขณะนั้นมีการชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีกระแสการกดดันของกลุ่มผู้ชุมนุม คือ การไล่จอมพลถนอม ออกนอกประเทศ
แต่ม.ร.ว.เสนีย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ระบุว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้ทำได้ จึงไม่สามารถอพยพให้คนไทยออกนอกประเทศและไม่ได้ห้ามคนไทยที่หนีไปต่างประเทศ กลับเข้ามา แม้จะเป็นอาชญากรก็ตาม โดยสิ่งที่ห้ามได้อย่างเดียว คือ ห้ามคนไทยไม่ให้ออกไปต่างประเทศได้เท่านั้น ถ้าวันนั้นม.ร.ว.เสนีย์ ทำตามกระแสสังคมก็อาจจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็ได้ แต่ว่าท่านไม่ทำเพราะต้องยึดตามหลักรัฐธรรมนูญซึ่งเรื่องการยึด“หลักการ”แบบ นี้ในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“พูดได้ว่าบ้านเมืองเราจะมีปัญหาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญคือ ผู้บริหารบ้านเมืองได้ยึดหลักนิติธรรมหรือไม่ ซึ่งปัญหาการยึดอำนาจ2ครั้งที่ผ่านมาก็เกิดจากการที่ผู้บริหารไม่ยึดหลัก นิติธรรมตามแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย แม้จะมีที่มาจากระบอบนี้ก็ตามแต่ก็เดินออกนอกเส้นทางประชาธิปไตย แก้ปัญหาด้วยวิธีที่ไม่ใช่หลักนิติธรรม ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาตลอดมา”อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
นายชวน ยังย้ำว่า ด้วยแนวทางการยึดหลักการเป็นที่มั่น ก็ได้ถ่ายทอดสู่นักการเมืองรุ่นของเรา จะเป็นยุคของตนหรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็ยึดหลักการนี้ซึ่งตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยพูดไว้ว่าทุกคน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหลักการนี้ก็เป็นสิ่งที่น่ายึดถือไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตาม"
.................
สรุปคือ คุณชวนอ้างว่าเสนีย์เป็นคนเคารพหลักการมาก ในเมื่อตามหลักการรัฐธรรมนูญไม่สามารถไล่คนไทยออกนอกประเทศได้ เสนีย์จึงไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องที่ให้ไล่ถนอมกลับออกนอกประเทศ
ขอให้ดูภาพถ่ายหนังสือพิมพ์ต่างๆที่ผมโพสต์ประกอบนี้

ไทยรัฐ หน้า 1 ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2519 "‪#‎เสนีย์ยืนยัน‬ ‪#‎ถนอมต้องออกไป‬...."
ไทยรัฐ ฉบับเดียวกัน ตรงเนื้อข่าว "....ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ‪#‎ยืนยันพระถนอมต้องออกไป‬..."
ไม่เพียงแต่กรณีถนอม กรณีประภาสลักลอบกลับไทยที่เกิดก่อนหน้านั้นประมาณเดือนเดียว (สิงหาคม 2519) เสนีย์และรัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการพยายามเจรจาต่อรองบีบให้ประภาสกลับออกนอกประเทศไทย
ขอให้ดู นสพ ที่ผมโพสต์

ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 20 สิงหาคม 2519 พาดหัว "ประภาสกลับ ออกใน 7 วัน ‪#‎รัฐบาลเจรจาสำเร็จ‬"
ที่เหลือผมตัดมาจากเนื้อข่าว ทั้งไทยรัฐ และประชาชาติ ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2519 ซึ่งรายงานเรื่องตัวแทนรัฐบาลและกองทัพ - สุรินทร์ มาศดิษถ์ รมต.สำนักนายกฯ (หัวหน้า "ปีกซ้าย ปชป" ที่ ชวน เป็นสมาชิกด้วยคนหนึ่ง) พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ผบ.สส. และ ผู้บัญชาทั้ง 3 ทัพ - ไปเจรจาขอให้ประภาสรีบออกไป คือเดิมทีเดียวประภาสยอมออกนอกประเทศ "ใน 7 วัน" แต่วันที่ 21 สิงหาคม เกิดการปาระเบิดใส่ที่ชุมนุมประท้วงที่ธรรมศาสตร์ รัฐบาลประชาธิปัตย์เลยรีบไปเจรจาให้ประภาสออกไปโดยเร็ว ในที่สุด ประภาสก็ยอมเดินทางออกไปในวันที่ 22 สิงหาคม (หลังเจรจา 10 ชั่วโมง ตามข่าวที่โพสต์) โดยที่ก่อนจะเดินทางออก ยังได้ "พระมหากรุณาธิคุณ" ให้เข้าเฝ้าในหลวง
.......................
ที่จริง นี่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ แต่คุณชวนเองเอามาเพื่ออ้างสำหรับสนับสนุนเรื่อง "ต้องยึดหลักกฎหมาย" อะไรนั่น แต่ว่าในการอ้างผิดๆนั้น มันมีประเด็นน่าสนใจอย่างหนึ่ง ที่คงต้องไว้อภิปรายคราวหลังเพราะจะยาว
แต่ผมเคยตั้งข้อสังเกตกับเพื่อนๆหลายคน โดยเฉพาะกับคนที่เป็นนักวิชาการด้านกฎหมายว่า
เป็น irony หรือ "ตลกร้าย" อย่างหนึ่งว่า ในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังกระบวนการ "ตุลาภิวัฒน์" ที่ริเริ่มโดยในหลวง (ครบ 10 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว) ที่มีการ "อ้างกฎหมาย" เต็มไปหมด (กรณีการพูดของชวนที่ธรรมศาสร์นี้ เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุด) เลยกลายเป็นว่า การแก้วิกฤติการเมืองยากกว่าสมัยก่อน
กรณีถนอมหรือประภาสที่ยกมานี้ ในแง่หนึ่ง ใช่แน่นอนว่า การไล่ถนอม-ประภาสกลับออกไป ไม่เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ (ห้ามคนไทยอยู่ในประเทศไทยไม่ได้) แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาวิกฤติที่ได้ผล (เพราะอีกวิธีหนึ่งคือดำเนินคดี รัฐบาลเสนีย์เองก็ไม่มีปัญญาจะทำได้ และไม่กล้าเสี่ยงจะทำด้วย)
หลายคนอาจจะจำได้ ที่พิชัย รัตนกุล ออกมาเปิดเผยไม่นานนี้ว่า เคยพยายามจะเป็นตัวกลางเจรจากับทักษิณ ด้วยการจะนำทักษิณเข้าเฝ้า ฯลฯ - นี่คือวิธีแก้วิกฤติแบบ "โอลด์สคูล" (แบบ "โบราณ") คือคิดในเชิงการเมืองเป็นหลัก และเห็นว่า จะแก้วิกฤติได้ ต้องใช้การเจรจา ต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว ... ในขณะที่ปัจจุบัน รวมทั้งประชาธิปัตย์ภายใต้อภิสิทธิ์กับชวน(ยุคนี้) หันมาเน้นเรื่อง "ต้องถือตามกฎหมายๆๆ" ในความหมายที่จะต้องใช้กฎหมายเล่นงานศัตรูการเมืองของตนให้ได้ (กระบวนการ "ตุลาการภิวัฒน์" ก็คือเรื่องนี้) .... ไปๆมาๆ เลยกลายเป็นว่า ยิ่งทำให้วิกฤติยืดเยื้อหาทางลงไม่ได้
คลิกดูเพิ่ม- 7 new photos.
Somsak Jeamteerasakul's photo.

Somsak Jeamteerasakul's photo.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar