โดย สายลมรัก
ผมเห็นคลิป คุณสมจิตร แสยะแยกเขี้ยว เข้าใส่ มท.๓ เรื่องกรณีสอบสวน การมีเครื่องปั่นไฟ (ของหลวง ) ที่เขาจะมีคำแปะไว้ข้าง ๆ ว่า ใช้ในราชการเท่านั้น ไปโผล่กลางม๊อบอุรุพงษ์ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ แล้วผมพูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก กับพฤติกรรมของเธอ
ไอ้เรื่อง กทม. จะเอียงเข้าข้าง ม๊อบการเมืองหนะ ผมไม่ค่อยติดใจอะไร เพราะถ้าคิดอย่างธรรมชาติ ของมนุษย์ ก็พวกเดียวกันมานานแล้ว จะแอบช่วยเช่น ไอ้รถสุขามาไวอย่างพร้อมเพรียง เอ้าแถมแท๊งค์น้ำกินน้ำอาบกันให้ชุ่ม ในพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด (สนามหลวง) ก็ยังพอจะกัดฟันทนไหว
แต่ตั้งเครื่องปั้นไฟให้เป็นการเป็นงานเนี่ย ในฐานะ คน กทม.อย่างผมมันรับไม่ได้จริง ๆ เฮ้อออ....ไอ้เอ๋อเอ้ย....
ทำไมไม่ให้ ไอ้ทองแดง เขาใช้ห้องทำงานของผู้ว่า เป็นที่แถลงข่าวรายวันไปเลยหละ พ่อคุ๊ณณณณณ พ่อมหาจำเริญ แหม....เห็นการกระทำของ กทม.ผมว่าหนักแล้วนะ แต่ยังไม่เท่ากัอาการ คลุ้มคลั่งของสมจิตรในวันนี ไอ้คลั่งแบบ หญิงโสด แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ ทั่วไปก็ยังพอเข้าใจ
แต่การคลั่งในขณะทำหน้าที่ของนักข่าวนี่สิ ไม่รู้ บก.ต้นสังกัด เขารู้สึกกันอย่างไร สมาคมนักหนังสือพิมพ์ สมาคมนักข่าว สมาคมวิทยุโทรทัศน์ แห่งประเทศไทย เขาคิดกันอย่างไรบ้าง
แต่ประชาชนอย่างผม รู้สึกสยอง ปน ขยะแขยงอยากจะเอาเสื้อของสื่อ ที่รณรงค์ว่าหยุดใช้ความรุนแรง (หรือหยุดสร้างความเกลียดชัง) ยัดไปที่จอบของสมจิตร สักสามสี่ตัว เผื่อจะได้สติว่า
ขณะนี้เธอกำลัง ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนอยู่ ไม่ใช่อยู่ในระหว่าง ปฏิบัติการ รักมาร์คสุดขอบฟ้า
จริง ๆ แล้ว ผมก็เข้าใจเธอน๊ะ แบบว่ารักย่อมเข้าใจในรักเพราะแม่ยก กองเชียร์ พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากแพ้ซ้ำซากมาถึง ๒๑ ปี มักจะมีอาการหนักแบบนี้ แทบทุกคนเสียงดัง (ไม่มีสาเหตุ) ตาขวาง ยามเห็นอะไรที่มันเป็นผลงานของฟากการเมืองฝั่งตรงข้าม หูตั้งหางชี้ เอ้ยไม่ใช่ หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ หากเห็นวัตถุหรือภาชนะใด ๆ ลักษณะเป็นเหลี่ยม ๆ
ตอนนี้ ก้าวไปอีกขั้น หากเห็นสีอะไรที่ออกโทนแดง ๆ อาจจะวิ่งเข้าขวิดโดยไม่แสดงอาการบอกล่วงหน้า นระยะหลัง ๆ มันเป็นแบบนี้จริง ๆ
สมจิตรเองก็อยู่ในข่ายนี้ เข้าข่ายป่วยหนัก กำเริบในขณะปฏิบัติหน้าที่ จนผมกลัวว่า สักวันหนึ่งเธออาจเอาฟันไปเฉาะหน้า นักการเมืองฝั่งตรงข้าม กับพรรคที่เธอเชียร์ก็เป็นได้
ธรรมดา สมจิตร ของมาร์ค เธอก็มี หน้าตาเป็นอาวุธ อยู่แล้ว
แต่พอเห็นเธอแยกเขี้ยวในคลิ๊ปแล้ว ผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่ามันสยองขนาดไหน พอจะอุปมานได้เลยว่า รับรองเลยว่าหมาที่บ้านผม(สุดยอดแห่งการปากเปราะทั้งสามตัว) หากเจอสมจิตร แยกเขี้ยวใส่แบบนี้ รับรอง หมาไม่กล้าเห่า ไม่กล่าขู่ เผลอ ๆ วิ่งไปหลบอยู่ในครัวหลังบ้านแน่ ๆ
ผมไม่ทราบว่า หน่วยงานต้นสังกัดเขาคิดอย่างไร และกำลังคิดอะไรอยู่หรือจะเก็บไว้เป็นกรณี ศึกษา เปรียบเทียบว่า การมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ นั้น ให้ดูสมจิตรเป็นตัวอย่างหรือ ?
จริง ๆ ผมเคยเขียนไว้หลายครั้งแล้วว่า เรื่องการรักใครชอบใครนั้น มันเป็นสิทธิของทุกคนที่จะเลือก แต่ต้องแยกแยะระหว่าง เรื่องส่วนตัว กับการทำหน้าที่
ลักษณะแบบนี้ ผมว่า มันต้องเข้าโรงพยาบาลบำบัดอาการทางจิตได้แล้วหละ
ไม่ก็ออกไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
จะได้ไปนั่งประชันความสวยกับ มอลลี่ แถลงข่าว ด่าฝั่งตรงข้ามซะให้สมใจ
อย่าให้ จรรยาบรรณของสื่อไทย ที่แม่มโคตรจะหายากในวันนี้ มันตกตำเลวร้ายไปกวานี้อีกเลย
สงสารเด็ก ๆ เยาวชนที่มันดูข่าว
โตขึ้นมันจะเสียคน เพราะมันคงเข้าใจคำว่า จรรยาบรรณในวิชาชีพ ไปในทางผิด ๆ แน่ ๆ
ไอ้เรื่อง กทม. จะเอียงเข้าข้าง ม๊อบการเมืองหนะ ผมไม่ค่อยติดใจอะไร เพราะถ้าคิดอย่างธรรมชาติ ของมนุษย์ ก็พวกเดียวกันมานานแล้ว จะแอบช่วยเช่น ไอ้รถสุขามาไวอย่างพร้อมเพรียง เอ้าแถมแท๊งค์น้ำกินน้ำอาบกันให้ชุ่ม ในพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด (สนามหลวง) ก็ยังพอจะกัดฟันทนไหว
แต่ตั้งเครื่องปั้นไฟให้เป็นการเป็นงานเนี่ย ในฐานะ คน กทม.อย่างผมมันรับไม่ได้จริง ๆ เฮ้อออ....ไอ้เอ๋อเอ้ย....
ทำไมไม่ให้ ไอ้ทองแดง เขาใช้ห้องทำงานของผู้ว่า เป็นที่แถลงข่าวรายวันไปเลยหละ พ่อคุ๊ณณณณณ พ่อมหาจำเริญ แหม....เห็นการกระทำของ กทม.ผมว่าหนักแล้วนะ แต่ยังไม่เท่ากัอาการ คลุ้มคลั่งของสมจิตรในวันนี ไอ้คลั่งแบบ หญิงโสด แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ ทั่วไปก็ยังพอเข้าใจ
แต่การคลั่งในขณะทำหน้าที่ของนักข่าวนี่สิ ไม่รู้ บก.ต้นสังกัด เขารู้สึกกันอย่างไร สมาคมนักหนังสือพิมพ์ สมาคมนักข่าว สมาคมวิทยุโทรทัศน์ แห่งประเทศไทย เขาคิดกันอย่างไรบ้าง
แต่ประชาชนอย่างผม รู้สึกสยอง ปน ขยะแขยงอยากจะเอาเสื้อของสื่อ ที่รณรงค์ว่าหยุดใช้ความรุนแรง (หรือหยุดสร้างความเกลียดชัง) ยัดไปที่จอบของสมจิตร สักสามสี่ตัว เผื่อจะได้สติว่า
ขณะนี้เธอกำลัง ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนอยู่ ไม่ใช่อยู่ในระหว่าง ปฏิบัติการ รักมาร์คสุดขอบฟ้า
จริง ๆ แล้ว ผมก็เข้าใจเธอน๊ะ แบบว่ารักย่อมเข้าใจในรักเพราะแม่ยก กองเชียร์ พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากแพ้ซ้ำซากมาถึง ๒๑ ปี มักจะมีอาการหนักแบบนี้ แทบทุกคนเสียงดัง (ไม่มีสาเหตุ) ตาขวาง ยามเห็นอะไรที่มันเป็นผลงานของฟากการเมืองฝั่งตรงข้าม หูตั้งหางชี้ เอ้ยไม่ใช่ หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ หากเห็นวัตถุหรือภาชนะใด ๆ ลักษณะเป็นเหลี่ยม ๆ
ตอนนี้ ก้าวไปอีกขั้น หากเห็นสีอะไรที่ออกโทนแดง ๆ อาจจะวิ่งเข้าขวิดโดยไม่แสดงอาการบอกล่วงหน้า นระยะหลัง ๆ มันเป็นแบบนี้จริง ๆ
สมจิตรเองก็อยู่ในข่ายนี้ เข้าข่ายป่วยหนัก กำเริบในขณะปฏิบัติหน้าที่ จนผมกลัวว่า สักวันหนึ่งเธออาจเอาฟันไปเฉาะหน้า นักการเมืองฝั่งตรงข้าม กับพรรคที่เธอเชียร์ก็เป็นได้
ธรรมดา สมจิตร ของมาร์ค เธอก็มี หน้าตาเป็นอาวุธ อยู่แล้ว
แต่พอเห็นเธอแยกเขี้ยวในคลิ๊ปแล้ว ผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่ามันสยองขนาดไหน พอจะอุปมานได้เลยว่า รับรองเลยว่าหมาที่บ้านผม(สุดยอดแห่งการปากเปราะทั้งสามตัว) หากเจอสมจิตร แยกเขี้ยวใส่แบบนี้ รับรอง หมาไม่กล้าเห่า ไม่กล่าขู่ เผลอ ๆ วิ่งไปหลบอยู่ในครัวหลังบ้านแน่ ๆ
ผมไม่ทราบว่า หน่วยงานต้นสังกัดเขาคิดอย่างไร และกำลังคิดอะไรอยู่หรือจะเก็บไว้เป็นกรณี ศึกษา เปรียบเทียบว่า การมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ นั้น ให้ดูสมจิตรเป็นตัวอย่างหรือ ?
จริง ๆ ผมเคยเขียนไว้หลายครั้งแล้วว่า เรื่องการรักใครชอบใครนั้น มันเป็นสิทธิของทุกคนที่จะเลือก แต่ต้องแยกแยะระหว่าง เรื่องส่วนตัว กับการทำหน้าที่
ลักษณะแบบนี้ ผมว่า มันต้องเข้าโรงพยาบาลบำบัดอาการทางจิตได้แล้วหละ
ไม่ก็ออกไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
จะได้ไปนั่งประชันความสวยกับ มอลลี่ แถลงข่าว ด่าฝั่งตรงข้ามซะให้สมใจ
อย่าให้ จรรยาบรรณของสื่อไทย ที่แม่มโคตรจะหายากในวันนี้ มันตกตำเลวร้ายไปกวานี้อีกเลย
สงสารเด็ก ๆ เยาวชนที่มันดูข่าว
โตขึ้นมันจะเสียคน เพราะมันคงเข้าใจคำว่า จรรยาบรรณในวิชาชีพ ไปในทางผิด ๆ แน่ ๆ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar