torsdag 8 december 2016

ความดีเหนือเหลื่อมล้ำ : คอลัมน์ ใบตองแห้ง

haosod - ข่าวสด
"...พูดอีกอย่างคือความดีในสังคมไทย ที่ปวารณากันทุกวันนี้ เป็นความดีที่มาพร้อมกับความกลัว ต้องทำตัวดีๆ เพราะกลัวผู้มีอำนาจ แต่ถ้าเป็นความดีที่มาพร้อมกับการสรรเสริญอำนาจ ก็ทำไปเถอะ ทำดีแบบนี้ไม่มีขาดทุน"

 
ความดีเหนือเหลื่อมล้ำ ใบตองแห้ง ไชโย ประเทศไทยติดอันดับ…
ความดีเหนือเหลื่อมล้ำ
ใบตองแห้ง
ไชโย ประเทศไทยติดอันดับโลกอีกแล้ว แต่เป็นอันดับ 3 ของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง รองจากรัสเซีย อินเดีย ชนะอินโดนีเซีย บราซิล จีน และจักรวรรดินิยมอเมริกา โดยคนรวย 1% ถือครองทรัพย์สินเงินทองกว่า 58%
ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ไม่มีใครเถียง สภาพัฒน์แถลงย้ำด้วยซ้ำว่า คนรวย 0.1% ในประเทศนี้ (65,000 คน) มีเงินฝากมากถึง 49.2% ของทั้งหมด (ราว 5.5 ล้านล้านบาท) คนมีฐานะ 10% ถือครองที่ดิน 61.5% มีรายได้สูงกว่าคนจน 22 เท่า ขณะที่มีคนเสี่ยงยากไร้ซ้ำซาก 26.9 ล้านคน
ความเหลื่อมล้ำไม่ได้เป็นผลเสียกับรัฐบาล เป็นผลดีเสียด้วยซ้ำ เพราะรัฐประหารเข้ามาเพื่อแก้ความเหลื่อมล้ำนี่ครับ คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี 10% ในประเทศนี้ เชื่อว่าความแตกแยกทางการเมืองเกิดจากความเหลื่อมล้ำ เพราะเรามีคนจนคนไร้การศึกษามากไป จึงตกเป็นเหยื่อนักการเมือง ใช้เงินซื้อเสียง ใช้ประชานิยมล่อใจ จำเป็นต้องหยุดประชาธิปไตยสักพัก ให้คนดีปกครองบ้านเมือง ใช้ “ประชารัฐ” แจกเงิน 1,500-3,000 ลดความเหลื่อมล้ำตามยุทธศาสตร์ชาติสัก 20 ปี ให้การศึกษาค่านิยม 12 ประการ ให้คนส่วนใหญ่เป็นคนดีมีคุณธรรม แล้วเราค่อยกลับมามีเสรีภาพประชาธิปไตย
ระหว่างนี้ก็ช่วยกันสร้างสังคมดีมีน้ำใจ จากที่เคยปิดแบงก์ออมสินไม่ให้กู้เงินจำนำข้าว ก็ช่วยกันซื้อข้าวชาวนา เศรษฐีมหาเศรษฐี ห้างสรรพสินค้า บริษัทยักษ์ใหญ่ เอื้อเฟื้อสถานที่ให้ขายข้าวฟรีๆ
สังคมไทย (ซึ่งยึดครองโดยคน 10%) เชื่อว่าคนดีและความดีช่วยลดความเหลื่อมล้ำ คนไทยไม่ว่ารวยหรือจนก็ทำบุญทำทาน เห็นไหม ตูน บอดี้สแลม วิ่งขอเงินบริจาคซื้ออุปกรณ์โรงพยาบาล แป๊บเดียวได้ 20 ล้าน (แต่ยังแพ้ลุงกำนัน เดิน 10 ชั่วโมงได้ 10 ล้าน)
จริงนะครับ เมืองไทยวันนี้ มีแต่คนใจบุญสุนทาน ไม่เชื่อไปดูทุกวัดในเมือง มูลนิธิ สถานสงเคราะห์ ฯลฯ กระทั่งกล่องบริจาคตามห้าง เงินทองล้นหลาม แต่ไม่รู้ทำไมเมืองไทยเมืองพุทธจึงกลายเป็นประเทศเหลื่อมล้ำอันดับต้นๆ
สังคมไทยไม่ได้ดัดจริต เราสอนลูกหลานให้เป็นคนดี มีศีลธรรม ซื่อสัตย์ กตัญญู แต่ไม่รู้ทำไมมีปัญหาคอร์รัปชั่น ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม เต็มไปหมด
ใช่หรือไม่ว่าความดีที่สอนกันในสังคมไทย คือความดีเฉพาะตัว บวกกับ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ทำตัวเองให้ดีๆ อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นที่จะเป็นภัย วันพระใหญ่ก็ไปทำบุญ วันพ่อวันแม่ก็พาพ่อแม่ไปกินข้าว วันปีใหม่ก็สวดมนต์ข้ามปี แต่ถ้าเห็นอะไรที่ไม่ดี ไม่เป็นธรรม อย่าผลีผลาม ต้องคิดหน้าคิดหลัง อย่างเก่งก็ตามไปเมนต์ในเฟซบุ๊กหรือลงชื่อใน Change.org (บางเรื่องบางกรณีแค่ลงชื่อก็โดนเพ่งเล็งด้วยซ้ำ)
ความดีในสังคมไทย แยกออกจากความยุติธรรม การทวงสิทธิทวงความเป็นธรรมในสังคม ยกเว้นจะเป็นเรื่องที่ตัวเองเดือดร้อนโดยตรง พูดอีกอย่างคือความดีในสังคมไทย ที่ปวารณากันทุกวันนี้ เป็นความดีที่มาพร้อมกับความกลัว ต้องทำตัวดีๆ เพราะกลัวผู้มีอำนาจ แต่ถ้าเป็นความดีที่มาพร้อมกับการสรรเสริญอำนาจ ก็ทำไปเถอะ ทำดีแบบนี้ไม่มีขาดทุน
คนไทยจึงสนใจความดีแบบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ไม่สนใจแก้ความเหลื่อมล้ำเชิงระบบ เช่น ป้องกันการผูกขาด สวัสดิการสังคม กระจายอำนาจ ภาษีทรัพย์สิน ฯลฯ ตลกร้ายคือพอจะมีมาตรการ คนส่วนใหญ่ก็สนใจแต่ว่ากระทบตัวเองหรือไม่ เช่น ภาษีที่ดิน พอบอกจะเก็บบ้าน 50 ล้านขึ้นไป คนมีบ้าน 2-3 ล้านก็ดีใจ ไม่ยักสนใจทำไมคนมีบ้าน 20-30 ล้านไม่เสียภาษี ทั้งที่ไม่เป็นธรรม
เช่นเดียวกันที่คนส่วนใหญ่เข้าวัด แต่เพิกเฉยต่ออำนาจไม่ยุติธรรม เว้นเสียแต่ถูกกระตุ้นความเกลียดชัง ด้วยศีลธรรมอนุรักษนิยม แต่อันที่จริง จะโทษคนไทยขี้ขลาดก็ไม่ถูกนัก เพราะประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่เสรีไทย 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 หรือวิถีคนกล้าตามชุมชนต่างๆ ที่ลุกขึ้นมาคัดค้าน ปกป้องสิทธิ มักลงเอยด้วย “ตายฟรี” คนไทยจึงต้องสอนลูกสอนหลานว่าอย่าอยากเป็นวีรชน รักษาชีวิตไว้เป็นลูกกตัญญูดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่าดีกว่า
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ คนไทยก็ไม่สามารถตั้งความหวังอะไรมาก นอกจากหวังความปรานี ทำตนเป็นคนดี รู้รักษาตัวรอด ในสังคมที่เหลื่อมล้ำและไม่ยุติธรรม พร้อมกับสอนลูกหลานให้เป็นคนดีสืบต่อไป
 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar