รำลึก จิตร ภูมิศักดิ์ วีรชนนักปฏิวัติ
"สดุดีนักคิดนักเขียน
ปัญญาชนนักปฎิวัติ"จิตรถูกอดีตกำนันตำบลคำบ่อ อาสาสมัคร และทหาร
ล้อมยิงจนเสียชีวิต ตายด้วยกระสุนปืนที่ทุ่งนากลางป่าละเมาะ บ้านหนองกุง
ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2509.
จิตร
ภูมิศักดิ์25กันยายน พ.ศ. 2473 -5พฤษภาคม พ.ศ. 2509เป็นนักคิดด้านการเมือง
นักประวัติศาสตร์ และนักภาษาศาสตร์
นับเป็นนักปราชญ์และนักปฏิวัติทางความคิดและวิชาการคนสำคัญของประเทศไทย
จิตรเป็นนักวิชาการคน
แรกๆ ที่กล้าถกเถียงและคัดค้านปราชญ์คนสำคัญ
ด้วยวิธีคิดที่มีเหตุผลและลุ่มลึก
มีความโดดเด่นจากผลงานการค้นคว้าทางวิชาการที่แปลกใหม่และลึกซึ้ง
ขณะเดียวกันจิตรยังมีความคิดต่อต้านระบบเผด็จการและการใช้อำนาจกดขี่ของชน
ชั้นสูงมาโดยตลอดจากกรณี โยนบก เมื่อครั้งที่เขาเป็นสาราณียากร
ให้กับหนังสือประจำปี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2496
ในครั้งนั้นเขาได้
เปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ "ซ้ำ ๆ ซาก ๆ" ของหนังสือประจำปี
โดยลงบทความสะท้อนปัญหาสังคม ประณามผู้เอารัดเอาเปรียบในสังคม
ซึ่งรวมถึงรัฐบาลด้วย รวมทั้งชี้ให้เห็นค่านิยมอันไม่ถูกต้อง
ซึ่งผู้คนนับถือกันมานาน โดยบทความเหล่านั้น มีทั้งที่จิตรเขียนเอง
ร่วมแก้ไข หรือเพื่อน ๆ คนอื่นเขียน
ผลก็คือระหว่างการพิมพ์
หนังสือได้ถูกตำรวจสันติบาลอายัด และมีการ "สอบสวน" จิตรที่หอประชุมใหญ่
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเหตุการณ์นั้น จิตรถูกกลุ่มนิสิตที่นำโดยนายสีหเดช
บุนนาค คณะวิศวกรรมศาสตร์ตั้งศาลเตี้ยจับ "โยนบก" ลงจากเวทีหอประชุม
ทำให้จิตรได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลและพักรักษาตัวอยู่หลายวัน
ปี พ.ศ. 2498
เขากลับเข้าเรียนอีกครั้งและสำเร็จปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิตในปี พ.ศ. 2500
จากนั้นก็เข้าเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์และศึกษาต่อระดับ
ปริญญาโทที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร จนกระทั่งถูกจับในข้อหา
"สมคบกันกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายใน
และภายนอกราชอาณาจักรและกระทำการเป็นคอมมิวนิสต์" เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม
พ.ศ. 2501
เขาถูกคุมขังอยู่จนถึง
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2507 จึงได้รับการปลดปล่อยและพ้นจากข้อหาของทางการ
เนื่องจากเขาถูกติดตามคุกคามจากทางการและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างหนักทำ
ให้เดือนตุลาคม พ.ศ. 2508 จิตรได้เดินทางสู่ชนบทภาคอีสาน
เพื่อเข้าร่วมต่อสู้กับการปกรองด้วยระบบทหาร ในนาม สหายปรีชา"
การสูญเสียสหายปัญญาชนนักปฎิวัติยังส่งผลต่อนักคิดนักเปลี่ยนแปลงคนรุ่นถัดมารุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ต้องกล่าวขานเรียกชื่ออีก
ทั้งนักเลงวรรณกรรมทั้งหลายทั้งในแง่ปวศ.และเทพแห่งตัวอักษรที่สุดคือหัวใจ
อันยืนหยัดไม่ก้มหัวให้กับอำนาจชนชั้นปกครอง"จิตรภูมิศักดิ์"
บทกวีของ จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนเมื่อ ๕๐กว่าปีที่ผ่านมา....
บรรยายถึงความโหดเหี้ยมอำหิตของ"ระบอบเผด็จการภูมิพล" ที่ใช้ปกครองประเทศไทยมาอย่างยาวนานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน.....
"ฟ้าลวกด้วยเปลวเลือด ......... ระอุเดือดทั้งแผ่นดิน
วอดวายทุกชีวิต ................. แต่คนยังจะหยัดยืน
ถึงยุคทมิฬมาร ................. จะครองเมืองด้วยควันปืน
ขื่อแปจะพังครืน .................. และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนย่อมเป็นคน ................ ในสายธารอันเหยียดยาว
คงคู่กับเดือนดาว ................. ผงาดเด่นในดินแดน
ถึงปืนก็เถอะปืน ................. เจ้ายิงคนอย่างหมิ่นแคลน
ใจสู้นี้เหลือแสน ................. กว่าปืนสูจะตัดสิน
คาวเลือดที่ไหลอาบ ............... ซึมกำซาบในเนื้อดิน
ปลุกใจอยู่อาจิณ .................. . ให้กวาดล้างพวกกาลี
ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ....................... ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี
แสงทองเหนือธรณี ................. จะท้าทายอย่างทรนง
เมื่อนั้นแหละคนนี้ .................. จะยืดตัวได้หยัดตรง
ประกาศด้วยอาจอง ................ กูใช่ทาสหากคือไท หากคือไท...ฮา!!
"แต่คนย่อมเป็นคน ................. ถึงยากจนก็รวยใจ
รวยแรงที่แกร่งไกร ................. จะต่อสู้ศัตรูคน
กูไทยต้องเป็นไท ................. จะเป็นทาสบ่ยอมทน
ชื่อไทยที่เรียกตน ................. จะเย้ยตัวจนยามตาย
ถึงแพ้สักสิบแพ้ ................... บ่ท้อแท้จะท้าทาย
สู้ใหม่อย่างไว้ลาย .............. ให้โลกลือกูคือไท"
....................................................................................................
ถึงยุคทมิฬมาร ................. จะครองเมืองด้วยควันปืน
ขื่อแปจะพังครืน .................. และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนย่อมเป็นคน ................ ในสายธารอันเหยียดยาว
คงคู่กับเดือนดาว ................. ผงาดเด่นในดินแดน
ถึงปืนก็เถอะปืน ................. เจ้ายิงคนอย่างหมิ่นแคลน
ใจสู้นี้เหลือแสน ................. กว่าปืนสูจะตัดสิน
คาวเลือดที่ไหลอาบ ............... ซึมกำซาบในเนื้อดิน
ปลุกใจอยู่อาจิณ .................. . ให้กวาดล้างพวกกาลี
ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ....................... ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี
แสงทองเหนือธรณี ................. จะท้าทายอย่างทรนง
เมื่อนั้นแหละคนนี้ .................. จะยืดตัวได้หยัดตรง
ประกาศด้วยอาจอง ................ กูใช่ทาสหากคือไท หากคือไท...ฮา!!
"แต่คนย่อมเป็นคน ................. ถึงยากจนก็รวยใจ
รวยแรงที่แกร่งไกร ................. จะต่อสู้ศัตรูคน
กูไทยต้องเป็นไท ................. จะเป็นทาสบ่ยอมทน
ชื่อไทยที่เรียกตน ................. จะเย้ยตัวจนยามตาย
ถึงแพ้สักสิบแพ้ ................... บ่ท้อแท้จะท้าทาย
สู้ใหม่อย่างไว้ลาย .............. ให้โลกลือกูคือไท"
....................................................................................................
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar