torsdag 31 oktober 2013

๓๑ ตุลาคม..วันรำลึกถึง "นวมทอง ไพรวัลย์" วีรบุรุษสามัญชนผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตยที่ยอมตายดีกว่ามีชีวิตอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ...




"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน"
 
กุหลาบ สายประดิษฐ์
 
กลอนที่สกีนหลังเสื้อลุงนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท็กซี่ที่ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายใต้สะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต
 
 เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในคืนวันที่ 31 ต.ค.2549 โดยมีจดหมายลาตายระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”

ภาพบรรยากาศงานเปิดสดมภ์นวมทอง :



 
 
 
 

ขอมอบบทความนี้ให้คุณ " ทักษิณ" และ ผู้ที่ต้องการให้คุณทักษิณกลับประเทศไทยได้อ่านเพื่อเป็นคติเตือนใจ....ด้วยความปรารถนาดี...

...อะไร?...คือสาเหตุที่แท้จริง... ที่ทักษิณ ชินวัตร... ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ ....


โดย  แสงตะวัน

Dr.ทักษิณ ชินวัตร คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย   ที่กษัตริย์ภูมิพล และพวกอำมาตย์รับใช้กษัตริย์ ไม่ต้องการให้อยู่ในประเทศ  ไม่ว่าจะปรองดอง หรือต่อรองด้วยวิธีใดๆก็ตาม... เพราะอำนาจทุกอย่างขึ้นอยู่กับกษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้กำหนด   โดยธาตุแท้ของภูมิพลเองแล้วเป็นคน  จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต อาฆาตมาดร้าย   เห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา ทรยศคดโกง   แม้แต่คนที่เคยมีพระคุณแก่ตนเองเช่น Dr.ปรีดี พนมยงค์  ที่เคยปกป้องราชบัลลังก์และช่วยเหลือภูมิพลให้พ้นจากคดีฆ่าพี่ชาย รัชกาลที่ ๘ หรือในหลวงอานันท์ฯ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ มาแล้ว  นอกจากนั้นยังเป็นผู้ได้เสนอให้ภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ร. ๘ หลังจากที่ถูกฆาตกรรมโดยพระอนุชา ของพระองค์เอง 


เมื่อภูมิพลได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็ทรยศหักหลัง  ต่อ Dr.ปรีดี  พนมยงค์  โดยกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการสวรรคตของรัชการที่ ๘  .จนปรีดีต้องหนีออกไปลี้ภัยในต่างแดนไม่ได้กลับประเทศอีกเลยและตายอยู่ในต่างแดน     คดีที่กล่าวหาว่า นายปรีดี   มีส่วนพัวพันกับการสวรรคตของ ร. ๘   คดีได้หมดอายุความไปแล้วและศาลตัดสินไปแล้วว่านายปรีดีไม่ผิดตามที่ถูกกล่าวหา    แต่ นายปรีดีก็ไม่มีโอกาศได้กลับมาประเทศไทยอีกเพราะภูมิพลไม่ให้กลับ

 
เมื่อสมัย ดร.ปรีดี ยังมีอำนาจดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  นายปรีดีได้ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลตระกูลมหิดลมาเป็นอย่างดีโดยเมื่อก่อนขึ้นมาเป็นกษัตริย์นั้น   ครอบครัวมหิดลมีกันเพียง ๔ คนแม่ลูก คือ นาง สังวาลย์  ตะระภัฎ ซึ่งมาจากสามัญชนธรรมดา หลังจากแต่งงานกับ กรมหลวงสงขลานครินทร์จึงได้เลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นหม่อม สังวาลย์ ต่อมาสามีเธอได้เสียชีวิตเมื่อเธอมีอายุเพียง ๒๙  ปีเท่านั้น  หลังจากนั้นเธอก็ได้มีชีวิตอยู่กับลูกๆซึ่งเป็นชาย ๒ คน และหญิงคนหนึ่ง ชื่อ   กัญลยานี เป็นลูกสาวคนโต อานันท์ฯลูกชายคนที่ ๒ และคนสุดท้อง คือ ภูมิพล หรือ เล็ก  

ดร. ปรีดี ได้เอาใจใส่ดูแลครอบครัวนี้มาโดยตลอด และได้สนับสนุนให้ลูกชายคนโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์  คือในหลวงอานันท์ รัชกาลที่ ๘  หลังจากรัชกาลที่ ๗ สละราชบัลลังก์ไปแล้ว   แต่เป็นกษัตริย์ไม่กีปีก็ถูกพระอนุชาแย่งชิงราชบัลลังก์ไป เมื่อวันที่ ๙ มิถุนา พ.ศ. ๒๔๘๙  เมื่อน้องชายคือ นาย เล็ก หรือภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ ๙  ปรีดีก็ถูกขับไล่ออกจากประเทศ  พวกทหารมหาดเล็กที่รู้เห็นเหตุการณ์ในวันที่ในหลวงอานันทม์ถูกลอบปลงพระชนม์ ก็ถูกภูมิพลสั่งฆ่าปิดปากไปทั้งสามคน


วันนี้มาถึงคิวของ Dr. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน…  ไม่ว่าท่านจะปรองดองหรือต่อรอง อย่างไร หรือจะใช้เงินชื้อเขาอย่างไร แต่ท่านก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจกษัตริย์ภูมิพลผู้ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดดำอำมหิต และ พวกอำมาตย์ที่รับใช้เขาเปลี่ยนใจมาปรองดองได้โดยเด็ดขาดเพราะความ อิจฉาริษยา ความใจดำอำมหิต ความโหดร้าย และความเห็นแก่ตัวของพวกอำมาตย์ศักดินาเหล่านั้นมันมีมากเกินกว่าคนธรรมดาจะคิดได้ 

จาก เรื่องราวความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่กษัตริย์ภูมิพลขึ้นครองราชย์เขา ไม่เคยเมตตาปรานีให้กับใครนอกจากผลประโยชน์และความเห็นแก่ตัวของเขา  เขาฆ่าได้แม้แต่พี่ชายของตัวเองและผู้ที่เคยมีพระคุณแก่เขา

ดังนั้นเราจึงขอฝากอุทาหรณ์เหล่านี้มายังท่านนายกทักษิณ... เมื่อระบอบเผด็จการภูมิพลล่มสลายลงแล้ว    เมื่อนั้นท่านจึงจะได้กลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ   แบบวีระบุรุษในดวงใจของประชาชน   พร้อมกับการแช่ช้องสรรเสริญจากประชาชนชาวไทยทั้งชาติ   ดังนั้นขอให้ท่านจงอดใจรอวันที่ท่านจะได้กลับประเทศไทยอย่างสมเกียรติของวีระบุรุษผู้ยิ่งใหญ่....

“กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว” ว่าประเทศไทยและประชาชนไทยถูกปกครองครอบงำด้วยอำนาจมืดมาอย่างยาวนาน

นิรโทษกรรมเหมาเข่งก็แค่ชักหุ่นกระบอก


ถ้าเคยดูการแสดงหุ่นกระบอกก็จะเห็นว่าตัวหุ่นกระบอกที่เคลื่อนไหวไปตามบทได้นั้น  จะต้องมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยชักรอกให้ตัวหุ่นแต่ละตัวขับเคลื่อนไปตามความต้องการของผู้กำกับ....  ก่อนหน้าจะมีขบวนการคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างมากมายมืดฟ้ามัวดินทุกวันนี้  การต่อสู้กับขบวนการเผด็จการในยุคแรกๆ ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่กลุ่มคนในระดับปัญญาชนเท่านั้น  โดยอาจจะเริ่มจากราชนิกูลบางคน,  เหล่านายทหารและนักศึกษาที่ได้รับการอบรมมาจากต่างประเทศ, ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 การต่อสู้กับขบวนการเผด็จการก็ขยายตัวมาถึงกลุ่มนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย  ภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 การต่อสู้กับเผด็จการก็ขยายลงไปจนถึงระดับชาวบ้าน  ตาสี  ตาสา  ระดับรากหญ้าโดยทั่วไป  จากประชาชนที่ไม่เคยสนใจ  ไม่เคยรับรู้ว่าการเมืองคืออะไร  ไม่เคยรู้ว่าประเทศนี้มีอำนาจมืดยึดครองประเทศเอาไว้  และคนกลุ่มนี้ได้เอารัดเอาเปรียบสูบเลือดสูบเนื้อประชาชนทั้งชาติมานานแสนนาน  ภายใต้หน้ากากแห่งคุณธรรมและความเมตตา (เสมือนพวกที่ใส่หน้ากากขาวกายฟอกซ์นั่นแหละ)  ก็ได้เข้าใจอย่างชัดแจ้ง
แต่ทว่าบางทีอาจจะบอกได้ว่า  “กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว”  หลายสิบปีที่อำนาจมืดนี้ได้แผ่เงาแห่งอำนาจครอบครองและฝังรากลึกลงไปในทุกอณูสำนึกของประเทศนี้แล้ว  แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีองคาพยพใดของประเทศนี้ที่ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำ และควบคุมของอำนาจมืดนี้  ซึ่งการถูกครอบงำและควบคุมโดยอำนาจมืดนี้ไม่ละเว้นแม้แต่บุคคลที่อยู่ในขบวนการคนเสื้อแดงที่อ้างตัวว่าต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยด้วยเช่นกัน 
ผมเชื่อว่าบุคคลที่อยู่ในขบวนการคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่างก็ทราบและตระหนักดีว่า การที่ประเทศไทยนี้จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แท้จริงนั้นจะต้องทำลาย "อำนาจมืดที่ครอบงำประเทศนี้ให้ได้เสียก่อน"   แต่ทว่าอำนาจมืดที่ว่านี้มีอิทธิพลและอำนาจยิ่งใหญ่เหลือเกิน  ใครล่ะที่อ้างตัวว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะกล้าหาญชาญชัยพอที่จะออกมายืนแถวหน้า  แล้วซัดกับอำนาจมืดตัวจริงที่ครอบงำประเทศนี้อยู่อย่างซึ่งๆ หน้า  โดยที่ตัวของเขาหรือครอบครัวของเขาจะไม่ถูกทำลายไปเสียก่อน

หนูทั้งฝูงต่างก็กลัวแมวที่คอยมาจับกินอยู่ทุกวันเพราะแมวย่องมาจับหนูกินอย่างเงียบเชียบโดยที่หนูไม่รู้ตัวเลย  วันหนึ่งเหล่าหนูได้มาประชุมกันโดยมีผู้นำหนูยืนขึ้นประกาศด้วยเสียงอันดังและน่าเชื่อถือว่า  “ต่อไปนี้จะเราต้องติดลูกกระพรวนไว้ที่คอของแมวเพื่อจะได้ยินเสียงเวลาแมวย่องมา  เราจะได้ไม่ถูกจับกินอีก”  เหล่าหนูต่างก็ฮือฮาในแผนการนี้และต่างก็โห่ร้องเห็นด้วย  หนูทุกตัวดีใจกันยกใหญ่ว่าต่อไปนี้จะไม่ถูกจับกินอีกแล้ว  เพราะจะได้ยินเสียงลูกกระพรวนที่คอแมวทุกครั้งที่แมวย่องมา  ไม่ว่าจะมีหนูตัวอื่นเสนอแผนอื่นในการหลบหลีกหนีแมวเช่นไรก็ไม่มีหนูตัวใดเห็นด้วย  หนูทุกตัวต้องการใช้แผนไปผูกลูกกระพรวนที่คอแมวทั้งสิ้น  แต่พอหัวหน้าหนูถามว่า  “ใครจะเป็นหนูผู้กล้าที่จะนำเอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมว”   หนูทุกตัวต่างเงียบกริบ  ไม่มีหนูตัวใดกล้านำลูกกระพรวนไปผูกคอแมวสักตัวแม้แต่ผู้นำหนูที่คิดแผนนี้ขึ้นก็ตาม 
มีผู้คนที่อยู่ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจำนวนไม่น้อยที่เป็นเหมือนหนูในเรื่องนี้  ต่างก็ต้องการประชาธิปไตยโดยใช้แผนเอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมวทั้งสิ้น  แต่พอถามเข้าจริงๆ จังๆ ว่าใครล่ะจะเป็นผู้กล้าที่จะนำหน้าในเรื่องนี้  ทุกคนต่างถอยหมด    แต่พอมีหนูบางตัวกล้าที่จะออกมานำโดยใช้แผนอื่นในการต่อสู้กับแมวหนูในที่ประชุมก็ “ด่าว่า..กล่าวหา..โจมตี..สั่งสอน..ตัดขาด  ฯลฯ”  ผมว่ามันไม่แฟร์ครับ 

ประเทศนี้ไม่ใช่ของใครคนเดียว  ขณะเดียวกันการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อใครคนเดียวเช่นกัน ท่านอดีตนายกทักษิณ และนายกยิ่งลักษณ์  แสดงออกมาตลอดว่าเขาทั้งสองจะต่อสู้กับแมวตัวนี้โดยไม่ใช้แผน  “เอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมว”  แต่จะใช้แผนใดนั้นก็ต้องค่อยๆ ดูกันต่อไป  ซึ่งถ้าหนูตัวใดคิดว่า  ท่านอดีตนายกทักษิณ  และท่านนายกยิ่งลักษณ์  กำลังจะทำตัวเป็นหัวหน้าหนูที่จะจับเอาหนูในฝูงไปถวายเป็นบรรณาการให้กับแมว  และจะไม่ยอมต่อสู้เพื่อให้ได้ความยุติธรรมกลับคืนมาอีกต่อไปแล้ว...  ด้วยเหตุผลเพราะทั้งสองท่านพยายามผลักดันให้  พรบ. นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งนี้ผ่านสภาให้ได้...  ก็เป็นสิทธิที่ท่านจะเห็นต่างได้เช่นนั้น  บางท่านอาจจะลาออกจากความเป็นคนเสื้อแดง,  บางท่านอาจจะเผาบัตร นปช.ทิ้ง, บางท่านอาจจะก่อม๊อบประท้วงการออก พรบ. ฉบับนี้  หรือบางท่านจะไม่ลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ฯลฯ  ก็ล้วนเป็นสิทธิ์ที่ท่านจะพึงกระทำได้  เพราะพื้นฐานของความเป็นประชาธิปไตยคือเช่นนั้น 
แต่ทว่าในความเป็นจริงที่แท้จริงก็คือ  ไม่ว่าท่านจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่  หรือจะโหวตโน  หรือจะเลือกพรรคใดก็ตาม  ประเทศนี้ก็จะยังคงต้องมีรัฐบาลในการปกครองประเทศอยู่ดี,  ท่านก็ยังคงต้องเสียภาษี,  ท่านยังคงต้องอยู่ภายใต้กฏหมายที่ถูกตราขึ้นโดยสภานิติบัญญัติ,  ท่านไม่สามารถจะหนีไปอยู่ที่เกาะร้างกลางทะเลตามลำพังและไม่ยอมรับการปกครองใดๆ  เลยจากประเทศนี้ได้   เพราะถ้าท่านไม่สามารถเป็นผู้ปกครองได้ด้วยตนเอง  ท่านก็ต้องเป็นผู้ที่ถูกปกครอง  ความจริงนี้ง่ายๆ  แต่เจ็บปวดนัก
ความสัมพันธ์ระหว่างขบวนการคนเสื้อแดง กับท่านอดีตนายกทักษิณ  ก็เหมือนหุ่นกระบอกกับคนชักหุ่นกระบอก  ต่างฝ่ายต่างก็พยายามทำตัวเป็นคนชักหุ่นให้หุ่นนั้นเล่นไปตามบทบาทที่ตนต้องการ  ท่านนายกทักษิณรู้ดีว่าท่านขาดคนเสื้อแดงไม่ได้  และคนเสื้อแดงเองก็รู้ว่าถ้าขาดนายกทักษิณคนเสื้อแดงก็ขาดพลัง  ทำไมล่ะครับทำไมคนบางคนในขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงพยายามทำตัวเป็นคนชักหุ่นกระบอกนายกทักษิณ  หรือยอมเป็นหุ่นกระบอกให้ถูกนายกทักษิณชักเชิดอยู่  ทำไมคนเสื้อแดงในขบวนต่อสูนี้จึงไม่ทำตัวเป็นคนดูที่ดูละครเรื่องนี้อยู่บนเก้าอี้สบายๆ  คอยดูว่าละครเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร  แล้วออกมาเป็นผู้แสดงเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมโดยพิจารณาด้วยความระมัดระวังและสติปัญญาอย่างรอบคอบของตนเอง
เพราะตราบใดที่ละครโรงนี้ยังไม่สามารถหาตัวผู้เล่นที่จะเป็นหัวหน้าหนูผู้กล้าเล่นเรื่อง  “เอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมว”  ตามที่ผู้ชมต้องการได้  เราในฐานะผู้ดูก็คงจะได้แค่ดูละครน้ำเน่าเช่นนี้ต่อไป  นอกจากเบื่อละครโรงนี้มากๆ  ก็ไปนอนซะ  ก็เท่านั้น...   แต่ถ้าท่านแน่ใจว่าท่านสามารถแสดงละครเรื่อง  “เอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมวได้”  ก็ก้าวออกมาเลยครับ  ออกมาเป็นแกนนำ  ไม่ใช่แกนเอียง  ไม่ใช่แกนนอน  ไม่ใช่นักวิชาการ  ไม่ใช่กองเชียร์   เพราะคนที่แค่พูดๆ  แต่ไม่สามารถออกหน้ามาทำอย่างที่เขาทำนั้นเขาเรียกว่า  ผีข้างบ่อน  ครับ

อัพเดทข้อมูลเพิ่มเติม."ม็อบสส.ข้างถนน".ใครเป็นใครมาเฟียใหญ่ที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้สังคมได้รับรู้....ช่างน่าอนาถใจที่ไม่รู้จักใช้สมองคิดว่าอะไรผิดอะไรถูก..คิดได้แต่เรื่องชั่วๆ.

[IMG]

วสิษฐ +เทพเทือก  
ข้อมูลเพิ่มเติม
แกนนำที่พบ น.ส.จิตภัสร์ฯ, น.ส.มัลลิกาฯ และ นายสกลธีฯ มวลชนทยอยเข้าพื้นที่ส่วนใหญ่แต่งกายชุดดำ จับจองพื้นที่ ด้านข้างเวที หลบร้อน บางส่วนมีสัมภาระพร้อมค้างแรม เพื่อร่วมต่อสู้ ยอด 200 คน

1.เวทีจะตั้งหน้าร้านชูจันทร์ หันหน้าเวทีไปทางสถานีรถไฟสามเสน
- เวทีเป็นของนายสมควร โอบอ้อม ส.ส.เขต ๑ จ.นครสวรรค์
มีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.เขต ๒๖ กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ควบคุมดูแลเวที

2.กลุ่มการ์ดรักษาความปลอดภัย
-กลุ่มกระเบนธง
-กลุ่มจงอางชล
-กลุ่มการ์ด ที่ ส.ส.ใน กรุงเทพฯ ให้การสนับสนุน

3. มวลชนที่คาดว่าจะเข้าร่วมชุมนุม ประมาณ 5,000 - 10,000 คน

4.แกนนำหลักที่ร่วมเคลื่อนไหว
- นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
- นายถาวร เสนเนียม
- นายกรณ์ จาติกวณิช
- นายอิสระ สมชัย
- นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
- นายสาธิต วงศ์หนองเตย
- ส.ส.ของพรรคที่ร่วมเคลื่อนไหวเวทีผ่าความจริง

5.ทิศทาง/แนวทางการเคลื่อนไหว
-ขั้นที่ ๑ ห้วง ๓๑ ต.ค.๒๕๕๖ – ๒ พ.ย.๒๕๕๖ จะระดมมวลชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมชุมนุมให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้เพื่อสร้างภาพสะท้อนให้ประชาชนโดยทั่วไปเห็นว่า มีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อันเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการสร้างกระแสสังคมให้ทุกภาคส่วนบีบบังคับกดดันให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯออกไปจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
-ขั้นที่ ๒ หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯผ่านการพิจารณาลงมติในวาระที่ ๓ คาดว่าจะมีการชุมนุมยือเยื้อ เพื่อสร้างกระแสความกดดันให้กับรัฐบาลต่อไป

6.แนวโน้ม/สถานการณ์
การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาในวาระที่ ๒ ในวันที่ ๓๑ ต.ค.๒๕๕๖ ซึ่งเป็นประเด็นเงื่อนไขสำคัญให้กลุ่มพลังมวลชนที่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้หยิบยกนำประเด็นเรื่องนี้ไปขยายผล ยุยง ปลุกปั่น ระดมมวลชนให้เข้าร่วมชุมนุมเพื่อยกระดับการชุมนุมกอปรกับพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าวตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ต.ค.๒๕๕๖
เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นผลให้มีการชุมนุมที่ยืดเยื้อ หากรัฐบาลไม่ยอมถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯออกไปการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกันก็มีการสร้างกระแสข่าวเกี่ยวกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเรียบร้อยแล้วเพื่อเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ด้วยเหตุและผลดังกล่าวจะส่งผลให้กลุ่มแนวร่วมเครือข่ายต่างๆที่มีจุดมุ่งหมายเดียวสร้างข่าวลือ โฆษณาชวนเชื่อ ยุยง ปลุกปั่น และเตรียมความพร้อมของมวลชนที่จะชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่ต่อต้า้นฯ เช่นเดียวกันหากกระแสสังคมตอบรับเป็นอย่างดี กลุ่มแนวร่วมเครือข่ายอาจมีการพิจารณายกรับการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไป

ส.ส.ปชป. ถ.กำแพงเพชร5
- เวลา 1200 การจราจรรอบๆ เวที ดังนี้
1.ถ.กำแพงเพชร5 ข้ามทางรถไฟสามเสน เยื้องกับร้านอาหารดอกคูน รถเลี้ยวขวาได้ทางเดียว
2.ถ.กำแพงเพชร5 ริมทางรถไฟสามเสน ข้างร้านอาหารชูจันทร์ ปิดการจราจร
3.ถ.เศรษฐศิริ2 เลยปากทางเข้า ร้านค้าสวัสดิการกลางกองทัพบก ปิดการจราจร
เริ่มมีมวลชนทยอยเข้าพื้นที่ ยอด 50 คน
ร้านค้าทั้งสองฝั่งบนบาทวิถีเปิดขายของตามปกติ มีร้านค้าขาจร จำนวน 5 ร้านเข้ามาปะปน ส่วนทางแฟลตสวัสดิการส่วนกลางกองทัพบก(สามเสนใน) เริ่มปิดประตูทางด้านหลังแฟลตริมทางรถไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาสร้างความวุ่นวายในเขตบ้านพักทหาร สำหรับผู้ที่ขายของในแฟลตฯ บางร้านเก็บของปิดร้านและวิพากวิจารณ์กับการตั้งเวทีของ ปชป.ว่า ทำให้ ปชช. เดือนร้อน และการค้าเสียหาย ขาดทุน


พระเอกมาเป่านกหวีดแล้ว   ปรี๊ดๆๆๆ



...สส.พรรคฝ่ายค้าน? หรือ "มาเฟีย".? สิ้นคิดทำตัวอยู่เหนือกฎหมายใช้กฎเถื่อนออกมาต่อสู้นอกรัฐสภา..เพื่อขัดขวางล้มล้างรัฐบาลในการบริหารประเทศ เป็นยุคที่ตกต่ำเสื่อมโทรมสกปรกโสโครกที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์ นับจากอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นพรรคการเมืองที่ยอมรับใช้ระบอบเผด็จการราชาธิปไตยอย่างไม่เสื่อมคลาย ไร้อุดมการณ์ที่จะคิดพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองและนอกจากนั้นยังขัดขวางทำลายรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา นับเป็นการทำลายอนาคตทำลายความหวังของประเทศชาติและของประชาชนไทยทั้งประเทศอย่างไม่น่าให้อภัย ช่างใจดำอำมหิตเห็นแก่ตัวสารเลวจริงๆ....

"ข้างหน้ามีการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง"
[IMG]

ทางฝั่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคน อาทิ นายพุทธิพงศ์ ปุณกันต์ นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม.และนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร ได้ตรวตตราดูแลความเรียบร้อยในการตั้งเวทีและเครื่องเสียงบริเวณถนนเลียบทาง รถไฟ

ภาพบรรยากาศ จาก ถนนกำแพงเชร5 ใกล้ๆสถานีรถไฟสามเสน ที่พรรค ปชป.ตั้งเวที
(ขอบคุณภาพจาก ช่างภาพ เดลินิวส์ )

[IMG]

[IMG]

[IMG]

[IMG]
น่ารัก ก็ไม่บอก, Yesterday at 11:11 PM

ม็อบยางถอดใจ ไม่ร่วมประชาธิปัตย์บุกยึดสถานีรถไฟสามเสน
"สาทิตย์เตี้ย" เผยยอดชุมนุมหาร 2

[IMG]

31 ตุลาคม 2556 go6TV - เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทศพล ขวัญรอด แกนนำม็อบสวนยางยืนยันว่า แกนนำตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไปเข้าร่วมกับการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร ต้องประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะระดมผู้ชุมนุมให้มาปิดล้อมบริเวณสถานีรถไฟสามเสนกว่า 1 แสนคนนั้น ล่าสุด นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะมีผู้ร่วมชุมนุมเหลือ 3-5 หมื่นคน ซึ่งเป็นไปตามที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุก่อนหน้านี้ว่า ประชาธิปัตย์มอบหมายให้ ส.ส.กทม.ทั้ง 50 เขต จัดหาผู้ชุมนุมเขตละ 1,000 คน


http://www.go6tv.com/2013/10/2_31.html[IMG][IMG]

ขอร้อง..อย่าสอดไส้ ไปล้างผิด หากสิ้นคิด แล้วเดินหน้า พาฉิบหาย ทุบกำแพง แห่งความหวัง พังทลาย ไม่นึกอาย แถมย่ำยี เหล่าวีรชน....


[IMG]

ทำปากกล้า ขาสั่น ไม่หวั่นไหว
ทั้งที่ใจ ร้อนรุ่ม กว่าสุมขอน
จากผลพวง ของทรราช ฆาตกร
ไม่สังวรณ์ เรื่องอัปรีย์ ที่มันทำ....

หาว่าถูก กลั่นแกล้ง ตะแบงบอก
พูดกลับกลอก เผยตัวตน จนน่าขำ
เผยทาสแท้ พวกวิปริต จิตใจดำ
เลวระยำ เกินมนุษย์ สุดบรรยาย....

ขอร้อง..อย่าสอดไส้ ไปล้างผิด
หากสิ้นคิด แล้วเดินหน้า พาฉิบหาย
ทุบกำแพง แห่งความหวัง พังทลาย
ไม่นึกอาย แถมย่ำยี เหล่าวีรชน....

หากดื้อดึง นับถอยหลัง วันพังพาบ
ทิ้งตราบาป ให้ประชา พาสับสน
บทสุดท้าย พวกสับปลับ ต้องอับจน
รอดูผล คนชีกอ สอพลอนัก....

๓ บลา / ๓๑ ต.ค.๕๖
http://3blabla.blogspot.com

.....แถลงการณ์นิติราษฎร์ ว่าด้วยนิรโทษกรรม ....ขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนเวียสนับสนุนและเห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ......


"ความยุติธรรมที่ใครคนหนึ่งจะได้นั้น ไม่ควรจะได้บนความอยุติธรรมที่มีต่อคนอื่น ในส่วนของคุณทักษิณ ต้องคืนความเป็นธรรมให้กับเขา แต่อย่างที่ว่าการคืนต้องบรรลุวัตถุประสงค์สำหรับคนที่ข้องใจอยู่ ก็เปิดโอกาสให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการที่ยุติธรรม แต่การเอามารวมกับการนิรโทษกรรมจากการสลายการชุมนุมมันไม่ถูก ก็ต้องเดินไปตามทางที่ถูก ที่บอกกันนี่ก็เป็นการบอกกันฉันมิตรเลย เพื่อให้เดินไปตามทางประชาธิปไตย"

อ่านแถลงการณ์นิติราษฎร์ที่นี่ ว่าด้วยนิรโทษกรรม
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อ่านแถลงการณ์นิติราษฎร์ ต่อร่างนิรโทษกรรม ท่ามกลางผู้ฟังจำนวนมาก ที่ห้องประชุม LT1 คณะนิติศาสตร์ มธ. ยันร่างฯ นิรโทษกรรมมุ่งหมายเฉพาะประชาชน การแก้ไขร่างฯ ของสภาที่ขยายไปยังเจ้าหน้าที่รัฐขัดต่อเจตนารมณ์ของร่างฯ ดังกล่าว และขัดรธน. พร้อมย้ำแนวทางลบล้างผลพวงรัฐประหาร


ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง
และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ....
และข้อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร

ตามที่นายวรชัย เหมะ กับคณะได้เสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีหลักการและเหตุผลคือ ให้นิรโทษกรรมแก่ประชาชนที่กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมือง เพื่อเป็นการให้โอกาสแก่ประชาชนซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศ รักษาและคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง อันจะเป็นรากฐานที่ดีของการลดความขัดแย้ง และสร้างความปรองดอง และต่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติในวาระที่หนึ่งรับหลักการร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว หลังจากนั้นสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นคณะหนึ่งเพื่อพิจารณา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาและมีมติแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว โดยขยายการนิรโทษกรรมครอบคลุมไปถึง “บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมา ที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง” แต่ไม่นิรโทษกรรมให้แก่บุคคลซึ่งกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

เมื่อพิจารณาจากร่างพระราชบัญญัติฯ ที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่งแล้ว พบว่าสภาผู้แทนราษฎรนิรโทษกรรมเฉพาะแก่ “บุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่การกระทำนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใดเพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วง หรือการแสดงออกด้วยวิธีการใด ๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น” จากถ้อยคำดังกล่าว เมื่อพิจารณาประกอบกับหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติ ฯ ที่ถูกเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จะเห็นได้ว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนผู้กระทำการตามที่กล่าวข้างต้นเท่านั้น  โดยไม่นิรโทษกรรมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม ทั้งไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่อย่างใด และเมื่อพิจารณาประกอบกับชื่อของร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวที่ใช้ชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ....” แล้ว ยิ่งทำให้เห็นประจักษ์ชัดว่าร่างพระราชบัญญัติฯ นี้มุ่งหมายนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนเท่านั้น การที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ นี้ให้รวมถึงบุคคลอื่นนอกจากประชาชน จึงเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่ขัดกับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่หนึ่ง อันเป็นการต้องห้ามตามข้อ 117 วรรคสามแห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ซึ่งทำให้กระบวนการตราพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวนี้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เพราะข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ห้ามมิให้การแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติในวาระที่สองขัดกับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัตินั้นเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ

นอกจากประเด็นปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว คณะนิติราษฎร์เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ยังมีปัญหาในประการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1) การนิรโทษกรรมตามที่ปรากฏในร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ซึ่งครอบคลุมไปถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมอันนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายของประชาชนที่เข้าร่วมในการชุมนุมนั้น นอกจากจะไม่เป็นธรรมต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์สลายการชุมนุมแล้ว ยังขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) การปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระทำการละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกายของประชาชนรอดพ้นจากความรับผิดดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาในอดีตนอกจากจะเป็นการตอกย้ำบรรทัดฐานที่เลวร้ายให้ดำรงอยู่ต่อไปแล้ว ยังสร้างความเคยชินให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหาร ในการปฏิบัติต่อประชาชนในลักษณะดังกล่าวข้างต้นโดยไม่ต้องกังวลว่าตนจะต้องรับผิดในทางกฎหมายในอนาคต

2) ร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาข้างต้นนั้น กำหนดยกเว้นไม่นิรโทษกรรมให้แก่บุคคลซึ่งกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถึงแม้ว่าการกระทำความผิดของบุคคลนั้นจะเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมืองก็ตาม การบัญญัติกฎหมายในลักษณะเช่นนี้ย่อมขัดหรือแย้งกับหลักแห่งความเสมอภาคที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 30 เนื่องจากหลักดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐต้องปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสำคัญเหมือนกัน ให้เหมือนกัน และปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสำคัญแตกต่างกันให้แตกต่างกันออกไปตามสภาพของสิ่งนั้นๆ การนิรโทษกรรมตามความมุ่งหมายของร่างพระราชบัญญัตินี้มีสาระสำคัญอยู่ที่การยกเว้นความผิดให้แก่บุคคลที่กระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง โดยไม่คำนึงว่าการกระทำนั้นจะเป็นความผิดฐานใด ดังนั้น การที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตัดมิให้ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ได้กระทำไปโดยมีความเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง ได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมตามร่างพระราชบัญญัตินี้ จึงเป็นการปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระอย่างเดียวกันให้แตกต่างกัน และขัดต่อหลักความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญ

3) เนื่องจากการนิรโทษกรรมในครั้งนี้ มีผลกับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์จำนวนมาก มีบุคคลที่อาจได้รับประโยชน์จากร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้หลายกลุ่ม และบุคคลดังกล่าวถูกดำเนินคดีในขั้นตอนที่แตกต่างกัน จากเหตุหลายประการดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความซับซ้อนจนหลายกรณีไม่อาจระบุลงไปให้แน่ชัดได้ว่าบุคคลใดบ้างเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรม ในขณะที่ร่างพระราชบัญญัติฯ กำหนดให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล แล้วแต่กรณี มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว จึงอาจทำให้การวินิจฉัยไม่เป็นเอกภาพ ส่งผลให้เกิดความไม่เสมอภาคในชั้นของการบังคับใช้กฎหมายในท้ายที่สุด

4) ถึงแม้ว่ากระบวนการกล่าวหาบุคคลที่เกิดขึ้นโดยองค์กรหรือคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 จะดำเนินไปอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม และบุคคลที่ถูกกล่าวหาและถูกพิพากษาว่ามีความผิดสมควรได้รับคืนความเป็นธรรมก็ตาม แต่โดยที่ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้มุ่งหมายนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลที่กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งมีสภาพและลักษณะของเรื่องแตกต่างไปจากการกระทำของบุคคลที่ถูกกล่าวหาโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ  ประการสำคัญ ในสภาวการณ์ความขัดแย้งของสังคมขณะนี้ การเสนอให้นิรโทษกรรมแก่บุคคลดังกล่าวอาจเหนี่ยวรั้งให้การหาฉันทามติในการนิรโทษกรรมแก่ประชาชนเป็นไปอย่างล่าช้า หรือไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมให้กับบุคคลที่ได้รับผลร้ายจากการทำรัฐประหารสมควรกระทำด้วยการลบล้างผลพวงของรัฐประหารตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์

5) มีข้อสังเกตว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้กำหนดระยะเวลาเริ่มต้นของการนิรโทษกรรมให้กับการกระทำความผิดใด ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2547 จึงไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติที่ผ่านการรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ซึ่งนิรโทษกรรมให้แก่การกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 การกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นของการนิรโทษกรรมตั้งแต่พ.ศ. 2547 อาจส่งผลให้มีเหตุการณ์หรือการกระทำความผิดบางอย่างที่ไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549  ได้รับประโยชน์จากร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ด้วย

6) นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้กำหนดให้บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบต่อเนื่องมา ไม่ว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้บุคคลนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิงนั้น เมื่อพิจารณาจากคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิงย่อมทำให้รัฐต้องคืนสิทธิให้แก่ผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรม เช่น ในคดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้รับนิรโทษกรรมแล้ว รัฐมีหน้าที่ต้องคืนทรัพย์สินที่ยึดมาตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา ถึงแม้ว่าคณะนิติราษฎร์จะเห็นว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหาหรือถูกพิพากษาว่ากระทำความผิดโดยองค์กรหรือคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร มีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ในการที่จะได้รับคืนทรัพย์สินที่ถูกยึดไปโดยกระบวนการทางกฎหมายที่เชื่อมโยงกับการทำรัฐประหาร แต่การที่จะได้รับคืนทรัพย์สินดังกล่าวนั้นควรจะต้องเป็นไปโดยหนทางของการลบล้างคำพิพากษาตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ว่าด้วยการลบล้างผลพวงรัฐประหาร มิใช่โดยการนิรโทษกรรมตามร่างพระราชบัญญัติฯ นี้
 

ข้อเสนอคณะนิติราษฎร์
โดยเหตุที่ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ มีปัญหาบางประการดังกล่าวมาข้างต้นคณะนิติราษฎร์ จึงขอเสนอแนวทางแก้ปัญหา ดังต่อไปนี้

1) ต้องแยกบุคคลซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ตลอดจนบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองแต่กระทำความผิดโดยมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ออกจากบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549

2) ให้ดำเนินการนิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ตลอดจนบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองแต่กระทำความผิดโดยมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยไม่นิรโทษกรรมให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง ตลอดจนการสลายการชุมนุมไม่ว่าจะได้กระทำการในฐานะเป็นผู้สั่งการหรือผู้ปฏิบัติการ และไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใด ๆ ทั้งนี้ ตามร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้ง ที่คณะนิติราษฎร์ได้เคยเสนอไว้

3) สำหรับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ให้ลบล้างคำพิพากษา คำวินิจฉัย ตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาในทุกขั้นตอนที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำรัฐประหาร ทั้งนี้ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ว่าด้วยการลบล้างผลพวงรัฐประหาร

4) อย่างไรก็ตาม โดยเหตุที่ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ไม่ได้รับการพิจารณานำไปปฏิบัติจากผู้เกี่ยวข้อง ประกอบกับขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการนิรโทษกรรมอยู่ในระหว่างการพิจารณาในวาระที่สองของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การนิรโทษกรรมแก่ประชาชนซึ่งกระทำความผิดหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมืองเป็นไปโดยรวดเร็วภายใต้ข้อจำกัดที่เป็นอยู่ คณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้พิจารณาดำเนินการดังต่อไปนี้

4.1  เนื่องจากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฯ จนขัดกับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ ที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ทำให้มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ร่างพระราชบัญญัติฯ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จึงไม่สามารถใช้เป็นฐานในการพิจารณาในวาระที่สองได้ ด้วยเหตุนี้ สภาผู้แทนราษฎรจึงสมควรแก้ไขความบกพร่องดังกล่าวโดยการลงมติว่ากระบวนการตราพระราชบัญญัติฯ นี้ขัดกับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 117 วรรคสาม เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติฯ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตกไป

4.2  ให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติยกเลิกคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชุดเดิม และมีมติตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อเริ่มพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ในวาระที่สองใหม่
 
คณะนิติราษฎร์: นิติศาสตร์เพื่อราษฎร
31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

 

onsdag 30 oktober 2013

...มุ่งสู่จุดหมายปลายทาง...นำประเทศไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณืให้ได้ ...ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกคนต้องช่วยกันร่วมจับมือกันเดินหน้าโดยเปิดใจให้กว้างยอมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะและช่วยกันคิดหาวิธีเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง...ฝากให้คิดอย่าเอาประเทศชาติและประชาชนมาเป็นเดิมพัน โปรดอย่าลืมว่าที่มาของปัญหาทั้งหมดของประเทศในขณะนี้สาเหตุมาจากการปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการราชาธิปไตยมาอย่างยาวนานและผลพวงจากรัฐประหารคือรัฐธรรมนูญโจรปี๕๐ ดังนั้นรัฐบาลและรัฐสภาต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการแก้ปัญหาโดยยึดหลักเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง...ด้วยความปราถนาดี...


จงเปิดใจให้กว้างรู้จักคิดพิจารณา"รับฟังเหตุผลคนอื่นที่คิดไม่เหมือนเรา.  เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้วยอมรับมติความเห็นของเสียงส่วนมาก ...นี่คือระบอบประชาธิปไตย...

http://www.youtube.com/watch?v=5P4DqlMe6ew&feature=player_embedded

http://www.youtube.com/watch?v=sPBZ48zuulU&feature=player_embedded

http://www.youtube.com/watch?v=hMEs9TwOH_A&feature=player_embedded

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=uUU570w3zE4

http://www.youtube.com/watch?v=P4V8dqNK5i0&feature=player_embedded

http://www.youtube.com/watch?v=9KMN6aLvpuE&feature=player_embedded

http://www.youtube.com/watch?v=SMb990ypLdk&feature=player_embedded
อ.วรเจนต์

http://www.youtube.com/watch?v=APXY5y0lp6E

ที่มา คณะนิติราษฎร์
  • คำถามมีเงิน อยู่ 10 บาท ซื้อขนมไป 3 บาท ได้เงินทอนมากี่บาท...???
เฉลย ทอนมา
  • 2 บาท เพราะเรามี เหรียญ 5 อยู่ 2 เหรียญ......?????
  • ไม่ทอน เพราะเรามี เหรียญ บาททั้งหมด......?????
  • 7 บาท เพราะเรามีเหรียญ 10 เหรียญเดียว.......?????
  • 1 บาท เพราะ เรามีเหรียญ 2 บาท 5 เหรียญ......?????
( ....***** คำตอบ.....เปรียบเสมือนชีวิต..... อาจมีคำตอบที่ถูกต้อง มากกว่า 1 ข้อ....เพราะแต่ละคนมีต้นทุนทางสังคมที่แตกต่างกัน.......ดังนั้นเราไม่ควรไป โกรธ... ตำหนิ... ติเตียน... *****คนอื่นที่คิดไม่เหมือนกับเรา....***** )

อย่าหูเบาเจ้าแดงเอ๋ย…คงไม่เลยวาระสอง คงเป็นหมันวันปรองดอง…วาระสองออกสภา หลอกไอ้มากมาลากไส้…เปลี่ยนแผนใหม่ไร้ปัญหา สับขาหลอกแล้วบอกลา…ตัดปัญหา ”นิรโทษกรรม”


ขุนเขาบอก :
 
อย่าหูเบาเจ้าแดงเอ๋ยคงไม่เลยวาระสอง
คงเป็นหมันวันปรองดองวาระสองออกสภา
หลอกไอ้มากมาลากไส้เปลี่ยนแผนใหม่ไร้ปัญหา
สับขาหลอกแล้วบอกลาตัดปัญหา”นิรโทษกรรม”
 
ดูให้ดีมีเฮฮาทักษิณาไม่ถลำ
ทะลุซอยแล้วลอยลำหน้าคะมำ “ พรรคสะตอ “
ทำขึงขังตั้งหน้าด่าคนสั่งฆ่าไอ้หน้าหอ
เป็นนายกกำมะลอถูกหลอกล่อให้หลงกล
 
คนแดนไกลยังไม่มาหลอกหมาบ้ามาเห่าหอน
ละครดีมีหลายตอนบทละครยังซ่อนกล
เป่านกหวีดผิดเวลาลุงกับป้ายังล่องหน
พรรคเพื่อใครเขาซ้อนกลขอดูคนที่ขนมา
  
มากกับเมือกเลือกนอนคุกหวังปลอบปลุกสาวกเหลือง
หาคำอ้างสร้างแค้นเคืองปลุกม๊อบเหลืองยึดนครา
อนิจจาแม่ยาจืดเป็นมุขผืดคนไม่หา
หนึ่งนารีขี่อาชาเหลืองไม่มาป๋าไม่มี
 
ปูขึ้นตั่งนั่งดูหมีอีกสองปีพี่มากขา
นิรโทษหมดสภาสมัยหน้าว่าอีกที
แดงไม่เคืองเหลือไม่ข้องที่เศร้าหมองไอ้หน้าหมี
ไม่มีแม่แพ้ทุกทีอีกสิบปีไม่มีทาง
 
ตาสว่างหนทางโล่งนวลอนงค์สู่สมัย
มหาชนคนพาไปอธิปไตยในมือนาง
สองมือสร้างเถิดนางเอ๋ยอย่ามีเลยความบาดหมาง
แสงสีทองส่องนำทางเลิกแบ่งข้างเลิกแบ่งคน……..
 

tisdag 29 oktober 2013

....ไม่เอา นิรโทษกรรมเหมาเข่ง...ประเทศชาติจะดำรงอยู่ได้รัฐบาลต้องนำกฎหมายที่ยุติธรรมมาบังคับใช้กับสังคมไทยเท่านั้น....

  คณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร แถลงจุดยืนต่อร่างพรบ.สุดซอย
http://www.youtube.com/watch?v=APXY5y0lp6E&feature=player_embedded



ขอเชิญสื่อมวลชน และผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการแถลงข้อวิจารณ์และจุดยืนของคณะนิติราษฎร์ ที่มีต่อ “ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ....” ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการฯ และกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่สอง

ณ ห้อง ๑๒๓ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. เป็นต้นไปคณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร


รูปภาพ : "ถ้าในที่สุดร่าง พรบ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งผ่านวาระ 2 และ 3 ไปได้ แล้วแกนนำ นปช.ก็ทำตาเศร้าๆ บอกกับประชาชนว่าพวกเราได้พยายามคัดค้านอย่างเต็มที่แล้ว ด้วยการไม่ลงคะแนนเสียงให้ แต่ก็จำต้องยอมรับมติเสียงส่วนใหญ่ของสภา เราทำได้แค่นี้แหละ แล้วพวกเขาก็ดำเนินชีวิตในฐานะลูกพรรคที่ดีของทักษิณต่อไปอย่างมีความสุขราวกับว่าไม่เคยมีการสังหารประชาชนกลางเมืองมาก่อนเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยสัญญาว่าจะคืนความยุติธรรมใดๆ ให้กับมวลชนของพวกเขา ราวกับว่า ฝันร้ายได้ผ่านไปแล้ว ตื่นเถิดพี่น้อง ทำใจกับฝันร้ายนั้นเถิด เราต้องเดินต่อไป เราอาจฝันร้ายอีก แต่มันเป็นเรื่องของอนาคต อย่าคิดไกลเกินไป บลาๆๆ

.... ใครรับได้ก็รับไปนะคะ แต่ดิฉันรับไม่ได้ พวกแกนนำ นปช.สู้เพื่อคืนความยุติธรรมให้ประชาชนน้อยไป พวกคุณต้องทำมากกว่านี้ ต้องกล้าชนให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเมื่อครั้งคุณเป็นแค่ฝ่ายค้าน แม้มันว่าจะทำให้คุณหมดอนาคตภายใต้อ้อมอกของทักษิณก็ตาม 

ความขัดแย้งครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครบ้างจะเดินข้ามศพประชาชนไปได้อย่างไม่ละอายแก่ใจ"

ข้อเรียกร้องที่อาจารย์พวงทองได้ทวงถามจาก นปช. นี้สมควรแก่เหตุแก่ผลหรือไม่ โปรดตรึกตรอง 

พวงทอง ภวัครพันธุ์
Puangthong R. Pawakapan
29 ตุลาคม 2556
สเตตัสในเฟชปุ๊คต่อกรณี 
พรบ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง
 

-------------------------------------

อ้างอิง: https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/641511145899648

ภาพจาก : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=205857119553541&set=t.100001223054048&type=3&src=https%3A%2F%2Fscontent-a.xx.fbcdn.net%2Fhphotos-ash3%2F62338_205857119553541_199994981_n.jpg&size=800%2C534

ถ้าในที่สุดร่าง พรบ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งผ่านวาระ 2 และ 3 ไปได้ แล้วแกนนำ นปช.ก็ทำตาเศร้าๆ บอกกับประชาชนว่าพวกเราได้พยายามคัดค้านอย่างเต็มที่แล้ว ด้วยการไม่ลงคะแนนเสียงให้ แต่ก็จำต้องยอมรับมติเสียงส่วนใหญ่ของสภา เราทำได้แค่นี้แหละ 
แล้วพวกเขาก็ดำเนินชีวิตในฐานะลูกพรรคที่ดีของทักษิณต่อไปอย่างมีความสุขราวกับว่าไม่เคยมีการสังหารประชาชนกลางเมืองมาก่อนเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยสัญญาว่าจะคืนความยุติธรรมใดๆ ให้กับมวลชนของพวกเขา ราวกับว่า ฝันร้ายได้ผ่านไปแล้ว ตื่นเถิดพี่น้อง ทำใจกับฝันร้ายนั้นเถิด เราต้องเดินต่อไป เราอาจฝันร้ายอีก แต่มันเป็นเรื่องของอนาคต อย่าคิดไกลเกินไป บลาๆๆ

.... ใครรับได้ก็รับไปนะคะ แต่ดิฉันรับไม่ได้ พวกแกนนำ นปช.สู้เพื่อคืนความยุติธรรมให้ประชาชนน้อยไป พวกคุณต้องทำมากกว่านี้
 ต้องกล้าชนให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเมื่อครั้งคุณเป็นแค่ฝ่ายค้าน แม้มันว่าจะทำให้คุณหมดอนาคตภายใต้อ้อมอกของทักษิณก็ตาม 

ความขัดแย้งครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครบ้างจะเดินข้ามศพประชาชนไปได้อย่างไม่ละอายแก่ใจ

คืนความจริงสู่สังคม..ซวยแล้วพวกกู… ตกเป็นผู้ต้องหา

ขุนเขาบอก :

คืนความจริงสู่สังคม..

ซวยแล้วพวกกูตกเป็นผู้ต้องหา
อายหมูอายหมาจะเอาหน้า.ไปไว้ไหน
เห็นอยู่หลัดๆอภิสัด.ต้องเป็นไป
แขนคอกจัญไรสั่งการใคร.ให้ฆ่าคน

อัยการสั่งฟ้องมันจะฟ้อง.อัยการ
ส่อแววสันดานอันธพาล.ไร้เหตุผล
เถียงคอเป็นเอ็นโถไอ้เวร.สั่งฆ่าคน
ดักวิ่งชิงปล้นเลวจนคน.เขาระอา

ไม่ได้สั่ง.ไม่ได้ทำคนระยำ.ออกมาพูด
มันมีปาก.เหมือนมีตูดพูดมาได้.ไม่อายหมา
พวกสิงสา.บรรดาสัตว์เหมือนมีนัด.กันออกมา
หาตัวช่วย.ร้องโหยหาไม่ได้ฆ่า.แดงมันยิง

คนถือปืน.ไม่มีลูกถึงยิงถูก.ก็บ่ตาย
เสื้อแดงถูก.ลูกปืนตายอ้างให้ร้าย.มือผีสิง
ช่างสรรหา.มาเอ่ยอ้างแดงเลือกข้าง.จึงสั่งยิง
กราบงามๆ.ถามจริงๆที่สั่งยิง.ใครบัญชา

เทวดา.เทวดีมันไม่มี.ไม่ต้องอ้าง
อภิสิทธิ์ชน.โดนเสียบ้างร้องเหมือนบ่าง.ครางเหมือนหมา
กรรมมันแรงแดงมันเคืองคนทั้งเมือง.เอือมระอา
ติดคุกไป.ให้พ้นหน้าคนสั่งฆ่า.คนสั่งยิง

ประเทศชาติ.คงพ้นภัยอธิปไตย.คงบังเกิด
หยุดฆ่าฟัน.กันเสียเถิดละวางเถิด.มือผีสิง
ยุติธรรม.นำสู่ไทยอธิปไตย.ให้ไทยอิง
ตาสว่างอย่างจริงๆคืนความจริงสู่สังคม.. กรรมไดใครทำ..รับกรรมนั้นไป

torsdag 24 oktober 2013

”มึงซวยกันแน่นอน”....... อยากให้ทักษิณกลับบ้าน... บทสุดท้าย...หนีไม่พ้น...คนชื่อแม้ว ซวยแน่แล้ว...พี่แม้วสั่ง...น้องนังหมวย แก้กฎหมา...พาพี่กลับ...นับยกมวย ยกที่ห้า...ป๋ามอดม้วย...”มึงซวยกันแน่นอน”....... อยากให้ทักษิณกลับบ้าน...


ขุนเขาบอก :

”มึงซวยกันแน่นอน”....... อยากให้ทักษิณกลับบ้าน...

ขี้ไม่ออก...เยี่ยวไม่ออก...บอกทักษิณ
ไอ้ซ่งตีง...ทักษิณหนอ...พ่องเอ็งหรือ
ตลกดัง...นั่งรถเข็น...เป็นร่ำลือ
ฟ้องกระบือ...ถือคันชั่ง...คลั่งจังมึง

คนขับรถ...ฆ่าเจ้านาย...กลายเป็นแม้ว
สั่งแน่แล้ว...แม้วอยู่ดอย...สอยไม่ถึง
เด็กไอ้แป๊ะ...ทะแนะทนาย...อายแน่มึง
แม้วนะมึง...ไม่ใช่แมว...แล้วเป็นไง

เชื่อมันได้...ไอ้แป๊ะลิ้ม...สลิ่มเอ๋ย
ครั้งหนึ่งเคย...กินแกลบรำ...จำได้ไหม
ถูกมันหลอก...ให้ออกหน้า...ฆ่าคนไท
แล้วเป็นไง...ได้น้ำมนต์...คนหรือควาย

แม้วไม่มา...รอเวลา...มาแน่แม้ว
ลุงแก่แล้ว...แม้วนั่งรอ...ก็ไม่สาย
รออีกหน่อย...ค่อยกลับมา...สบายสบาย
อกแตกตาย...ขายลสิ่ม...ลิ้มกับลอง

เสียงลือ...เสียงเล่าอ้าง...อันได...พี่เอย
น้องนี่เคย...ได้ฟังมา...ว่าเราสอง
เป็นเครื่องมือ...หลอกสลิ่ม...ลิ้มกับลอง
อ้างเราสอง...ลองกับลิ้ม...สลิ่มอวย

บทสุดท้าย...หนีไม่พ้น...คนชื่อแม้ว
ซวยแน่แล้ว...พี่แม้วสั่ง...น้องนังหมวย
แก้กฎหมา...พาพี่กลับ...นับยกมวย
ยกที่ห้า...ป๋ามอดม้วย...”มึงซวยกันแน่นอน”....... อยากให้ทักษิณกลับบ้าน...