torsdag 9 juni 2016

Somsak Jeamteerasakul..."โนเซ่อ! ล้าสมัยหมดแล้ว! เรา--อิสรชน--ประชาชาติเป็นใหญ่ ‪#‎ยุ่งทำไมกับเด็กหนุ่มคนเดียวที่เป็นซากศพเสียแล้ว‬"

สมศักดิ์ เจียม
Somsak Jeamteerasakul
"...เด็กหนุ่มคนเดียวที่เป็นซากศพเสียแล้ว" - "บนหลุมศพวาสิฏฐี" ของ ร.จันทะพิมพะ
"ถ้าแต่งงานระหว่างไว้ทุกข์ใหญ่...คุณดาจะแต่งตัวยังไงดี? แขกที่ไปงานก็คงไม่กล้าแต่งฉูดฉาดเช่นเคย"
"ใครแคร์"
คนพูดชื่อเจนจิรา มีเชื้อสายเศรษฐีฮ่องกง เรียนสำเร็จที่นั่น และพูดได้ถึงสามภาษา ปรกติพูดภาษาแกมไทยทั้งที่หน้าตาท่าทางติดยี่ห้อลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย ขณะที่คนอื่นแต่่งดำ เจนจิรากลับแต่งสีเทาทั้งชุด บางครั้งกระโปรงดำหรือรองเท้าสานของหล่อนมีริ้วลายสีต่างๆ หล่อนร่ำรวยอยู่แล้ว เลยไม่มีใครค่อนขอดริ้วลายเหล่านั้น
"ตายทั้งที ทำไมจะต้องให้คนอื่นปั่นป่วนไปด้วย ดูแอ๊บเสิร์ด! เซี้ยวแอ๊ค!"
"คุณเจนไม่คิดหรือว่าคนเรายังอยู่ในขอบเขตของประเพณี"
"โนเซ่อ! ล้าสมัยหมดแล้ว! เรา--อิสรชน--ประชาชาติเป็นใหญ่ ‪#‎ยุ่งทำไมกับเด็กหนุ่มคนเดียวที่เป็นซากศพเสียแล้ว‬"
..............
ส่วนหนึ่งของบทสนทนาของตัวละครใน "บนหลุมศพวาสิฏฐี" นิยายของ "ร.จันทพิมพะ" เขียนและตีพิมพ์ระหว่างปี ๒๔๙๔-๒๔๙๖ (เริ่มพิมพ์เป็นตอนๆ ๒๔๙๔ รวมเล่ม ๒๔๙๖)
ตามท้องเรื่องของนิยาย บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๒๔๘๙ คือประมาณหนึ่งเดือนเศษหลังการสวรรคตของในหลวงอานันท์ "..เด็กหนุ่มคนเดียวที่เป็นซากศพเสียแล้ว..." ที่ "เจนจิรา" พูดถึงคือในหลวงอานันท์
แน่นอน ตามสำนวนและการผูกเรื่องของ ร.จันทพิมพะ "เจนจิรา" ที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ไม่ใช่ตัวละครที่น่ารักนัก แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ในปี ๒๔๙๔-๒๔๙๖ ยังเป็นเรื่องธรรมดาที่นักเขียนนิยายชั้นนำ จะสามารถสร้างบทสนทนาที่พาดพิงถึงกษัตริย์ที่เพิ่งสวรรคตไม่นาน และโดยสร้างให้บทสนทนาเกิดขึ้นเกือบจะทันทีหลังการสวรรคต ในลักษณะนี้ได้
ในทางกฎหมาย ความจริง กษัตริย์ที่ตายแล้วย่อมไม่ถือเป็นกษัตริย์ และไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมาย "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" แล้ว ดังนั้น "ร.จันทพิมพะ" ก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ที่จะเขียนถึงในหลวงอานันท์ว่า "เด็กหนุ่มคนเดียวที่เป็นซากศพเสียแล้ว" -- นั่นคือสมัยทศวรรษ ๒๔๙๐
แต่สมัยนี้ที่การพาดพิงถึง "ยุคสมัย"ของกษัตริย์ที่ตายไปร้อยกว่าปีแล้ว* สามารถถูกตัดสินว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ได้ ก็คงไม่มีใครกล้าเขียนในลักษณะนี้แล้ว
*[สำหรับท่านที่ไม่ทราบ คดีที่ตัดสินว่าผิดข้อหาหมิ่นฯ เกี่ยวกับ "รัชกาลที่ ๔" นั้น ข้อความของจำเลยมีว่า "....แต่ถ้าเราต้องไป แล้วต้องเป็นเหมือนกับรัชกาลที่ ๔ เราไม่เป็นครับท่าน ‪#‎ยุคนั้น‬ หมดไปแล้ว..." ซึ่งศาลกล่าวว่า "...เป็นการใส่ความหมิ่นประมาท ดูหมิ่นรัชกาลที่ ๔ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ในอดีต เปรียบเทียบว่า ‪#‎ยุคของพระองค์‬ เหมือนต้องไปเป็นทาส ...น่าจะทำให้รัชกาลที่ ๔ เสื่อมเสียพระเกียรติเสียชื่อเสียง...." - พูดอีกอย่างคือ ที่ว่า "หมิ่นฯรัชกาลที่ ๔" นั้น จำเลยไม่ได้หมายถึงตัวรัชกาลที่ ๔ เองด้วยซ้ำ แต่หมายถึง "ยุคของพระองค์" และแน่นอน ต่อให้หมายถึงพระองค์ ตัวรัชกาลที่ ๔ ก็ตายไปร้อยกว่าปีแล้ว]
..............
ขอบคุณ "มิตรสหายท่านหนึ่ง" ที่ทำให้ผมรู้ว่า มีข้อความสนทนาข้างต้นใน "บนหลุมศพวาสิฏฐี" ของ ร.จันทะพิมพะ
นิยาย "บนหลุมศพวาสิฏฐี" เป็น "ภาคต่อ" ของนิยายเรื่อง "เราลิขิต" ทั้งสองภาคมักจะได้รับการตีพิมพ์รวมกันในชื่อ "เราลิขิต-บนหลุมศพวาสิฏฐี"

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar