torsdag 17 oktober 2013
อัพเดท " อีโง่ อีโง่" เรื่องราวปลายเหตุเหมือนโรคร้ายที่กำลังแพร่ระบาดในสังคมไทยขณะนี้ ..
หยุดคิด..เธอผิดจริงหรือสังคมจึงประนาม?
โดย ราษฎรตาสว่าง
๑๗ ต.ค.๕๖
เรื่องราวของเธอมันเป็นปรากฎการณ์ของสังคมที่เป็นปลายเหตุธาตุแท้มาจากระบอบเผด็จการอำมาตย์ศักดินาสองมาตรฐาน นี่คือปัญหาที่แท้จริงที่ทุกคนมองข้าม ประเทศไทยปกครองโดยระบอบเผด็จการอำมาตย์ศักดินามาเป็นเวลายาวนาน มีการแบ่งแยกชนชั้น ปกครองโดยใช้กฎหมายเผด็จการสองมาตรฐาน ปิดหูปิดตาประชาชนโดยใช้พวกสื่อสารมวลชนลงข่าวบิดเบือนความจริง จำกัดสิทธิเสรีภาพด้านการพูดการเขียน ใช้กฎหมายสองมาตรฐานกดขี่ข่มเหงประชาชนมาตลอด
สรุป ที่คนในสังคมไทยปัจจุบัน ไร้เหตุผล ไร้กฎกติกา ไม่เคารพกฎระเบียบของสังคม จิตใจเสื่อมโทรม ไร้จิตสำนึกทางคุณธรรมจริยธรรม สังคมแตกแยกแบ่งข้าง นักการเมืองขาดคุณธรรม สถาบันการศึกษาไร้คุณภาพ สถาบันครอบครัวขาดความอบอุ่น เกิดม็อบต่างๆก่อความวุนวาย ซึงปัญหาความวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสังคมไทยยุคนี้เป็นผลพวงมาจาก"ระบอบไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง" ..ทั้งสิ้น.
"พรีม่าโกลด์" เผยผู้บริหารสาวชูป้ายด่ากราดนายกฯ ลาออกไปแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
วันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีภาพสุภาพสตรีคนหนึ่งไปร่วมชุมนุมประท้วงกับกลุ่มหน้ากากขาว และม็อบต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมกับชูป้ายใช้คำหยาบคายด่ากราดนายกรัฐมนตรี
ต่อมา มีนักท่องเน็ตฝ่ายหนุนรัฐบาลออกมาเผยแพร่ชื่อและ
สถานที่ทำงานของสตรีคนดังกล่าว พบว่าตำแหน่งปัจจุบันทำงานเป็นรองกรรมการผู้จัดการของบริษัทชื่อดังบริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ส่งผลให้ในเว็บเพจเฟซบุ๊กของพรีม่าโกลด์
มีประชาชนเข้าร้องเรียนพฤติกรรมของสตรีคนดังกล่าวจำนวนมาก
ล่าสุด ทางผู้ดูแลเฟซบุ๊กพรีม่าโกลด์ ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้"ทางบริษัทฯ ได้ทำการพิจารณาหาข้อยุติ โดยพนักงานท่านนี้จะขอแสดงความรับผิดชอบ โดยการลาออก
เพื่อไม่ให้การแสดงออกส่วนตัวทางการเมืองเกิดผลกระทบต่องค์กร"
ด้านอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์ข้อความแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "การเอาทัศนะทางการเมืองของใคร (โดยที่การแสดงทัศนะนั้นของเขา ไม่ได้ทำในนามองค์กรมาเล่นงานที่อาชีพการงานส่วนตัวของเขา เป็นลักษณะสำคัญของยุคสมัยและวิธีการรณรงค์ที่เรียกว่า "แม็คคาธี่อิสม์" ใน ปวศ อเมริกันที่ใช้ทัศนะการเมืองของดารา นักเขียน จำนวนมาก มาบีบให้เขาตกงาน (เรียกว่าถูกขึ้น "แบล็คลิสต์")"นี่เป็นวิธีการแบบฟัสซิสต์ ที่เราเห็น ฝ่ายเหลือง ทำกัน
(บีบไม่ให้มหาวิทยาลัย รับ "ก้านธูป" หรือการกดดันจะให้มหาลัย หรือที่ทำงานไล่ นศ หรือ พนักงานที่ "ล้มเจ้า" ออก)ก็นับว่า "ประหลาด" ดีที่เสื้อแดงหลายคน (แม้แต่คนที่มีการศึกษาและอาชีพการงานสูง คือไม่ใช่เสื้อแดง "ระดับชาวบ้าน" อะไร)ที่อ้างเสมอว่า "เป็นฝ่ายประชาธิปไตย" กลับนิยมชมชอบวิธีการแบบฟัสซิสต์แบบนี้ หรือมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆให้กับวิธีฟัสซิสต์ แบบนี้"การยืนยันว่าวิธีการแบบนี้ผิด ไม่เกี่ยวกับ "มองโลกสวย" อะไรแค่ยืนยันว่า ไม่ต้องการใช้วิธีการแบบฟัสซิสต์ แต่ปากว่าตาขยิบว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย"
ที่มา ข่าวสด
***************************
การแสดงออกทางการเมือง ที่ขัดแย้งกับรัฐบาลไม่มีนักประชาธิปไตยคนไหนเขาไปแอนตี้หรือเล่นงานเรื่องส่วนตัวหรอก
หาก คุณสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล พิจารณากรณี้นี้หน่อยว่ามันก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวหมิ่นประมาทเขาหรือไม่?นี่ไม่ใช่เรื่องการเมืองความขัดแย้งที่ต้องมาถกเถียงกันแล้วมันคืออารมณ์ความกักขฬะถ่อยในสันดานคนล้วนๆครับ
ที่สังคมควรให้บทเรียนบ้าง คนประชาธิปไตยที่ไม่ใช่เสื้อแดงเขาต่างคิดกันในการที่พวกนี้ต่างชอบกระทำแบบนี้กันอย่่างแพร่หลายตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องส่วนมากเป็นผู้มีฐานะดี มีการศึกษาดี มีเกียรติ์ในสังคมสูงกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?กับคำ "อีกระหรี่" "อีโง่" "อีแรด" คำเหล่านี้ออกจากปากใคร?จากปากคนที่มีเกียรติ์ มีฐานะ มีความรู้ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?พฤติกรรมทำซ้ำ สังคมที่ไม่เคยปรามเตือน สังสอนพวกเขาเลยนี่คือความถูกต้องที่ต้องเพิกเฉยกันงั้นหรือคุณสมศักดิ์
การที่ผู้คนลุกขึ้นมาทำกรณีนี้ให้เป็นกรณีตัวอย่างนะสมควรแล้ว
กับการกักขฬะ ที่ได้ชอบกระทำกัน เพื่อเป็นการปรามป้องสังคมให้คงอยู่ด้วยจริยธรรม จรรยา
คุณสมศักดิ์อย่าลืมว่าพฤติกรรมนักเคลื่อนไหว นักการเมือง นักวิชาการต่างๆเหล่านั้นไม่ใช่ประชาชนเห็นกันแค่นั้นนะครับ เด็กๆอนาคต เยาวชนของชาติเขาอ่านออกนะว่าผู้มีการศึกษา
มีฐานะ มีเกียรติ์และเคยเป็นนายกยังใช้ความกักขฬะ
ให้เด็กดูว่านี่คือตัวแบบที่ดีควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคต
แล้วประเทศชาติจะเป็นอย่างไร?กับ New Generation ที่จะมาแทนที่คนรุ่นเรา
หนานเมือง สล่าง่าวบ้านนอก
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar