ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยแบใหม่ ( NeoAbsoluteMonarchy )
เทวาหรือซานตาน...ก็ไม่ต่างกัน..เหนือมนุษย์มนา..เหนือดินฟ้าได้เยี่ยงไร?
เมื่อกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศที่ทำตัวไม่เหมาะสม ก็เป็นหน้าที่ของคนไทย ทุกคนภายในประเทศ ที่จะช่วยกันจัดการโค่นล้มระบอบกษัตริย์ลง เพราะแผ่นดินทั้งหมดเป็นของราษฎรไทยทุกคนไม่ใช่ของกษัตริย์ จะมาชุปมือเปิบ ผูกขาดอำนาจสั่งการและเป็นเจ้าของประเทศนี้คนเดียวไม่ได้ ในประเทศอื่นในเอเซีย เช่นลาว เวียตนาม อินเดีย เนปาล พม่า จีน และ ประเทศอื่นๆที่ไม่มีกษัตริย์ประเทศเขาก็อยู่ได้ อย่างสงบสุข สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองได้ ไม่จำเป็นต้องมีกษัตริย์ฆาตกรกระหายเลือดไว้
สำหรับสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน เหมือนอย่างในประเทศไทย ไม่ต้องรอองค์อินทร์จากฟ้าหรือเทวดาองค์ใด มาสั่งปลดกษัตริย์ออกจากตำแหน่ง มีแต่ประชาชนไทยทั้งประเทศเท่านั้นพร้อมใจกันปฎิเสธไม่ยอมรับไม่ต้องการระบอบราชาธิปไตย กษัตริย์ก็อยู่ไม่ได้ .
บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอียิปต์และ เอธิโอเปีย......
สำหรับผู้ที่เรียกร้องให้ทหารออกมาทำการยึดอำนาจ เหมือนในประเทศอียิปต์......
อีกหนึ่งตัวอย่างให้ย้อนมองไปดูการเปลี่ยนแปลงในประเทศ เอธิโอเปีย สมัยที่กษัตริย์ Haile Selassie ถูกโค่นล้มลงในวันที่ ๒๗ สค. ๒๕๑๘ โดย พันเอก Mengistu Haile Mariam จักรพรรดิ ไฮลีเซลาสซี่ ปกครองประเทศเอธิโอเปียโดยระบอบเผด็จการโดยปล่อยให้ ประชาชนอดอยากทุกข์ยาก เดือดร้อนไปทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันจักรพรรดิมีชีวิตอยู่อย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา คตโกงประเทศชาติและลักลอบเอาเงินของชาติไปฝากไว้ที่ธนาคารต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล แม้แต่หมาของจักรพรรดิต้องกินอาหารจากจานทองคำเท่านั้น
หมายเหตุ-" บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอียิปต์และ เอธิโอเปีย"..ฝากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.และทหารไทยทุกเหล่าทัพโดยเฉพาะ ได้อ่านและศึกษา ในโลกนี้ไม่มีใครช่วยพวกท่านได้นอกจากทุกคนต้องช่วยตัวเอง ..ด้วยความปราถนาดี.....
เทวาหรือซานตาน...ก็ไม่ต่างกัน..เหนือมนุษย์มนา..เหนือดินฟ้าได้เยี่ยงไร?
โดย แสงตะวัน
๗ เม.ย.๕๘
ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยแบบใหม่ ( NeoAbsoluteMonarchy ) เรารู้แจ้งเห็นจริงว่าจอมโจรฆาตกรที่แท้จริง สั่งขัดขวางทำลายระบอบประชาธิปไตยมาตลอดเวลา โดยอยู่เบื้องหลังสั่งให้ทหารยึดอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่าทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและทำร้ายเข่นฆ่าประชาชนมาโดยตลอดนั้นคือ "กษัตริย์ในคราบนักบุญ" ที่เป็นเจ้าของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยใช้ปกครองประเทศไทยมาเป็นเวลา ๖๙ ปี (๒๔๘๙-๒๕๕๘)
วันนี้กษัตริย์ไม่สามารถอำพรางทำตัวเป็นสมมุติเทพเทวดาหลอกประชาชนไทยได้อีกต่อไปแล้ว เพราะหัวโขนรูปชฎาที่ครอบหน้าไว้ได้ถูกถอดออกให้ประชาชนไทยทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกได้เห็นรับรู้ความจริง โดยเฉพาะครั้งล่าสุดจากการกระทำอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อ๒๒ พ.ค.๕๗ ที่ให้ทหารยึดอำนาจรัฐจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และวันนี้คนไทยรู้ความจริงว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการให้ทหารฆ่าประชาชนที่มาชุมนุมมือเปล่าเมื่อปี๒๕๕๓ อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต๙๙ ศพที่นับได้ และบาดเจ็บเป็นจำนวนหลายพัน หายสาบสูญไปเป็นศพไม่มีญาติอีกนับไม่ถ้วน มันคือผลงานจากใบสั่งของกษัตริย์ผู้เป็นเจ้าของระบอบราชาธิปไตยแบบใหม่นั่นเอง
ดังนั้นกษัตริย์จึงไม่ใช่เทวดาฟ้าดินที่ไหน แค่เป็น "เทวดาในร่างคน...เข่นฆ่าคนดั่งซาตาน " นับเป็นการกระทำของคนธรรมดาที่เป็นฆาตกรโดยสันดาน เริ่มจากเรื่องราวในอดีตฆ่าพี่ชายแท้ๆของตนเอง ที่มาของคำว่า
"๙มิถุนา ๙ฆ่า๘" น้องฆ่าพี่ขึ้นนั่งบัลลังก์ เป็นกษัตริย์รัชกาลที่๙ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง ๑๘ ปี ก่อนหน้านั้นเขายังเป็นเพียงเด็กชายเล็กที่วิ่งตามพี่ชายคือ กษัตริย์อานันทมหิดลในเวลานั้น จากเด็กชายเล็กเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ที่มีแม่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาที่"ทะเยอทะยานกระหายอำนาจ" อยากให้ลูกชายทั้งสองคนได้เป็นกษัตริย์ โดยสอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัวทรยศคตโกงต่อประเทศชาติ อาศัยฐานะการเป็นกษัตริย์ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ยึดครองผูกขาดรวมศูนย์อำนาจทั้งหมดไว้ในมือคนเดียว ทั้งการเมือง การเศรษฐกิจ การทหาร ทางศาลทั้งระบบมาเป็นอำนาจภายใต้คำสั่งของกษัตริย์ สำหรับใช้จัดการกับฝ่ายศัตรู กษัตริย์จึงมัวเมาเหลิงอำนาจ เป็นเหลือบศักดินากาฝากสังคม ทำนาบนหลังคน เสพสุข และร่ำรวยมหาศาลกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ฉนั้นจึงไม่ใช่สมมุติเทพเทวดาฟ้าดินมาจากไหนหากเป็นเด็กมาจากครอบครัวที่แม่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาเท่านั้นเอง
ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยแบบใหม่ ( NeoAbsoluteMonarchy ) เรารู้แจ้งเห็นจริงว่าจอมโจรฆาตกรที่แท้จริง สั่งขัดขวางทำลายระบอบประชาธิปไตยมาตลอดเวลา โดยอยู่เบื้องหลังสั่งให้ทหารยึดอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่าทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและทำร้ายเข่นฆ่าประชาชนมาโดยตลอดนั้นคือ "กษัตริย์ในคราบนักบุญ" ที่เป็นเจ้าของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยใช้ปกครองประเทศไทยมาเป็นเวลา ๖๙ ปี (๒๔๘๙-๒๕๕๘)
วันนี้กษัตริย์ไม่สามารถอำพรางทำตัวเป็นสมมุติเทพเทวดาหลอกประชาชนไทยได้อีกต่อไปแล้ว เพราะหัวโขนรูปชฎาที่ครอบหน้าไว้ได้ถูกถอดออกให้ประชาชนไทยทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกได้เห็นรับรู้ความจริง โดยเฉพาะครั้งล่าสุดจากการกระทำอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อ๒๒ พ.ค.๕๗ ที่ให้ทหารยึดอำนาจรัฐจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และวันนี้คนไทยรู้ความจริงว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการให้ทหารฆ่าประชาชนที่มาชุมนุมมือเปล่าเมื่อปี๒๕๕๓ อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต๙๙ ศพที่นับได้ และบาดเจ็บเป็นจำนวนหลายพัน หายสาบสูญไปเป็นศพไม่มีญาติอีกนับไม่ถ้วน มันคือผลงานจากใบสั่งของกษัตริย์ผู้เป็นเจ้าของระบอบราชาธิปไตยแบบใหม่นั่นเอง
ดังนั้นกษัตริย์จึงไม่ใช่เทวดาฟ้าดินที่ไหน แค่เป็น "เทวดาในร่างคน...เข่นฆ่าคนดั่งซาตาน " นับเป็นการกระทำของคนธรรมดาที่เป็นฆาตกรโดยสันดาน เริ่มจากเรื่องราวในอดีตฆ่าพี่ชายแท้ๆของตนเอง ที่มาของคำว่า
"๙มิถุนา ๙ฆ่า๘" น้องฆ่าพี่ขึ้นนั่งบัลลังก์ เป็นกษัตริย์รัชกาลที่๙ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง ๑๘ ปี ก่อนหน้านั้นเขายังเป็นเพียงเด็กชายเล็กที่วิ่งตามพี่ชายคือ กษัตริย์อานันทมหิดลในเวลานั้น จากเด็กชายเล็กเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ที่มีแม่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาที่"ทะเยอทะยานกระหายอำนาจ" อยากให้ลูกชายทั้งสองคนได้เป็นกษัตริย์ โดยสอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัวทรยศคตโกงต่อประเทศชาติ อาศัยฐานะการเป็นกษัตริย์ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ยึดครองผูกขาดรวมศูนย์อำนาจทั้งหมดไว้ในมือคนเดียว ทั้งการเมือง การเศรษฐกิจ การทหาร ทางศาลทั้งระบบมาเป็นอำนาจภายใต้คำสั่งของกษัตริย์ สำหรับใช้จัดการกับฝ่ายศัตรู กษัตริย์จึงมัวเมาเหลิงอำนาจ เป็นเหลือบศักดินากาฝากสังคม ทำนาบนหลังคน เสพสุข และร่ำรวยมหาศาลกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ฉนั้นจึงไม่ใช่สมมุติเทพเทวดาฟ้าดินมาจากไหนหากเป็นเด็กมาจากครอบครัวที่แม่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาเท่านั้นเอง
เมื่อกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศที่ทำตัวไม่เหมาะสม ก็เป็นหน้าที่ของคนไทย ทุกคนภายในประเทศ ที่จะช่วยกันจัดการโค่นล้มระบอบกษัตริย์ลง เพราะแผ่นดินทั้งหมดเป็นของราษฎรไทยทุกคนไม่ใช่ของกษัตริย์ จะมาชุปมือเปิบ ผูกขาดอำนาจสั่งการและเป็นเจ้าของประเทศนี้คนเดียวไม่ได้ ในประเทศอื่นในเอเซีย เช่นลาว เวียตนาม อินเดีย เนปาล พม่า จีน และ ประเทศอื่นๆที่ไม่มีกษัตริย์ประเทศเขาก็อยู่ได้ อย่างสงบสุข สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองได้ ไม่จำเป็นต้องมีกษัตริย์ฆาตกรกระหายเลือดไว้
สำหรับสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน เหมือนอย่างในประเทศไทย ไม่ต้องรอองค์อินทร์จากฟ้าหรือเทวดาองค์ใด มาสั่งปลดกษัตริย์ออกจากตำแหน่ง มีแต่ประชาชนไทยทั้งประเทศเท่านั้นพร้อมใจกันปฎิเสธไม่ยอมรับไม่ต้องการระบอบราชาธิปไตย กษัตริย์ก็อยู่ไม่ได้ .
บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอียิปต์และ เอธิโอเปีย......
โดย แสงตะวัน
6 juli 2013
สำหรับผู้ที่เรียกร้องให้ทหารออกมาทำการยึดอำนาจ เหมือนในประเทศอียิปต์......
ถ้า จะเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอียิปต์ก็ต้องมองย้อนหลังไปเมื่อสมัย กษัตริย์ฟารุกยังมีอำนาจปกครองประเทศอียิปต์อยู่ คือก่อนปี พ.ศ ๒๔๙๕ หรือ ปี ค.ศ. 1952 ซึ่งสภาพการณ์การปกครองของไทยในเวลานี้ก็เหมือนกับประเทศอียิปต์ในเวลานั้น ที่กษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ หรือเรียกว่าประเทศปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการกษัตริย์ โดยใช้อำนาจ กดขี่ข่มเหง ขูดรีดประชาชน ทรยศคตโกงประเทศชาติ ทำตัวเหลวแหลก ทำตัวเป็นเพล์บอย มีเมีย มากมาย จนประชาชนทนไม่ได้ในที่สุด ก็ถูกคณะทหารนำโดย พันเอก Gamal Abdel Nasser และ Muhammad Naquip โค่นลง เมื่อวันที่ ๒๖ เดือน กรกฎาคม พศ. ๒๔๙๕ แล้วกษัตริย์ฟารุค ก็ถูกเนรเทศออกไปจากประเทศอียิปต์ ระบอบกษัตริย์ของอียิปต์ก็สิ้นสุดลง อียิปต์ได้เปลี่ยนมาเป็นระบอบสาธารณรัฐจนถึงเวลาปัจจุบัน โดย พันเอก นัสเซอร์ได้เป็นประธานาธิบดีปกครองประเทศอียิปต์มาจนตายและมีการปกครองโดย ระบอบสาธารณรัฐมาจนถึงปัจจุบัน
อีกหนึ่งตัวอย่างให้ย้อนมองไปดูการเปลี่ยนแปลงในประเทศ เอธิโอเปีย สมัยที่กษัตริย์ Haile Selassie ถูกโค่นล้มลงในวันที่ ๒๗ สค. ๒๕๑๘ โดย พันเอก Mengistu Haile Mariam จักรพรรดิ ไฮลีเซลาสซี่ ปกครองประเทศเอธิโอเปียโดยระบอบเผด็จการโดยปล่อยให้ ประชาชนอดอยากทุกข์ยาก เดือดร้อนไปทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันจักรพรรดิมีชีวิตอยู่อย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา คตโกงประเทศชาติและลักลอบเอาเงินของชาติไปฝากไว้ที่ธนาคารต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล แม้แต่หมาของจักรพรรดิต้องกินอาหารจากจานทองคำเท่านั้น
ในเมื่อประชาชนเอธิโอเปียยากจนอดอยากไม่มีจะกิน ได้รับความเดือดร้อนหนักเข้าทนความอดอยากแร้นแค้นไม่ไหว
พัน เอก Mengistu Haile Mariam ก็ได้โค่นล้มจักรพรรดิ ไฮลี เซลาสซี่ลง แล้วเปลี่ยนการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นระบอบ สาธารณรัฐ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ฉะนั้น ประเทศไทย ถ้าพวกทหารต้องการทำการยึดอำนาจ ก็ควรได้ศึกษาหรือค้นคว้า จากประวัติศาสตร์ของประเทศอียิปต์เพราะสภาพการณ์ของระบอบการปกครองของไทยใน เวลานี้ก็ไม่ต่างไปจากในประเทศอียิปต์ในอดีตสมัยกษัตริย์ฟารุค....
ดัง นั้นพวกที่โหยหากระสันอยากจะให้ทหารออกมายึดอำนาจในประเทศไทยก็ควรได้ศึกษา ประวัติศาสตร์จากประเทศอียิปต์และ เอธิโอเปียนั้นเสียก่อน ถ้าท่านต้องการให้ประเทศไทยไม่มีกษัตริย์ และเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย เหมือนกับสองประเทศที่ยกตัวอย่างมา ก็เชิญยึดอำนาจได้เลย .....
หมายเหตุ-" บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอียิปต์และ เอธิโอเปีย"..ฝากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.และทหารไทยทุกเหล่าทัพโดยเฉพาะ ได้อ่านและศึกษา ในโลกนี้ไม่มีใครช่วยพวกท่านได้นอกจากทุกคนต้องช่วยตัวเอง ..ด้วยความปราถนาดี.....
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar