การวางแผนยึดอำนาจของพลเอกเปรม...ที่มอบให้พลเอกสุรยุทธ์เป็นคนจัดการที่กำลังจะเกิดขึ้น
ด่วน...เปรมสั่ง....สุรยุทธ์เตรียมยึดอำนาจ...!!!
(เปรมพ่อบ้านผู้ปกครองเจ้าดอกม่วงและสุรยุทธ์ลูกชายนอกใส้ผู้จะรับสืบทอดตำแหน่งเปรม สองพ่อลูกตัวอันตรายผู้สั่งการทั้งหมด )
โดย แสงตะวัน
การวางแผนยึดอำนาจของพลเอกเปรม...ที่มอบให้พลเอกสุรยุทธ์เป็นคนจัดการที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ มีสาเหตุและปัจจัยหลักมาจากเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัชกาล โดยพลเอกเปรมต้องการให้พระเทพฯขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ ๑๐ แทนกษัตริย์ภูมิพล แม้ว่าฟ้าชายจะมีสิทธิตามกฎมนเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชย์สันตติวงค์ก็ตามแต่เปรมมีความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวกับฟ้าชาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของปัญหาที่ทำให้เกิดการขัดแย้งในประเทศชาติและในสังคมไทยอยู่ในเวลานี้
ตั้งแต่ กษัตริย์ภูมิพลขึ้นครองราชย์จะเกิดปัญหาความขัดแย้งของสังคมในลักษณะนี้มา โดยตลอด เพราะอำนาจทั้งหมดรวมศูนย์อยู่ทีกษัตริย์ภูมิพลแต่ผู้เดียว ดังนั้นใครคือหัวหน้าตัวจริงของจอมเผด็จการที่อาศัยอำนาจของพวกทหารเป็น เครื่องมือในการปกครองประเทศและได้อาศัยอำนาจของทหารทำการรัฐประหารยึดอำนาจ มาโดยตลอดในช่วงระยะเวลาที่พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ จากอดีตจนถึงปัจจุบันจะมีการยึดอำนาจเกิดขึ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๘ ครั้ง แต่ละครั้งก็มีกษัตริย์เป็นผู้รู้เห็นและให้การสนับสนุนทั้งสิ้น การยึดอำนาจทุกครั้งเกิดขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์และอำนาจของกษัตริย์ภูมิพล เมื่อกษัตริย์เห็นว่าอำนาจของตัวเองถูกบั่นทอนลงก็จะสั่งให้พวกทหารยึด อำนาจทุกครั้ง ตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นมาจนถึงเวลาปัจจุบันการ วางแผนยึดอำนาจของพลเอกเปรมครั้งนี้ก็ได้รับความยินยอมพร้อมใจจาก กษัตริย์ภูมิพลเหมือนคราวที่แล้วๆมา แต่คราวนี้เปรมได้มอบหมายให้ พลเอกสุรยุทธที่เป็นคนสนิทของเปรมและเป็นองคมนตรีใต้การบัญชาของเปรมเป็นผู้จัดการวางแผนปฏิบัติการทุกอย่าง อย่างเป็นขั้นตอนและได้วางแผนเตรียมการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน เพราะการยึดอำนาจเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ก็โดยพลเอกเปรมซึ่งได้รับสัญญาญ จากกษัตริย์ภูมิพลให้เป็นผู้จัดการ แต่ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัชกาลยังไม่ลงตัวเพราะกษัตริย์ภูมิพลยังหวง อำนาจไม่ยอมลงจากบัลลังก์ พอมาถึงเวลานี้กษัตริย์ภูมิพลและราชินี สิริกิตย์ ป่วยหนักหรืออาจจะเป็นศพ...? ไปแล้วก็ได้ไม่มีใครรู้ หลังจากอาการป่วยและรักษาตัวมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งบัดนี้ก็ได้เคลื่อนย้ายสถานที่ไปอยู่ที่หัวหินแล้ว ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในเวลานี้ก็คงได้แก่พลเอกเปรมที่เป็นตัวจริงเสียงจริง ทรงร่างของกษัตริย์ภูมิพลโดยตรง ทำหน้าที่แทนกษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ได้เขียนให้อำนาจประธานองคมนตรีคือพลเอกเปรมเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อกษัตริย์ตายลง และเป็นผู้เสนอตัวผู้ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ ต่อรัฐบาล และรัฐสภา เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัชกาลเป็นไปได้อย่างเรียบร้อย เปรมจึงต้องการมีอำนาจสามารถที่จะควบคุมได้ทั้งรัฐบาลและรัฐสภา เพื่อจะเสนอให้ฟ้าหญิงสิรินทร ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ เพราะเปรมไม่ต้องการให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์เนื่องจากเปรมมีความขัดแย้ง และเกลียดฟ้าชายเป็นการส่วนตัว เปรมจึงสั่งให้พลเอกสุรยุทธ์เตรียมการยึดอำนาจ โดยใช้กลไกอำนาจทุกอย่างที่มี ตั้งแต่พวกองคมนตรี ไปจนถึง พรรคประชาธิปีตย์ ศาล ทหาร องค์กรอิสระ พวกนักวิชาการกษัตริย์นิยมทั้งหลาย และสื่อสารมวลชน
นี่คือเหตุผลที่เปรมต้องยึดอำนาจในเวลานี้
การ วางแผนของเปรม เปรมเป็นทหารนอกประจำการและเป็นประธานองคมนตรีซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่มีสิทธิ์ มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ธาตุแท้ของเปรมเป็นคนมักใหญ่ไฝ่สูง หลงอำนาจ ใจดำอำมหิต อาฆาตมาดร้าย อิจฉาริษยา หวังจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรืออาจถึงกับต้องการขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปเองก็ได้.... เพราะเมื่อเขาบรรลุถึงเป้าหมายถึงขั้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว อำนาจสุงสุดก็ตกอยู่ในมือของเขา จะเสนอหรือไม่เสนอให้ใครขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปก็ได้
ดังนั้นรัชกาลที่ ๑๐ องค์ต่อไปอาจจะเป็นเปรมก็ได้ ...? ถ้าเขาทำการยึดอำนาจได้สำเร็จครั้งนี้ และโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ลงไปได้ เปรม...สุรยุทธ์ จึงได้เตรียมการทุกอย่างในเวลานี้ โดยให้พรรคประชาธิปัตย์ รวบรวมซื้อหา จ้างผู้คนมาชุมนุม ในที่ต่างๆ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน รวบรวมพวกขุนนาง เก่าๆที่เป็นข้าทาสบริวารของกษัตริย์ ไปจนถึงพวกนายพลแก่ๆอดีตเคยเป็นเด็กของป๋า ที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมาแล้วสั่งให้ออกมาสนันสนุน รวมไปจนถึงกองกำลังทหารที่เป็นกองกำลังหลักที่สนับสนุนพลเอกเปรมซึ่งมีอาวุธ ครบมือเข้ามาประจำการในกรุงเทพๆในขณะนี้ โดย พลตำรวจเอก วิศิษฐ เดชกุลชร ได้ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะใช้อาวุธทุกอย่างเพื่อล้มล้างรัฐบาล และกวาดล้างฝ่ายประชาธิปไตยให้สิ้นซากแล้วตั้งรัฐบาล รัฐสภาของตนเองขึ้นมา
ดังนั้นรัชกาลที่ ๑๐ องค์ต่อไปอาจจะเป็นเปรมก็ได้ ...? ถ้าเขาทำการยึดอำนาจได้สำเร็จครั้งนี้ และโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ลงไปได้ เปรม...สุรยุทธ์ จึงได้เตรียมการทุกอย่างในเวลานี้ โดยให้พรรคประชาธิปัตย์ รวบรวมซื้อหา จ้างผู้คนมาชุมนุม ในที่ต่างๆ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน รวบรวมพวกขุนนาง เก่าๆที่เป็นข้าทาสบริวารของกษัตริย์ ไปจนถึงพวกนายพลแก่ๆอดีตเคยเป็นเด็กของป๋า ที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมาแล้วสั่งให้ออกมาสนันสนุน รวมไปจนถึงกองกำลังทหารที่เป็นกองกำลังหลักที่สนับสนุนพลเอกเปรมซึ่งมีอาวุธ ครบมือเข้ามาประจำการในกรุงเทพๆในขณะนี้ โดย พลตำรวจเอก วิศิษฐ เดชกุลชร ได้ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะใช้อาวุธทุกอย่างเพื่อล้มล้างรัฐบาล และกวาดล้างฝ่ายประชาธิปไตยให้สิ้นซากแล้วตั้งรัฐบาล รัฐสภาของตนเองขึ้นมา
ดังนั้นการต่อสู้ในเวลานี้จึงเพิ่มความรุนแรงขึ้นในทุกด้านประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตำรวจ ไปจนถึงคนขับรถแท็กชี่ ถูกพวกโจรรับจ้างของหัวหน้ากบฎสุเทพใช้อำวุธสงครามฆ่าตาย และทำร้ายอย่างป่าเถื่อน ฝ่ายผู้บัญชาเหล่าทัพของทหารก็ได้รับคำสั่งจากทางฝ่ายกษัตริย์ให้วางตัวเฉยๆ ปล่อยให้ฝ่ายประชาชนทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดงเข่นฆ่ากันจนเหละแบบสงครามกลางเมืองโดยมีมือที่สามคือพวกทหารนอกเครื่องแบบที่พวกโจรกบฏได้นำมาฝังตัวช่อนไว้ในที่ต่างๆในกรุงเทพฯพร้อมอาวุธครบมือคอยเข้าแทรกแซงและสร้างสฐานะการณ์ให้เพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดรัฐบาลรักษาการของนางยิ่งลักษณ์ไม่สามารถควบคุมสถานะการณ์ได้ พวก ผบ.เหล่าทัพที่เข้าข้างพวกกบฎที่เป็นเครื่องมือของกษัตริย์ก็จะเคลื่อนตัวออกมาถือเป็นข้ออ้างเพื่อยึดอำนาจ แล้วทำการไกล่เกี่ยให้นายกปูต้องลาออกจากนายก และให้หัวหน้ากบฎ ( ตัวปลอม ) สุเทพ ต้องลาออกเลิกล้มการต่อต้านรัฐบาล
แล้วหัวหน้าฝ่ายกบฎตัวจริงคือ พลเอกสุรยุทธ์และเปรม รวมทั้งกษัตริย์ภูมิพล ก็จะออกมาเช็นต์รับรองให้จัดตั้งรัฐบาลพระราชทาน และจัดตั้งรัฐสภาพระราชทานขึ้นมาแทนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางสาวยิ่งลักษณ์ ขั้นต่อไปก็จะมีการสถาปนาพระเทพฯขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ ประเทศไทยก็จะกลับคืนสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช อย่างสมบูรณ์แบบภายใต้การนำของกษัตริย์ผู้มีจิตวิตฐานทางเพศที่กระหายอำนาจมิได้แตกต่างไปจากพระบิดาของตนที่แย่งชิงอำนาจมาจากพี่ชายโดยการฆ่ารัชกาลที่ ๘ ในหลวงอานันทม์เพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์และครองราชย์โดยระบอบเผด็จการมาเป็นเวลาถึงหกสิบกว่าปี
การขึ้นครองราชย์ของพระเทพฯก็คือการขึ้นครองราชย์บนซากศพของคนไทยทั้งชาติ นี่มันคือความโหดร้ายใจดำอำมหิตของ พลเอก สุรยุทธ์เองที่ต้องรับผิดชอบในความทารุณโหดร้าย ความเสียหายล้มตายของบุคคลในชาติ และเป็นผู้ทำให้ประเทศชาติต้องกลับคืนสู้ยุคมืด ความเลวทรามทั้งหลายแหล่เหล่านี้จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานชาวไทยได้อ่านถึงความอัปรีย์ของราชวงค์จักรี...
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar