söndag 24 maj 2015

ข้อคิดมุมมอง Somsak Jeamteerasakul กรณี " คลิปสัมภาษณ์ทักษิณที่เกาหลี" .ฝากบทความนี้ให้อ่านพิจารณากัน โดยเปิดใจให้กว้างอ่านอย่างมีสติอย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล อ่านทบทวนหลายๆครั้ง คิดแยกแยะค้นหาความจริงแล้วจะเกิดปัญญา บางครั้งในการต่อสู้เราต้องทบทวนยอมรับกับความเป็นจริงสิ่งตอกย้ำที่ทำให้เจ็บปวดบ้าง เพื่อการเปลี่ยนแปลงยกระดับตัวเองให้ก้าวตามให้ทันกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปตามวิกฤติแห่งกาลเวลาความเป็นจริงของสถานการณ์บ้านเมืองซึ่งนับวันสับสนวุ่นวายเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความปรารถนาดี


ในการมองของผม ความน่าสนใจของคลิปสัมภาษณ์ทักษิณที่เกาหลี คงไม่ใช่เรื่องเนื้อหาเท่าไรนัก (ยกเว้นประเด็นหนึ่งที่ผมจะกล่าวถึงข้างล่าง) เพราะเป็นอะไรที่ทักษิณเคยพูดมาก่อน (เรื่ององคมนตรี คนในแวดวงวัง ถ้าไม่ให้รัฐบาลเลือกตั้งอยู่ในอำนาจก็อยู่ไม่ได้ ฯลฯ) แต่อยูที่ "ไทม์มิ่ง" หรือเวลาที่ออกมา ดูเหมือนว่าทักษิณจะ "ขยับ" มากขึ้น ครบ ๑ ปีรัฐประหารวันนี้ ทักษิณ เพิ่งออกมาพูดถึงจริงๆครั้งนี้ (คงจำได้ว่า ไม่กี่สัปดาห์ก่อน เพิ่งออกมานิดๆ ในทวิตเตอร์เรื่องสุเทพ แต่ครั้งนั้น ก็ยังไม่ได้พูดอะไรถึง รปห โดยตรง)
ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรจึงเริ่มออกมา อาจจะเพราะเริ่มตระหนักว่า การ "เกียร์ว่าง" "รอ" (wait ในภาพที่มีการเผยแพร่หลัง รปห) ก็ไม่มีวันได้กลับเข้ามา ด้วยการเลือกตั้ง?
..............
ประเด็นที่ผมอยากจะพูดนิดหนึ่งเกี่ยวกับเนื้อหาในคลิปคือ ทักษิณ ก็เหมือนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่เน้นว่า รัฐประหารเกิดเพราะฝ่าย "อำมาตย์" มุ่งจะล้มรรัฐบาลของเขา (วันเดียวกันนี้คุณ "บ๊อบ อัมสเตอร์ดัม" ก็เผยแพร่บทความที่ตอนต้นกล่าวในลักษณะเดียวกัน ทำนองว่า รัฐประหาร ๒๒ พฤษภา มีการเตรียมการล่วงหน้าเป็นเดือน ถ้าไมใช่เป็นปี โดยเฉพาะตั้งแต่หลังเลือกตั้ง ๕๔ เหตุหนึ่งเพื่อล้มโครงการจำนำข้าว ช่วยชาวนา)
เรื่องนี้ก็มีส่วนจริง ในแง่ที่ว่า มีกำลังอำนาจของบุคคลและกลุ่มที่แวดล้อมสถาบันกษัตริย์ ไม่ชอบทักษิณ และคงอยากเห็นทักษิณ-ยิ่งลักษณ์แพ้เลือกตั้ง หรือถ้าชนะ ก็อยากเห็นล้มเหลว หรือหลุดจากตำแหน่ง
แต่ทักษิณ (และเสื้อแดงอีกจำนวนมาก) ยังมีทัศนะคับแคบ มองอะไรไม่ต่างจากอีลีตทั่วไปนัก กล่าวคือ การทีมี "อำมาตย์" จำนวนหนึ่งอยากล้มยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แปลว่า จู่ๆเขาจะล้มได้ นอกจากว่า พวกนั้นไม่ใช่เทวดาทีจะเสกให้อะไรเกิดขึ้นตามใจชอบ (และประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของ "พรหมลิขิต" ที่กำหนดไว้ตายตัว) การเมืองสมัยใหม่ มันเป็นเรื่องระดับมวลชน เรื่องระดับ "สาธารณะ" เอาชนะกันในเรื่อง "public opinion" (ความเห็นสาธารณะ) ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องแค่คนไม่กี่คน "วางแผน" กันแล้วก็เกิดขึ้นได้
ตลอด ๒ ปีกว่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ม็อบโน้น ม็อบนี้ พยายาม "ก่อหวอด" ไม่รู้กี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ ไม่มีน้ำยาอะไร แม้แต่ม็อบ กปปส และการรัฐประหาร ๒๒ พฤษภา เอง ก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีกว่า (ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ที่การรัฐประหารจะต้องใช้เวลา "สร้างสถานการณ์" ในระดับ "สาธารณะ" หรือระดับ "การเมืองมวลชน" ชนิดต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้) จึงถึงจุดทีทหารรู้สึกว่าสามารถตัดสินใจยึดอำนาจได้
และดังนั้น ปัญหา "จังหวะก้าว" ของฝ่ายทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง จึงมีความสำคัญอย่างมาก ความจริงที่ทักษิณหรือยิ่งลักษณ์หรือคนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดงเองจำนวนมาก พยายามหลับตา และทำเป็นลืม ไม่ยอมกล่าวถึง (จนวินาทีนี้) คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ของ "พรบ.เหมาเข่ง" ที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่เปิดทางให้มีการล้มรัฐบาลได้สำเร็จ
ผมมองว่า เสื้อแดงจำนวนมาก แม้แต่คนทีคัดค้าน "เหมาเข่ง" ยังไม่ตระหนักถึงนัยยะของความผิดพลาดครั้งนั้นอย่างรอบด้านแท้จริง เช่น พวก "ซ้าย" ในหมู่เสื้อแดง ทีคัดค้าน "เหมาเข่ง" จะเน้นไปที่ "ให้อภัยฆาตกร" ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ซึงก็จริง แต่ปัญหามันมากกว่านั้น
กรณี "เหมาเข่ง" นอกจากสะท้อนลักษณะคับแคบ เห็นแก่ตัว คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์แคบๆของตน ของทักษิณ-แกนนำเพื่อไทย แล้ว ทีสำคัญทีสุด (และจริงๆมีส่วนเกี่ยวข้องกัน) มันสะท้อนปัญหา ‪#‎ความไม่เป็นประชาธิปไตยหรือการเมืองแบบไมใช่ประชาธิปไตยของพลังส่วนนี้เองด้วย‬ นั่นคือ
(ก) ลักษณะการสามารถ "บงการ" หรือ "สั่ง" ให้(กล่าวได้ว่า)ทั้งพรรค ทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะไม่มีเหตุผล ไม่ถูกต้องและเสียงภัยขนาดนั้น คงไม่ต้องเตือนความจำกันมากกระมังว่า เพื่อไทย เป็นเอกฉันท์กันขนาดไหนในการดัน "เหมาเข่ง" แม้แต่ระดับประเภททีก่อนหน้านั้น ออกมามีท่าทีแบบ "พวกมีหลักการ" (สุนัย, อ.จา ฯลฯ) ก็พากันออกมาเชียร์หมด
สิ่งทีทักษิณ-เพื่อไทย และเสื้อแดงจำนวนมากไม่ตระหนักคือ ในยุคสมัยการเมืองแบบมวลชนสมัยใหม่นั้น ไมใช่ว่า ขอให้เป็น "ฝ่ายสลิ่ม" แล้ว ก็ต้องไม่ชอบ ไม่เปลี่ยนใจ ไม่เอาทักษิณ แน่ๆ ปัญหามันอยู่ที่วา พวกคุณแสดงออกว่าเป็นอย่างไรกันด้วย ... ประชาชนจำนวนมาก พวกกลางๆ และชนชั้นกลางในเมืองจำนวนมาก (แม้แต่ระดับพวกทีเรียกว่า "สลิ่ม") ไม่ใช่ว่าอย่างไรเสียก็ "ไม่เอาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ตลอดกาล อะไรแบบนั้น แต่พวกเขาไม่มีวันทีจะสนับสนุน หรือชอบพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่มีลักษณะเป็น "บริษัท(ชินวัตร)จำกัด" แบบนี้ ที "นายใหญ่" สั่งให้ทำอะไร แม้จะไม่มีเหตุผลสมควรขนาดนี้ ทั้งพรรคก็เฮโลกันไปได้ง่ายๆ - ‪#‎และเฉพาะในประเด็นนี้พวกเขามีเหตุผลอยู่จริงๆ‬ จนบัดนี้ ผ่านไปปีเศษหลัง "เหมาเข่ง" (และ ๑ ปีพอดีของรัฐประหาร) ยังไม่มีแนวโน้มเลยว่า ความสัมพันธ์ภายใน หรือลักษณะที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย (ความเป็น "บริษัทชินวัตรการเมืองจำกัด") จะมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น
(ข) ต่อเนื่องกัน และเป็นประเด็นทีผมพูดไว้ตั้งแต่ตอนนั้น แต่แม้แต่เสื้อแดง "ก้าวหน้า" ก็ไม่ค่อยเก็ต เพราะไปเน้นประเด็นเรือง "ยกโทษฆาตกร" อะไรเป็นหลัก นั่นคือ ‪#‎กรณีเหมาเข่งนั้นเป็นการทำลายกระบวนรัฐสภาเอง‬ คือการที่นักการเมือง "สัญญา" เป็นมั่นเป็นเหมาะ จนวินาทีสุดท้าย ว่าจะไม่ทำอะไรทีสำคัญอย่างหนึง แต่สุดท้าย ก็ใช้วิธี "ลักหลับ" ทำสิ่งนันไป อย่างผิดกระบวนการรัฐสภาด้วย (ดัน พรบ.เหมาเข่ง ที่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาวาระแรก ให้ผ่านวาระ ๒ และ ๓ กลางดึก-เช้ามืด)
นีคือการทำลายความชอบธรรมของหลักการ"การปกครองโดยเสียงข้างมาก" ซึงเป็น "จุดแข็ง" หรือความชอบธรรมที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลเอง ทำให้การวิจารณ์ของอีกฝ่ายประเภท "มีเสียงข้างมากแล้ว ถือว่าทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ" กลายเป็นเรือง "ฟังขึ้น" ขึ้นมา นันคือ อาศัยเสียงข้างมาก มาทำลายกระบวนการปกติของสภาเอง


ความจริง ยังมีความผิดพลาดทีสำคัญมากอีกอย่าง ที่เพื่อไทย-เสื้อแดง จำนวนมาก ไม่เคยยอมเผชิญกับความจริงนั้น คือเรืองการใช่อาวุธในหมู่คนเสื้อแดงส่วนหนึงตลอดช่วงวิกฤติ กปปส .. เรื่องนี้ ดังที่ผมเคยกล่าวไว้แล้วว่า สักวัน เมือทุกฝ่ายพร้อมจะเผชิญความจริง (อีกฝ่าย พร้อมจะยอมรับให้จัดการความผิดของการรัฐประหารยึดอำนาจ) จึงจะสามารถนำมาอภิปรายกันเต็มทีได้ .. ในทีนี้ อยากจะเสนอให้คิด (โดยเฉพาะสำหรับเสื้อแดง) ว่า
คิดแบบ "สามัญสำนึก" ง่ายๆเลย การใช้อาวุธ ในขณะมีรัฐบาลทีพวกคุณเชียร์อยู่ในอำนาจ มีแต่ทำให้รัฐบาลเสีย บางทีผมก็คิดแบบกึ่งขำ ส่ายหัว อะไรแบบนั้นเลยนะว่า ทำไมคนทีใช้ ถึงคิดไม่เป็น(วะ) พวกคุณเองเป็นรัฐบาล คุณใช้อาวุธ คนทีแย่คือรัฐบาลพวกคุณเอง ที่ "คุมสถานการณ์ไม่ได้" มีคนเจ็บคนตายอยู่ตลอดเวลา และเป็นข้ออ้างอย่างดีให้ทหารเข้ายึดอำนาจ (ประยุทธ ยังคงเอามาอ้างจนทุกวันนี้)
(ผมตระหนักดี เรื่องทีว่า มีเสื้อแดงเอง เช่นทีรามฯ หรือตำรวจบางคน เสียชีวิต โดนทำร้าย แต่วิธีจัดการเรืองนี้ ไม่ใช่ด้วยวิธีแบบนี้ และความจริงคือ ผลของความรุนแรงส่วนใหญ่ และเหยื่อส่วนใหญ่ ตลอดวิกฤตินั้น คือ กปปส พูดอีกอย่างคือ ฝ่ายเสื้อแดงทีติดอาวุธ เป็นฝ่ายลงมือใช้วิธีนี้มากกว่า และใช้อย่างชนิดมั่วซั่วไปหมดมากกว่า)
ที่พูดนี้ในเชิง "แทคติก" ล้วนๆ ยังไม่ได้พูดถึงเรืองเชิงหลักการทีว่า คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ (เด็ก เป็นต้น) หรือแม่แต่เป็นคนทีเป็น "มวลชน" กปปส ก็จริง แต่เขาไม่ได้มีอะไรที่ผิดที่ถึงกับต้องมาตายกันแบบนั้น

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar