måndag 19 januari 2015

ขอไว้อาลัยกับการจากไปของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก "ฉายาวีรบุรุษมัฆวานฯ" เรื่อง การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกหนีพ้น แต่เรื่องที่ไม่ธรรมดาที่อนุชนรุ่นหลังควรรับรู้คือพล.อ. อาทิตย์ เป็น อดีต ผบ.ทบ.คนแรกและคนเดียวที่ถูกปลดแบบสายฟ้าแลบ สมัยอดีตนายกฯเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯผู้มากบารมี"ฉายานักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา"ซึ่งปัจจุบันคือคนเดียวกับพระองค์เปรมประธานองคมนตรี "ผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ" ผู้ทำหน้าที่ใช้อำนาจสั่งการแทนพระองค์ ...อีกเรื่องความจริงที่ทุกคนควรทราบคือทั้ง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่างก็เป็นข้าทาสรับใช้สถาบันทั้งสองคน..นี่คือเรื่องราวที่มาของวงจรอุบาทว์ของระบอบเผด็จการที่ส่งต่อกันมาเป็นทอดๆรุ่นแล้วรุ่นเล่าครอบครองประเทศไทยมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน...





รวมข่าว "อาทิตย์ กำลังเอก" ถึงแก่อนิจกรรม

"บิ๊กซัน" พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ที่รพ.พระมงกุฎฯ เช้านี้

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421632524

ญาติรับศพ "บิ๊กซัน" พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ที่รพ.พระมงกุฎฯ จ่อเคลื่อนไปวัดเบญฯพรุ่งนี้

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421641613

ลูกชายพล.อ.อาทิตย์เผยยึดพ่อเป็นแบบอย่าง ยึดมั่นคุณธรรม จงรักภักดี

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421647456



รวมข่าว "อาทิตย์ กำลังเอก" ถึงแก่อนิจกรรม


-"บิ๊กซัน" พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ที่รพ.พระมงกุฎฯ เช้านี้
-ญาติรับศพ "บิ๊กซัน" พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ที่รพ.พระมงกุฎฯ จ่อเคลื่อนไปวัดเบญฯพรุ่งนี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421641613
-ลูกชายพล.อ.อาทิตย์เผยยึดพ่อเป็นแบบอย่าง ยึดมั่นคุณธรรม จงรักภักดี
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421647456


พล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก ผลงานสำคัญ กับฉายาวีรบุรุษมัฆวานฯ

เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คนรู้จักและยกย่อง พล.อ. อาทิตย์ ก็คือเหตุการณ์นิสิตนักศึกษาประท้วงรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อปี พ.ศ. 2500 เพราะไม่พอใจผลการเลือกตั้ง ครั้งนั้นรัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และตรึงกำลังทหาร-ตำรวจล้อมเส้นทางสู่ทำเนียบฯ โดยเฉพาะที่สะพานมัฆวาน นอกจากนี้ยังมีการนำรถถังมาตั้งป้อมเตรียมยิง จนเป็นที่คาดกันว่าหากนักศึกษาฝ่าเข้าไปจะต้องเกิดการปะทะกันจนได้รับบาดเจ็บเป็นแน่



รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผบ.ทบ. ผบ.สส. และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเลย ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ เนื่องจากหัวใจล้มเหลวเมื่อเวลา 06.20 น. ที่ผ่านมา ที่ รพ.พระมงกุฎฯ พล.อ.อาทิตย์ สำเร็จชั้นประถมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนพรหมวิทยามูล เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน) เลขประจำตัว 3827 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยม 6 ในปี พ.ศ. 2484 และ โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร เข้าศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารบก รุ่นที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2487 - 2491 รุ่นเดียวกับ พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์, พล.อ.บรรจบ บุนนาค และพลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ พล.อ.อาทิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2525 สืบต่อจาก พล.อ.ประยุทธ จารุมณี ที่เกษียณอายุราชการ จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2526 สืบต่อจาก พล.อ.สายหยุด เกิดผล โดยดำรงตำแหน่งทั้งสองควบคู่กัน ขณะนั้นตรงกับรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังโดย นายสมหมาย ฮุนตระกูล ได้มีการลดค่าเงินบาท เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2527 ถึง 14.8% จาก 23 บาท เป็น 27 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ พลเอกอาทิตย์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความบาดหมาง และนำมาซึ่งการไม่ต่ออายุราชการ ของ พล.อ.อาทิตย์ และการปลด พล.อ.อาทิตย์ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อย่างกะทันหันเมื่อ วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 และแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งแทน หลังจากเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาทิตย์ ได้เข้ามาเล่นการเมือง โดยได้ก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่ ก็ถูกจี้จับตัวโดยคณะ รสช. นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร ขณะกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้า ถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พรรคปวงชนชาวไทยของ พล.อ.อาทิตย์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคชาติพัฒนา โดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค ชีวิตส่วนตัว พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก มีชื่อที่เรียกเล่น ๆ โดยสื่อมวลชนว่า "บิ๊กซัน" เป็นบุตรของ ร้อยตรี พิณ และนางสาคร กำลังเอก ชีวิตครอบครัวสมรสกับ ท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก (3 กุมภาพันธ์ 2474 - 11 มีนาคม 2526) -


.........................................................
กองทัพรับใช้พระราชา..ทหารกับอำนาจ.จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
เรื่องราว พระองค์เปรมผู้มากบารมี...เสือเฒ่าเจ้าของ " ฉายานักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา"ที่ไม่ได้มาง่าย


พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกิด 26 สิงหาคม 2463
ในตระกูลขุนนางระดับกลางที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา พ่อเป็นคุณหลวง เติบโตมาในท่ามกลางระบบวินัย เรียนที่มหาวชิราวุธ สงขลา แล้วมาจบสวนกุหลาบ จากนั้นก็เข้าโรงเรียนทหารบก
ฉะนั้น ตลอดชีวิตของท่านผู้นี้จึงชอบความมีวินัย การปฎิบัติตามคำสั่ง รักเกียรติยศ ไม่สนใจกับความเท่าเทียมกันของผู้คน หรือประชาธิปไตย แต่ชอบระบบชนชั้น และเผด็จการ เพราะสังคมรอบข้างหล่อหลอมท่านมาเช่นนั้น

เปรมไม่ใช่นักรบที่เก่งกล้าอะไร เขาเคยร่วมรบในสงครามอินโดจีนที่ฝรั่งเศสกำลังหมดแรงจากโดนเยอรมนีขยี้แพ้ในยุโรป ไทยจึงรุกรบต่อได้ไม่ยากเย็นนัก ไปราชการทหารที่เชียงตุง ก็ยึดเมืองได้สองสามปี ก่อนกองทัพของเขาจะหนีทัพจีนกลับเข้าไทย ผลงานสงครามพอใช้ แต่ไม่เด่น เขาไม่ใช่คนมุทะลุ ไม่ใช่นักวางแผนสิบชั้น แต่เป็นคนทำงานประจำวันได้ดี  เขาเป็นคนพูดน้อย ไม่บุ่มบ่าม ถือคติช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เป็นนายกมาแปดปี จากปี 2523-2531 ประเทศไทยไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา พลเอกเปรมมีประสบการณ์งานต่างประเทศ ไปเรียนที่โรงเรียนทหารฟอร์ตน็อกซ์ เคนตักกี้ ในสหรัฐ เคยเป็นทูตทหารถ้าจำไม่ผิดในเยอรมนีแต่เป็นคน low profile เพราะบุคลิกไม่โฉ่งฉ่างดังกล่าวแล้ว  มาเล่นการเมือง เป็นสมาชิกสภาในยุคเผด็จการแต่งตั้งทั้งจอมพลสฤษฎิ์ จอมพลถนอม เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยยุคพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายก และจำไม่ผิดตอนนั้นควบผบ ทบ ด้วย จะเห็นว่าตลอดชีวิตก็วนเวียนกับระบบทหาร ขุนนาง เผด็จการ ไม่กล้าลง สส ให้ประชาชนวัดความนิยมในตัวเอง จนเมื่อ จปร 7 แตกกับพลเอกเกรียงศักดิ์ พลเอกเปรม กลายเป็นที่พึ่งของ จปร 7 หรือกลุ่มยังเติร์กในยุคนั้น



เปรม หักหลังเกรียงศักดิ์ และก้าวขึ้นเป็นนายกเอง หลังเกรียงศักดิ์ นายกเขียวหวานบรั่นดี ถูกบังคับให้ลาออกเป็นนายกไม่ทันถึงปี จปร 7 ขออะไรเปรม ไม่ค่อยจะได้ เลยร่วมกับ รองผบ ทบ สัณห์ จิตรปฎิมา ที่ชวดหวังเป็น ผบ หลังเปรมต่ออายุ ผบ ทบ ของตนเอง ร่วมกันทำรัฐประหารเปรม แต่ไม่สำเร็จเกิดเป็นกรณีกบฎเมษาฮาวายขึ้นมา   ทั้งที่กลุ่มยังเติร์กและกบฎคุมกำลังส่วนมากได้ มีกำลังพลถึง 42 กองพัน ยึดสถานีโทรทัศน์ และวิทยุใน กทม ได้ทั้งหมด แต่เปรมมีพลเอกอาทิตย์ รองแม่ทัพภาคสามช่วย และนำในหลวงตามเสด็จ ทำให้ประชาชนหันมาสนับสนุนเปรม


กองทัพเริ่มแปรพักตร์มาช่วยจนปราบยังเติร์กสำเร็จเปรมเป็นนายกจัดการยังเติร์กได้ใช้พลเอกอาทิตย์ ค้ำบัลลังก์ ในสภา ประมาณ อดิเรกสาร และพรรคชาติไทยจะอภิปรายเขา อาทิตย์ก็บอกให้หยุดเพราะบ้านเมืองต้องการความสงบ นำรถยีเอ็มซีมาวิ่งขู่พรรคชาติไทย จนต้องไปอภิปรายเปรมกันเองที่โรงแรมดุสิตธานี ต่อมาพลเอกอาทิตย์ คิดทาบรัศมีขอต่ออายุผบ ทบ ตนเองบ้าง
เปรมกลัวอาทิตย์ชิงดี ไม่ยอม ทำให้สัมพันธ์เปรม อาทิตย์ แตก ถึงขั้น
เมื่อลดค่าเงินบาท อาทิตย์ร่วมกับ ดร วิษณุ เครืองาม ออกมาขู่เปรม
เปรมทนไม่ได้ สั่งปลดอาทิตย์ จากผบ ทบ เหลือ ผบ สส ตำแหน่งเดียว
และพลเอก จุไท แสงทวีป รองผบ ทบ ลูกน้องคู่ใจอาทิตย์ในฐานะคู่ยกโดนด้วย เด้งลงไปเป็น จเรทหาร โดยอาศัยกำลังของพลโทชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ช่วย ผบ ทบ ในยุคนั้น
และจปร 1 มีวันชัย เรืองตระกูล สมพงษ์ คงสมพงษ์หนุนสู้กลุ่มทหารอาทิตย์

เมื่อดับอาทิตย์ได้
ก็ใช้จิ๋วพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต่อพลังตนเองไปจนประชาชนทนเปรมไม่ได้ นักศึกษาสติไม่ดีถึงกับขนาดซัดหน้าเปรมหงายบนถนน (ต่อมานักศึกษารามคนนี้ตายในคุกอ้างว่าผูกคอตายเอง)
เมื่อประชาชนไม่รับ เขายอมลงจากตำแหน่ง และพลเอกชาติชาย จับขึ้นหิ้ง ทูลเกล้าในหลวงตั้งเป็นรัฐบุรุษเมื่อเดือนสิงหาคม 2531  ทุกคนคิดว่า เปรม จบแล้วทางการเมือง แต่ทหารแก่ไม่เคยตายคนนี้ กลับอยู่หลังฉาก ปี 41 ได้ขึ้นเป็นประธานองคมนตรีแทนนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ถึงแก่อนิจกรรม
พลเอกเปรม เดิมเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาก ถึงขนาดในหลวงเคยมอบดอกบัวให้ตอนเดินรักษาพระวรกายที่กำลังฟื้นตัว แสดงถึงสัญลักษณ์ของความภักดี  เคยมีรับสั่งให้สุจินดา กับจำลอง ที่ขัดแย้งกันตอนพฤษภาทมิฬ 35 ให้มีพลเอกเปรมเป็นผู้ใหญ่ที่จะประสานเรื่องให้จบลงโดยดี
แต่การไว้วางพระราชหฤทัยอย่างมาก  ทำให้พลเอกเปรม กล้าทำในสิ่งที่กระทบสถาบันมาตลอด และกลายเป็นสถาบันที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียหายในเวลาต่อมา
ทั้งเรื่องการสั่งการศาลในกรณีกำจัด กกต ชุดวาสนา เพิ่มลาภ การนำคณะรัฐประหารเข้าเฝ้าเร่งด่วนในกรณีเหตุการณ์คืนวันที่ 19 กันยายน 2549 การอ้างอิงสถาบันมาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนในวาระต่างๆ
(ทหารเหมือนม้า จ๊อคกี้บางคนก็ไม่ดี คือ รัฐบาลบางรัฐบาลก็ชั่ว แต่ทหารเป็นทหารของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ของจ๊อคกี้)
การใช้ตำแหน่งเข้ามายุ่งการเมือง อาทิ ประเทศไทยโชคดีที่มีคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายก
คุณสุรยุทธ์ เปรียบเหมือนเชอร์ชิลล์ของไทย ประเทศทะเลาะกันมานานแล้ว ควรจะเลิกกันได้ คนเหนือกะอีสานไม่ใช่คนดื้อ ควรจะเปลี่ยนได้แล้วให้มาเหมือนคนใต้ จิ๋วต้องคิดให้รอบคอบหากมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะจะกลายเป็นคนทรยศชาติ บ้านเมืองไทยมีพระสยามเทวาธิราช
คนทำไม่ดีไม่มีแผ่นดินจะอยู่ กระทบคุณทักษิณ ชินวัตรมาตลอดด้วยความริษยา การวมกลุ่มอำมาตยาชนเพื่อสู้กับโลกาภิวัตน์ที่กำลังทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ เป็นต้น
มีคนจำนวนมากเชื่อว่าพลเอกเปรม เป็นคนฮอร์โมนเพศผิดปกติ ไม่แต่งงานจนเลยวัยทองจนหง่อมชอบคุยกับผู้ชายหน้าตาดีๆ และมีอวัยวะไม่ครบชาย 32 ประการ แต่นั่นแหล่ะ เรื่องจริงยากจะพิสูจน์
แต่นิสัยความคิดของท่าน ช่างละม้ายคล้ายข่าวลือ คือ ตุ๊ดมักเป็นคนช่างคิดช่างแค้น ท่านเปรมก้เป็นคนเช่นนั้น แค้นใครแค้นไม่เลิกจนกลายเป็นพยาบาท   มีคนขอให้ท่านเลิกเล่นงานทักษิณ
แต่ท่านบอกกับพลเอกมงคล อัมพรพิศิษบ์ ชื่อเล่นว่า หมง ว่า หมง จะเลือกทักษิณหรือชาติ
เมื่อชวลิตจะมาคุยการเมือง ท่านก็บอกว่า เพื่อนจะมาพบก็ได้ แต่ไม่ให้คุยการเมือง เป็นการปิดทางประนอมกับท่านทักษิณทุกอย่าง เกลียดท่านสมัคร ก็หาเรื่องเล่นงานท่านสมัครจนพ้นรายการทีวี ที่ทำคู่กับคุณดุสิต ศิริวรรณ เล่นงานท่านสมัครผ่านศาล รธน เพราะเรื่องทำกับข้าวออกทีวี หยุมหยิมจนพ้นตำแหน่งนายก นี่คือ ตัวตนของพลเอกเปรม ที่คนเขาลือว่านิสัยคล้ายบัณเฑาะ ไม่ใช่บุรุษ
แต่เปรม ไม่ใช่จะไร้จุดอ่อน ความแค้นความพยาบาททำให้พลเอกเปรมขาดการมองโลกจากความเป็นจริง  เกลียดลาว ถึงขนาดปิดพรมแดน ห้ามลาวขนส่งสินค้าผ่านไทย จนที่สุด รบกันที่ร่มเกล้า เปรมคิดว่าไทยใหญ่กว่าจะชนะหมูๆ ผลคือ ตรุษจีนปี 2531 ทหารไทยกว่า 400 คนตายและบาดเจ็บในสมรภูมิครั้งนี้ เพราะเปรม ใช้นโยบายทหารเหนือการทูต
ทำให้เปรม เข็ดขี้แตกลาวไปนาน


ดูถูกทักษิณที่แก้ปัญหาโจรใต้  พอให้สุรยุทธ์ หรือมาร์กมาทำตามแผนตน สถานการณ์ทรุดหนัก
เหตุรุนแรงมีตัวเลขมาแสดงว่าหนักที่สุดยุคสุรยุทธ์ มาร์ก  เบาที่สุดยุคสมัคร-สมชาย ทั้งหมดเพราะท่านชอบคิดไปเอง  กุนซือใกล้ตัวท่านก็ล้วนแต่คนพะเน้าพะนอไม่ใช่คนวิเคราะห์อะไรเก่ง
ประเมินคนเสื้อแดงต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ยิ่งปราบ แดงยิ่งมาก แทนที่จะสมานฉันท์ โดยยอมถอยทุกฝ่าย คืนเงินให้ทักษิณตามความเป็นธรรม เลิกให้ทหารยุ่งการเมือง เลือกตั้งเสรี อย่าแทรกแซงองค์กรอิสระ และอย่าใช้ศาลมายุ่งการเมือง บ้านเมืองเดินหน้าตามครรลองคลองธรรม
แต่พลเอกชราวัย 89 ชอบสั่งการ ผลคือ ไม่มีความสมานฉันท์ ประเทศแตกเป็นกลุ่มทหารอำมาตย์กับประชาชน ส่วน***** ไม่มีสถานะเพราะเป็นแค่นักรบรับจ้าง หมดเงินก็หมดคน



การจะชนะเปรม ต้องสู้แบบลาว คือ สู้ถึงที่สุด สู้นานๆ เปรมจะยอม
หรือแบบ พคท ที่จับอาวุธสู้ ทหารเอาไม่ลง เปรมก็จะยอมนิรโทษกรรม พคท ทุกคน
แต่ครั้งนี้ ต้องคิดไปข้างหน้าหนึ่งชั้น ต้องไม่ให้เปรมกำหนดเกมส์
แต่เราเลือกเกมส์ให้เขาเดินตามเรา และต้องกำหนดเงื่อนไขให้พลเอกเปรมรับ คือ
ยอมออกนอกประเทศดีๆ หรือรับโทษประหารเยี่ยงขุนพล ไม่ใช่รับการอภัยโทษจากเขา
การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
สู้เพื่อประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ตัดทหารจากวงจรการเมืองชั่วนิจนิรันดร์
หรือไม่ก็เป็นทาสเผด็จการต่อไป

เพื่อรวมพลสู้ต่อไป ต้องฉีกหน้ากาก เรื่องความเห่อเหิมอยากเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ความไม่จงรักภักดีของมันออกตีแผ่ต่อไป   พลเอกเปรมไม่ใช่อัจฉริยะ อย่าไปกลัวหลุมพรางอะไร ...

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar