lördag 12 oktober 2013

โครงการให้โอกาสเยาวชนทุกคนมีอนาคตช่วยลดโอกาสความเหลื่อมล่ำทางการศึกษา ทำให้เยาวชนกล้าคิดกล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักค้นหาตนเอง ..เพราะในอนาคตทุกประเทศมีการแข่งขันกันสูงและต้องการคนมีความรู้ความสามารถมาทำงาน..ขอบคุณ"มูลนิธิไทยคม"ที่ไม่เห็นแก่ตัวคืนกำไรให้กับเด็กด้อยโอกาสได้มีอนาคตในสังคมไทย...



[IMG]

[IMG]















[IMG]

12 ต.ค. เวลา 11.00 น. ที่วอยซ์ สเปซ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม วอยซ์ ทีวี ถ.วิภาวดีรังสิต  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เป็นประธาน และบรรยายพิเศษโครงการ “This’s My Future 2013 : 9 สุดยอดคลังสมองประเทศไทย ปั้นเด็กไทยไปเวทีโลก ” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิไทยคม ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ก่อตั้ง เนื่องในโอกาสครบ 20 ปีของการก่อตั้งมูลนิธิดังกล่าว  ทั้งนี้มีเครือญาติในตระกูลชินวัตรร่วมงานคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน รวมถึงนายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่ได้กลับมายืนตรงนี้อีกครั้ง เพราะตนเคยเป็นกรรมการและเลขานุการของมูลนิธิไทยคม สำหรับแนวทางการพัฒนาเยาวชนไทยไปในเวทีโลกนั้น องค์ความรู้ที่ทำให้เด็กเกิดการเรียนที่รู้แจ้งคือเน้นการปฏิบัติเชื่อว่า เยาวชนทุกคน มีอนาคต มีความฝัน มีความคิดของตนเอง ถ้าเรารู้จักค้นหาตนเอง รู้จักอนาคตข้างหน้า ดังนั้นต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ เพราะเชื่อว่าเด็กไทยไม่แพ้คนอื่น ซึ่งตนเชื่อในศักยภาพเด็กไทย ตนต้องการเห็นความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ซึ่งรัฐบาลเน้นเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะมีดูแลประชาชนตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็กในครรภ์ เพราะถ้าแม่มีสุขภาพกายใจและดีลูกก็จะสุขภาพจิตดีและแข็งแรง
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายของรัฐบาลที่ให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ได้รับแจกคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตนั้น เพราะเรามองถึงเนื้อหาข้างในการทำให้การเรียนการสอนมีความน่าสนใจ รวมถึงเก็บพัฒนาการและการเรียนรู้ เพราะโลกเราเปลี่ยน ทำให้การศึกษาเปลี่ยนรูปแบบด้วย จากที่อยู่ในหนังสือแต่องค์ความรู้ไม่ได้อยู่กับที่ แต่ติดตัวเราไปแล้ว จากอ่านในหนังสือหรือคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แต่ตอนนี้องค์ความรู้อยู่ในมือถือ จะทำอย่างไรให้เข้าถึงเยาวชนอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ ความรู้จึงไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียน ส่วนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ช่วยลดโอกาสความเหลื่อมล่ำทาการศึกษา ให้โอกาสได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ดี ส่วนโครงการกองทุนตั้งตัวได้มีเจตนารมเพื่อต่อยอดเยาวชนเพื่อให้เข้าถึง แหล่งเงินทุนในการตั้งหลักธุรกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความท้าทายในประเทศไทยในอนาคตว่า เรามีความต้องการคนมีความรู้ความสามารถ เพราะตอนนี้อัตราการว่างงานต่ำกว่าร้อยละ 1 แต่เราขาดแรงงานสายอาชีวะ เราต้องมีการคิดค้นวิจัยมากขึ้น อีกทั้งประชากรเติบโตมากมาย และอีก 2 ทศวรรษอาจจะมีตำแหน่งงานหายไป 2 ล้านตำแหน่ง เพราะมีหุ่นยนต์มาแทน และคนเราจะกลายเป็นแค่คนควบคุมเท่านั้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงระดับโลก เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง หลายประเทศเติบโตช้าลง เราจึงไม่สามรถยึดติดกับในประเทศ ราต้องมีการปรับความสัมพันธ์กับต่างประเทศมากขึ้น เราต้องมองกว้างขึ้น  ส่วนการพัฒนาในภาคพลังงาน และภาคการเกษตรที่ต้องเป็นครัวไทยสู่ครัวโลกที่เราจะแปรรูปสินค้าเกษตรเป็น สินค้าที่มั่งคั่งเป็นมาตรฐานในตลาดต่างประเทศ ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์นั้น ตนอยากเห็นการผลิตรถที่ประหยัดพลังงานเป็นอีโคคาร์ของโลก เพิ่มจากปีละ 2 ล้านคัน เป็น 3 ล้านคัน รวมทั้งธุรกิจบริการ ท่องเที่ยวสุขภาพ สปา ทำอย่างไรให้เอกลักษณ์ของไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
“อีกสิ่งหนึ่งที่พลิกโฉมประเทศไทย คือระบบขนส่งผ่านโครงการ 2 ล้านล้านบาท แม้ดูเป็นตัวเลขที่สูง แต่ใช้เวลานานถึง 7 ปี ซึ่งขณะนี้นายกจีนก็มา ซึ่งที่จีนมีรถไฟความเร็งสูงเป็นหมื่นๆ กิโลเมตร แต่เราจะสร้างแค่พันกว่ากิโลเมตรเอง ไม่มากเกินไป สิ่งต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงาน มีการพัฒนาเมืองใหม่ มีเส้นทางคมนาคมเข้าไปเชื่อมโยงยุทธศาสตร์จังหวัดที่จะเปลี่ยนเป็นโอกาสที่ เยาวชนจะได้ศึกษาและทำงานโดยไม่ได้ต้องเข้ามาในกทม ทุกอย่างทำกระจายในต่างจังหวัด ไม่ต้องเข้ามากทม อย่างไรก็ตามมีคนกล่าวว่าถ้ามีเงินทำอะไรก็สร้างได้ แต่การสร้างเยาวชนมากว่านั้น ดังนั้นเราต้องอดทนไม่ย่อท้อแต่อุปสรรค”นายกรัฐมนตรี กล่าว.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar